ตอนที่ 20 ศึกใหญ่กำลังจะมาถึง
ตอนที่ 20 ศึกใหญ่กำลังจะมาถึง
เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ทั่วทั้งแคว้นหลิงโจวปั่นป่วน
สามขั้วอำนาจใหญ่ของแคว้นหลิงโจว สำนักเทียนจี สิบสำนักใหญ่ชั้นนำ และอีกยี่สิบกว่าสำนักชั้นหนึ่งต่างพากันเคลื่อนไหว
เรียกได้ว่าแทบทุกสำนักใหญ่ในแคว้นหลิงโจวต่างเข้าร่วมในกองทัพกำจัดสำนักชิงหยุน
ชื่อเสียงของสำนักชิงหยุนที่เคยไม่โด่งดังกลับกลายเป็นที่รู้จักในชั่วข้ามคืน
เหตุการณ์งานประลองแลกเปลี่ยนในวันนั้นก็ถูกเปิดเผยออกมา
ศิษย์ของสำนักชิงหยุนคนหนึ่งสามารถเอาชนะผู้มีพรสวรรค์สิบกว่าคนได้ แม้จะมีระดับการบ่มเพาะที่ต่ำกว่าคู่ต่อสู้
ผู้บ่มเพาะขอบเขตเบิกฟ้าจากสำนักชิงหยุนกวาดล้างผู้แข็งแกร่งจากหลากหลายสำนัก
สำนักศักดิ์สิทธิ์จากภาคกลาง ตำหนักหยกขจี ปกป้องสำนักชิงหยุน
สำนักชิงหยุนสังหารผู้อาวุโสสำนักเทียนจี
ข่าวสำคัญเหล่านี้แต่ละข่าวผลักดันให้สำนักชิงหยุนขึ้นมาเป็นที่จับตามองอย่างสูงสุด
ณ เมืองซวนเย่
“สำนักชิงหยุนก็กล้าเกินไปแล้ว ท้าทายทุกสำนักใหญ่ในแคว้นหลิงโจวแบบนี้?”
“ไม่ใช่แค่กล้า แบบนี้สำนักชิงหยุนคงต้องเผชิญกับการทดสอบครั้งใหญ่แล้ว”
“ไม่รู้ว่าสำนักชิงหยุนจะมีแผนอะไรรับมือ พวกเขามีผู้แข็งแกร่งขอบเขตเบิกฟ้า ซึ่งเกือบจะเทียบเคียงกับแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว คงต้องใช้กำลังของแดนศักดิ์สิทธิ์ถึงจะสามารถทำลายสำนักระดับนี่ได้”
“ไม่แน่หรอก อย่าลืมว่าหนึ่งในนั้นคือสำนักเทียนจี ซึ่งถือว่าแข่งแกร่งที่สุดในแคว้นหลิงโจว ได้ยินว่าแม้แต่สำนักหลักที่อยู่ภาคกลางก็ยังส่งยอดฝีมือมา”
ภายในโรงเตี๊ยม ผู้คนเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยถึงศึกครั้งนี้
ณ บ่อนพนัน
“มาๆ เปิดแล้ว เปิดแล้ว!”
“สำนักชิงหยุน ปะทะ สำนักใหญ่ ตอนนี้อัตราต่อรองอยู่ที่ 1:10”
“ข้าเดิมพัน ข้าเดิมพัน!”
“ข้าเดิมพันสำนักใหญ่ชนะ หนึ่งหมื่นศิลาวิญญาณ”
“ลองเสี่ยงดวงกันดู ถ้าเปลี่ยนจากลูกสาวคนงามเป็นศรีภรรยาสักคน มาฝากเต็มกระเป๋า คืนพรุ่งนี้จัดหนัก!”
“พี่ชาย! ท่านเป็นลูกค้าประจำเลยนะ ท่านคิดอะไรอยู่ ถึงได้กล้าเดิมพันให้สำนักชิงหยุนชนะ ช่างกล้าเสียจริงๆ! คืนพรุ่งนี้ดูท่าเจ้าจะเสียลูกสาวงามคนโปรดไป และต้องนอนในตรอกเสียแล้ว!”
