ตอนที่ 22 เลือดสาดกระเซ็น
ตอนที่ 22 เลือดสาดกระเซ็น
“เจ้าพวกที่ไม่รู้จักความตายเหล่านี้มาจากที่ใดกัน?”
กลุ่มของขุมอำนาจต่างๆ ต่างมองไปยังผู้ที่กล้าเข้ามาขัดขวางเส้นทางของพวกเขาอย่างดูแคลน
“ศิษย์ตระกูลหลิน ลงมือฆ่าศัตรู!”
สมาชิกตระกูลหลินนำเรือรบพุ่งเข้าใส่เหล่าขุมอำนาจใหญ่ๆที่อยู่รอบๆ
“ใครอยากเล่นกับแมลงเหล่านี้?”
ผู้อาวุโสจากสำนักเทียนจีกล่าวด้วยความไม่ใส่ใจ โดยเขาไม่คิดจะลงมือกับพวกแมลงเหล่านี้
“ข้าจากสำนักดาบสวรรค์จะไปเอง”
อาวุโสจากสำนักดาบสวรรค์ก้าวออกมาอย่างมั่นใจ
“ดี ไปเล่นกับพวกมันให้สนุก ให้พวกมันรู้ว่าการมายุแหย่กับพวกขุมอำนาจใหญ่ๆนั้นมีราคาที่ต้องจ่าย”
ในเมื่อยังมีเวลาเหลือเยอะ พวกเขาก็ไม่รีบร้อน
สำนักชิงหยุนหนีได้แค่คน แต่คงไม่สามารถย้ายสำนักหนีได้
พวกเขาต้องให้โลกเห็นผลของการขัดขืนขุมอำนาจใหญ่ๆ
“เร็วๆนี้ดูสิ! ผู้บ่มเพาะจากสำนักดาบสวรรค์ออกมาแล้ว”
“อ๊ะ! สำนักดาบสวรรค์! พวกเขาคือหนึ่งในสามสำนักที่แข่งแกร่งที่สุดของแคว้นหลิงโจว!”
ผู้คนต่างฮือฮากับการปรากฏตัวของสำนักดาบสวรรค์ สำนักที่มีชื่อเสียงแม้จะชั่วร้าย แต่มีความแข็งแกร่งเหนือทุกสิ่งในแคว้นหลิงโจว
ผู้บ่มเพาะจากสำนักดาบสวรรค์พุ่งออกมา นำโดยอาวุโสที่ถือดาบ พร้อมกับผู้บ่มเพาะอีกหลายสิบคนที่ตามมา
การปะทะเริ่มขึ้นทันที!
เสียงของดาบที่ปะทะกัน เสียงการระเบิดของพลังวิญญาณ และเสียงร้องคร่ำครวญของผู้คน ดังสะท้านไปทั่ว
“ฮึๆ นี่คือการเล่นที่พวกเจ้าเลือกเอง เส้นทางสู่สวรรค์พวกเจ้ากับไม่เลือก แต่กลับเลือกที่จะเดินเข้ามาหาประตูนรกเอง”
“อย่ามาพูดมาก! มาสู้กันต่อ!”
สนามรบเกิดขึ้นสามแห่ง ได้แก่สนามรบขอบเขตผู้ไร้มลทิน, ขอบเขตสร้างวิญญาณ และขอบเขตแปรวิญญาณ แต่ด้วยจำนวนของผู้บ่มเพาะจากตระกูลหลินที่น้อยกว่าฝ่ายตรงข้าม ทำให้พวกเขาถูกตีถอยหลังอย่างต่อเนื่อง
“ช่างน่าสงสาร! ตระกูลหลินต้องพ่ายแพ้แล้ว”
“ใช่แล้ว การที่ยืนเคียงข้างกับสำนักชิงหยุนช่างไม่ดีเลยจริงๆ”
“ท่านผู้นำตระกูล ท่านพาผู้คนหนีไปยังสำนักหลักเถิด พวกเราไม่อาจต้านทานได้แล้ว!”