……
ณ เมืองเทียนอู่
ตระกูลหลินกลายเป็นเป้าสายตาของทุกคน ต่างเฝ้ารอดูความล้มเหลวของพวกเขา
ไม่มีเหตุผลอื่นใดนอกจากข่าวที่ว่าตระกูลหลินได้ประกาศเป็นตระกูลภายใต้อาณัติของสำนักชิงหยุน และในตอนนี้ข่าวใหญ่นั้นได้ผลักดันให้ตระกูลหลินตกอยู่ในภาวะที่ถูกเพ่งเล็งอย่างหนัก
“คิดว่าตระกูลหลินเกาะต้นไม้ใหญ่ได้แล้ว คราวนี้คงดีแล้ว แต่ดูเหมือนต้นไม้ใหญ่นั้นจะพังทลาย คาดว่าตระกูลหลินคงไม่พ้นโดนลูกหลงไปด้วย”
“ใช่แล้ว น่าเสียดาย พวกเขาเพิ่งจะก้าวขึ้นมาเป็นตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองนี้ กลับต้องโชคร้ายเสียแล้ว”
“เฮ้อ…ในการแข่งขันของพวกขั้วอำนาจใหญ่ ผู้ที่ต้องตายอย่างอนาถใจที่สุดมักจะเป็นพวกอำนาจเล็กๆ เช่นพวกเรา เราควรเตรียมตัวไว้ให้พร้อม อย่าให้ไฟสงครามลามมาถึงตัว”
ณ คฤหาสน์ตระกูลหลิน
“ท่านผู้นำตระกูล สั่งการเถิด! ศิษย์ของเราที่อยู่ในระดับแก่นทองคำขึ้นไปทุกคนได้เตรียมพร้อมแล้ว”
เมื่อสิ้นเสียงของผู้อาวุโส ผู้นำตระกูลหลินจ้านก็เดินขึ้นไปข้างหน้า
“ทุกท่าน สำนักหลักของเราใกล้จะทำศึกกับบรรดาสำนักใหญ่แล้ว ในฐานะตระกูลใต้อาณัติ เราไม่อาจนิ่งเฉยดูดายได้
ยิ่งไปกว่านั้น บุตรชายของข้าหลินไป๋เป็นศิษย์สายตรงของท่านเจ้าสำนัก และสำนักชิงหยุนยังเคยช่วยชีวิตตระกูลหลินของเราเอาไว้
ศึกครั้งนี้ ต่อให้ต้องตายไปพร้อมกัน ตระกูลหลินของข้าก็จะไม่มีวันถอยแม้แต่ก้าวเดียว!
พวกเจ้าเกรงกลัวหรือไม่!”
“ไม่กลัว!”
“ไม่กลัว!”
“ไม่กลัว!”
ความฮึกเหิมเร่าร้อนดั่งไฟที่ลุกไหม้
“เตรียมเคลื่อนทัพสู่สำนักชิงหยุน!”
ตระกูลหลิน ซึ่งเป็นตระกูลชั้นนำ ประกาศสู่ภายนอกว่าพวกเขาจะเดินทางไปยังสำนักชิงหยุน สาบานว่าจะปกป้องสำนักหลักของพวกเขาด้วยชีวิต
นี่คือขุมกำลังแรกที่ยืนเคียงข้างสำนักชิงหยุน และน่าจะเป็นขุมกำลังเดียวที่กล้าทำเช่นนี้ด้วย
…..
ณ สำนักชิงหยุน
เฟิงชิงหยางกำลังตกปลาอย่างสบายอารมณ์
เขาได้สร้างบ่อน้ำเล็กๆขึ้นที่ลานกว้างบริเวณหลังเขา
ทิวทัศน์งดงาม ทั้งเสียงนกร้องขับขานและดอกไม้นานาพรรณเบ่งบานหอมหวาน
ฉินหรั่วเสวี่ยยืนอยู่ข้างๆ คอยยกชาและเทน้ำอย่างนอบน้อม
หลังจากที่นางทำความสะอาดตัวเองและเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ ความงามของฉินหรั่วเสวี่ยก็ยิ่งเปล่งประกายมากขึ้น ผิวพรรณขาวเนียนละเอียด มองดูอ่อนใสอมชมพูเมื่อแสงแดดอ่อนสาดส่องกระทบใบหน้า
“ได้ปลาแล้ว! ฮ่าๆ!”
“คืนนี้จะทำปลาย่างกินกัน”
หลังจากรออย่างใจเย็นเป็นครึ่งวัน เฟิงชิงหยางก็สามารถตกปลาได้เป็นตัวแรกของวันนี้
เมื่อปลาถูกใส่ลงในถัง เขาก็เหวี่ยงเบ็ดต่ออย่างไม่รีบร้อน
ระหว่างที่เบื่อหน่าย เฟิงชิงหยางจึงเปิดระบบขึ้นมาดู
【เจ้าสำนัก: เฟิงชิงหยาง
ระดับ: ขอบเขตผู้ไร้มลทินขั้นต้น
ศิษย์: สือฮ่าว หลินไป๋
ร่างกาย: กายาเทพเอกะจักรวาล】
【ผู้แข็งแกร่งของสำนัก:
บรรพชนหลี่ชิงหยุน: ขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุด
ผู้คุ้มกันหวังเจี้ยน: ขอบเขตผู้ไร้มลทินขั้นต้น
ผู้อาวุโสนอกเย่ไป๋: ขอบเขตเบิกฟ้าขั้นสูงสุด】
【สำนัก: สำนักชิงหยุน
ระดับ 1 (3500/10000)】
“อืม? แต้มสำนักเพิ่มขึ้นอีกสองพันแล้ว?”
เขาจำได้ว่า เมื่อครั้งที่รับตระกูลหลินเข้าเป็นกองกำลังสาขา แต้มสำนักเพิ่มขึ้นเพียงหนึ่งพัน รวมเป็นหนึ่งพันห้าร้อย แล้วอีกสองพันแต้มนี้มาจากที่ไหนกัน?
“ท่านอาจารย์! ท่านอาจารย์!”
สือฮ่าวในชุดเครื่องแบบของสำนักรีบวิ่งมาหาอย่างตื่นเต้น
“ใจเย็น ใจเย็นเถอะ!”
“อาจารย์สอนไว้อย่างไร? เมื่อเจอเรื่องใหญ่ใจเย็นต้องเย็น เข้าใจหรือไม่? ดูสิว่าเจ้าทำให้ปลาของข้าตกใจหนีไปหมดแล้ว”
“ไม่ใช่เช่นนั้น ท่านอาจารย์ ตอนนี้ทั้งแคว้นหลิงโจวกำลังจะปั่นป่วนไปหมดแล้ว!
เหล่าตระกูลและสำนักใหญ่ทั้งหลาย ด้วยการนำของสำนักเทียนจี ได้ทำการประกาศจะมาปราบปรามสำนักชิงหยุนของพวกเรา
ข้ายังได้ยินมาว่า สำนักเทียนจีจากภาคกลางส่งผู้แข็งแกร่งมาด้วย”
สือฮ่าวรีบพูดออกมารวดเดียวด้วยความตื่นตระหนก
“ข้ายังคิดว่าแผ่นฟ้าจะถล่มลงมาซะอีก ที่แท้ก็เรื่องเล็กๆแค่นี้เอง”
เฟิงชิงหยางตอบอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนหันกลับไปตกปลาต่อ ดูเหมือนว่าเรื่องใหญ่เหล่านี้จะไม่สำคัญเท่าปลาของเขาเลย
แต่เขาก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดแต้มสำนักถึงเพิ่มขึ้น — ชื่อเสียงของสำนักชิงหยุนกำลังแพร่กระจายออกไป จึงทำให้แต้มสำนักพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
“แค่พวกขี้ประติ๋วพวกนั้น ใส่ใจไปทำไม? แค่ปัดออกไปก็พอ
คงดีกว่ามาคิดว่าจะใส่เครื่องปรุงอะไรกับปลาที่จะกินคืนนี้ซะอีก”
“ว่าแต่เจ้ามีอะไรอีกหรือ?”