หลินจ้านและผู้บ่มเพาะจากตระกูลหลินอีกท่านเผชิญหน้ากับผู้บ่มเพาะขอบเขตไร้มลทินถึงสี่คน
“จะหนีไปไหน? พวกเรายังไม่สนุกเลย”
อาวุโสจากสำนักดาบสวรรค์เลียเลือดบนดาบของตน
ผู้คนจากตระกูลหลินถูกตีถอยหลังจนแทบไม่สามารถขยับไปไหนได้ พวกเขาถูกล้อมจนเป็นเหยื่อในกระบอกไม้ พวกเขาไม่สามารถหนีไปไหนได้
“ผู้ใดกล้าขัดขวางผู้คนจากสำนักชิงหยุน!”
เสียงอันดังดังออกมา ตามมาด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ที่พัดพาผู้บ่มเพาะจากสำนักดาบสวรรค์ออกไป
พวกเขาลอยไปถึงสองวินาทีครึ่ง ก่อนจะหยุดลง ผู้บ่มเพาะขอบเขตไร้มลทินทั้งสี่ ต่างได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนคนอื่นๆล้วนถูกพลังนั้นบดขยี้จนสิ้นชีพ
“ฮึ! แข็งแกร่งมาก!”
“ผู้แข็งแกร่งจากสำนักชิงหยุนมาแล้วใช่หรือไม่? พวกเขาปรากฏตัวและทำให้ฝ่ายตรงข้ามต้องพ่ายแพ้ทันที”
“ใช่แล้ว เพียงแค่ใช้พลังวิญญาณก็ทำให้ผู้บ่มเพาะมากมายตายได้แล้ว สำนักชิงหยุนไม่ธรรมดาจริงๆ”
อาวุโสจากสำนักดาบสวรรค์หรี่ตาแคบลง พวกเขาเริ่มรู้สึกว่าเจ้าของแห่งสำนักชิงหยุนตัวจริงมาถึงแล้ว
เขาอยากดูว่าพวกเขาจะมีแผนการอะไรออกมารับมือ
จากห่างไกลที่ขอบฟ้า ผู้คนทั้งหกบินมาทางนี้
แน่นอนว่า เป็นเฟิงชิงหยาง สือฮ่าว หลินไป๋ บรรพชนหลี่ชิงหยุน รวมถึงอาวุโสสายนอกเย่ไป๋ และผู้คุ้มกันหวังเจี้ยนที่เดินทางมาพร้อมกัน
เสื้อผ้าสีขาวและสีฟ้าของสำนักชิงหยุนสะท้อนแสงแดดอย่างเด่นชัด ดูเหมือนว่ามีบางพลังลึกลับไหลเวียนภายในเสื้อผ้านั้น
“เล่นอะไรอยู่? เหตุใดสำนักชิงหยุนส่งแค่หกคนมา โดยในนั้นมีสามคนเป็นเด็กหนุ่ม”
“ใช่แล้ว หรือข่าวลือนั้นจะเป็นเท็จ?”
“แต่เสื้อผ้าของพวกเขานั้นดูเท่ดีจริงๆ”
ผู้คนที่ยืนอยู่ต่างก็พากันพูดคุยและมองไปที่เฟิงชิงหยางกับคนอื่นๆดูเหมือนพวกเขาจะคิดว่าแค่หกคนนี้จะมารับมือกับพวกขุมอำนาจทั้งหลายได้จริงหรือ?
“ท่านพ่อ ท่านทั้งสองไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
หลินไป๋รีบเดินไปตรวจอาการบาดเจ็บของหลินจ้านและคนอื่นๆ ทันที
“ไม่เป็นอะไร ขอบคุณที่ท่านเจ้าสำนักมาถึงทันเวลา”
“ไม่เป็นไรแล้ว พวกท่านพ่อกลับไปพักก่อนเถิด ให้พวกเราจัดการเอง”
“ท่านทั้งหลายคงรีบร้อนกันแล้วใช่หรือไม่? แต่ขอให้ท่านทั้งหลายใจเย็นๆก่อน
เดี๋ยวพวกเราจะพาท่านไปพบกับผู้ที่รอท่านอยู่ยมโลก”
เฟิงชิงหยางมองไปยังเหล่าผู้นำของขุมอำนาจทั้งหลายด้วยสายตาดูหมิ่น
ในสายตาของเขา พวกเขาทั้งหมดเป็นแค่ฝูงมด
“โอหังเกินไปแล้ว!”
“เด็กหนุ่มคนนี้เป็นใคร?”
“ข้าเคยเห็นคนโอหังมาก่อน แต่ไม่เคยเห็นใครที่โอหังเช่นนี้! วันนี้เหมือนกับมีมีดใบเล็กๆมาจ่อก้น ทำให้เปิดหูเปิดตาจริงๆ!”
“อ้อ? สองคนที่อยู่ในขอบเขตไร้มลทิน อีกหนึ่งคนในขอบเขตเบิกฟ้าขั้นสูงสุด นี่นะหรือรากฐานของสำนักชิงหยุน?”
ยังมีอีกสองคนที่มีการบ่มเพาะไม่สูง แต่ก็ยังไม่มีนัยยะสำคัญใดๆ ส่วนชายชราอีกคนดูเหมือนจะยังคงมองไม่ออกว่ามีพลังระดับไหน
ผู้อาวุโสจากสำนักเทียนจีจ้องมอง และคิดอยู่ในใจ
“ไม่ต้องเสียเวลาแล้ว เร่งบดขยี้พวกมันเลย”
หลังจากคำสั่งของผู้อาวุโสจากสำนักเทียนจีดังออกมา
เรือรบขนาดยักษ์หลายลำเริ่มระดมยิงใส่ทันที
ผู้แข็งแกร่งจากแต่ละสำนักพุ่งออกมาจากเรือรบและมุ่งตรงไปยังเฟิงชิงหยาง
“เย่ไป๋ เจ้าช่วยเล่นกับพวกเขาก่อน”
อาวุโสเย่ไป๋ได้ยินคำสั่ง ก็พุ่งตัวขึ้นไปในอากาศ
ด้วยพลังการบ่มเพาะขอบเขตเบิกฟ้าขั้นสูงสุดที่เขามี เขาปลดปล่อยพลังออกเต็มที่ทันที
"ซี...!"
"พลังบ่มเพาะช่างน่าสะพรึงกลัว คนผู้นี้คือผู้แข็งแกร่งขอบเขตเบิกฟ้าขั้นสูงสุดจากสำนักชิงหยุนหรือ?"
"ใช่ สำนักชิงหยุนมียอดฝีมือที่แข็งแกร่งขนาดนี้ ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขากล้าที่จะท้าทายทุกสำนักใหญ่ๆ!"
"แค่พวกปลาซิวปลาสร้อย ยังกล้าบุกโจมตีสำนักชิงหยุนของข้ารึ?"
"ฆ่า!"
เย่ไป๋พูดจบ พุ่งเข้าไปในท่ามกลางศัตรูและตบมือหนึ่งครั้ง มือของเขาฟาดลงไปในกลุ่มศัตรูทำให้คนหลายคนตายไปในพริบตา
ทันใดนั้น ท้องฟ้าก็ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกเลือดหนาแน่น ปกคลุมท้องฟ้าและแสงแดดทำให้ท้องฟ้าทั้งหมดกลายเป็นสีแดง
ปฏิทินปี10086 นับเป็นปีที่ท้องฟ้าของแคว้นหลิงโจวเปื้อนเลือด วันที่ศักดิ์สิทธิ์ในประวัติศาสตร์ที่ถูกจารึกในภายหลังในนาม "ชิงหยุนบี้มด"
"อ๊า! คนผู้นี้คือปีศาจ!"
"ช่วยด้วย! ท่านผู้นำช่วยข้าด้วย!"
ไม่ถึงหนึ่งนาทีหลังจากการต่อสู้เริ่มต้น สถานการณ์ก็เข้าสู่ขั้นวิกฤติ
ผู้แข็งแกร่งจากทุกสำนักต่างถอยร่นไป
ผู้แข็งแกร่งจากสำนักชิงหยุนโหดเหี้ยมเกินไป ไม่ต้องมีท่าไม้ตายอะไรมากมาย
แค่ตบมือก็ทำให้คนในกลุ่มกระเด็นออกไปไกล หลายคนกลายเป็นหมอกเลือดทันที
หมอกเลือดที่ลอยในอากาศยังคงลอยไม่หายไป
"ฮ่าๆๆ แค่พวกมดปลวกแค่นี้ยังกล้ามาบุกโจมตีสำนักชิงหยุนของข้า?"
"ท่านผู้อาวุโสเย่ไป๋สุดยอด!"