เห็นสือฮ่าวยังยืนอยู่ไม่ไป เฟิงชิงหยางก็ถามขึ้น
“เอ่อ…ท่านอาจารย์…แต่ว่า…เอ่อ…ไม่มีอะไรแล้วขอรับ!”
“ไม่มีอะไรก็ไปบ่มเพาะซะ! เข้าสู่แดนลับศักดิ์สิทธิ์นั่นคือสิ่งสำคัญที่สุด”
“ขอรับ ท่านอาจารย์”
ในที่สุดก็ไม่มีใครมารบกวนเขาตกปลาแล้ว ส่วนการปราบปรามของเหล่าสำนักต่างๆและการมาของสำนักเทียนจีจากภาคกลางหรือ?
แค่ส่งบรรพชนขอบเขตมหาจักรพรรดิออกไปก็ขยี้พวกนั้นได้หมด
คิดจริงๆหรือว่า บรรพชนขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดที่ประจำอยู่ในสำนักถูกวางไว้เพื่อประดับเท่านั้น?
ฉินหรั่วเสวี่ยที่ยืนฟังบทสนทนาระหว่างเฟิงชิงหยางกับสือฮ่าว ยิ่งทำให้เคารพท่านเจ้าสำนักมากยิ่งขึ้น นางรู้สึกทึ่งในความกล้าหาญของท่านเจ้าสำนัก และแววตาของนางก็เต็มไปด้วยความชื่นชม
ความลึกลับของสำนักชิงหยุนและท่านเจ้าสำนักที่มาจากขุมพลังอันยิ่งใหญ่มาจากที่ใดกัน?
หรือนี่อาจเป็นสำนักอันทรงอำนาจจากดินแดนภาคกลาง?
อย่างไรก็ตาม ด้วยท่านเจ้าสำนักที่ทระนงตนเหนือโลก ไม่เห็นสำนักเหล่านั้นอยู่ในสายตา นางก็มีหวังที่จะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง!
ณ เมืองปักฟ้า
เหล่าผู้อาวุโสและเจ้าสำนักเทียนจี ยืนเข้าแถวอย่างนอบน้อมเหมือนกำลังรอคอยใครบางคน
เรือรบขนาดใหญ่ลำหนึ่งล่องมาจากข้ามแดน และหยุดลงที่นอกเมืองปักฟ้า
ชายชราผู้สง่างามลงมาจากเรือรบ
“ท่านผู้อาวุโส! ในที่สุดท่านก็มาถึง!”
เจ้าสำนักสำนักเทียนจีรีบก้าวไปต้อนรับ
“เจ้าคือเจ้าสำนักของสาขาที่นี่หรือ?
เล่ารายละเอียดมาให้ข้าฟังหน่อย เกิดอะไรขึ้นบ้าง”
ก่อนมาเขาได้รับรายงานคร่าวๆ แล้วว่ามีขุมพลังหนึ่งสังหารผู้อาวุโสสาขาของพวกเขา และยังประกาศว่าจะกวาดล้างสาขาที่นี่ ซึ่งสาขาไม่สามารถจัดการได้ จึงได้ส่งรายงานไปยังสำนักหลัก
สำนักหลักโกรธมาก จึงส่งเขามา
“ท่านผู้อาวุโส ขุมพลังนั้นเรียกว่าสำนักชิงหยุน เป็นขุมพลังระดับจักรพรรดิเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ข้าสงสัยว่าพวกเขาอาจได้รับมรดกของมหาจักรพรรดิ”
“โอ้! ใช่แล้ว! พวกเขายังมีความเกี่ยวข้องกับขุมอำนาจศักดิ์สิทธิ์ของภาคกลางตำหนักหยกขจีอีกด้วย”
เจ้าสำนักสาขาอธิบายทุกอย่างโดยละเอียด
“มรดกของมหาจักรพรรดิ!”
ชายชรารู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาในทันที
“แต่เรื่องนี้อาจเกี่ยวข้องกับขุมอำนาจศักดิ์สิทธิ์อื่น มันค่อนข้างยุ่งยากอยู่นะ”
“งั้นข้าจะใช้ยันต์สื่อสารให้พวกเขาไปสอบถามกับตำหนักหยกขจีก่อนก่อนก็แล้วกัน”