สือฮ่าวและหลินไป๋ ยืนมองด้วยความตกตะลึง
ทั้งสองคนถึงแม้จะมีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม แต่พวกเขาก็ยังไม่เคยพบกับการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้มาก่อน หลินไป๋แทบจะไม่มีประสบการณ์การต่อสู้จริงๆด้วยซ้ำ
เมื่อเห็นอาวุโสเย่ไป๋ที่ท้องฟ้าเหมือนกับเทพสงคราม พวกเขาก็เต็มไปด้วยความชื่นชมและนับถือ
“เห็นแล้วใช่หรือไม่? ดูให้ดีๆและเรียนรู้ให้มากๆ
ถ้าพวกเจ้าพยายามฝึกฝนอย่างหนักในภายภาคหน้า พวกเจ้าก็สามารถกลายเป็นผู้แข็งแกร่งอย่างเขาได้”
เฟิงชิงหยางพูดพลางลูบไหล่ของทั้งสองพรางคิดอยู่ในใจ
ส่วนข้า… ข้าแตกต่างออกไป! ข้าจะเปิดการโกง!
“กะอีแค่รังแกผู้อ่อนแอมีอะไรน่าภูมิใจ พวกข้าจะเล่นกับเจ้าเอง!”
ทั้งสามสำนักชั้นนำส่งผู้อาวุโสในขอบเขตเบิกฟ้ารวมถึงเจ้าสำนักเทียนจีสาขาภาคตะวันออกมา พวกเขามีกำลังในขอบเขตเบิกฟ้ารวมกันถึงสี่คน!
พลังมหาศาลระเบิดออกไปอย่างรุนแรง
“ตอนนี้ท่าจะลำบากแล้วล่ะ การสู้กับสี่คนนี้ โอกาสชนะน้อยมาก ถ้าสำนักชิงหยุนไม่มีแผนสำรอง คงหนีไม่พ้นการพ่ายแพ้”
ผู้อาวุโสจากสำนักเทียนจียิ้มมุมปากอย่างมั่นใจ การต่อสู้สี่ต่อหนึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบของพวกเขา
“ถ้าพวกเจ้ากำลังรีบร้อนที่จะตาย ข้าจะส่งพวกเจ้าขึ้นสวรรค์ไปก่อน!”
“โอหังนัก!”
การต่อสู้ระหว่างผู้แข็งแกร่งในขอบเขตเบิกฟ้าได้เริ่มขึ้นแล้ว!
การปะทะของทั้งห้าคนทำให้พื้นดินสะเทือนและท้องฟ้าดูเหมือนจะสั่นสะเทือนตาม
อาวุโสเย่ไป๋ ยังคงยืนอยู่ได้โดยไม่พ่ายแพ้ในสภาพที่ต้องเผชิญกับศัตรูถึงสี่คน
“ซี! ทรงพลังมาก นี่คือพลังการต่อสู้ที่น่ากลัวของผู้แข็งแกร่งในขอบเขตเบิกฟ้าหรือ!”
“ใช่แล้ว แม้แต่พื้นที่ก็ยังถูกทำลาย!”
ภาคตะวันออกประกอบด้วยสิบสามแคว้น ซึ่งในหมู่พวกเขา แคว้นหลิงโจวไม่มีดินแดนศักดิ์สิทธิ์อยู่ แต่ก็มีอำนาจของฝ่ายสำนักชั้นนำหลากหลายอยู่ เช่นสำนักเทียนจี ที่ยังไม่เกรงกลัวดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นขอบเขตเบิกฟ้าจึงถือเป็นเพดานพลังการต่อสู้ของแคว้นหลิงโจว
แม้จะเป็นเช่นนี้ หลายคนก็ยังไม่เคยได้เห็นมันในชีวิต
หากไม่มีอะไรผิดพลาด ผู้แข็งแกร่งในขอบเขตเบิกฟ้าผู้ที่ต่อสู้ในวันนี้จะเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดที่พวกเขาจะได้เห็นในชีวิตนี้
ในเวลานี้ท่ามกลางสี่คนที่ต่อสู้ มีคนหนึ่งแสดงความบกพร่องออกมา
เย่ไป๋จับจังหวะนี้ได้และใช้พลังทั้งหมดโจมตี
“ตายซะ!”
ด้วยเสียงคำรามของเย่ไป๋ ผู้บ่มเพาะที่แสดงความบกพร่องในขอบเขตเบิกฟ้าได้ถูกโจมตีจนระเบิดเป็นชิ้นๆ
“บรรพชน!”