ตอนที่ 17 ผู้ใดฝืนประสงค์ของท่านเจ้าสำนัก ต้องถูกลงโทษ!
ตอนที่ 17 ผู้ใดฝืนประสงค์ของท่านเจ้าสำนัก ต้องถูกลงโทษ!
พลังวิญญาณอันมหาศาลส่งผลให้เนี่ยนชิงถูกผลักออกไป
“ขอบเขตก่อตั้งรากฐานขั้นสูงสุด!”
“ท่านพี่หลินไป๋… ท่านสามารถบ่มเพาะได้แล้วหรือ?”
เนี่ยนชิงถามด้วยความไม่เชื่ออยากจะเชื่อ
“ไม่มีผู้ใดที่จะย่ำแย่ไปตลอด
จิตใจไม่ตาย ความมุ่งมั่นไม่สลาย แม้แต่มดตัวเล็กก็สามารถกลายเป็นมังกรได้”
หลินไป๋พูดอย่างช้าๆ พร้อมกับถือกระบี่เดินทีละก้าวเข้าไปหาหญิงสาวผู้ที่ตนเคยรัก
“มาเถอะ!”
แม้จะเป็นขอบเขตก่อตั้งรากฐานขั้นสูงสุด แต่นางยังคงเป็นผู้ที่บ่มเพาะที่ไปถึงขอบเขตแก่นทองคำขั้นกลางแล้ว วันนี้ไม่ว่าอย่างไร นางก็ต้องไม่พ่ายแพ้
“กระบี่บัวมรกต ตัดรัก! ตัดหลง! ตัดอารมณ์ปุถุชน!”
สามกระบวนท่ากระบี่
“ฟัน, ปัด, แทง!”
พลังวิญญาณในสนามฝึกวิชาไหลไปทั่ว กระบี่พัดพาไปในอากาศ
สามท่ากระบี่ทำให้กระบี่ในมือเนี่ยนชิงถูกตัดออกไป
เนี่ยนชิงนั่งลงอย่างสิ้นหวัง มองไปยังดวงตาของหลินไป๋ที่เต็มไปด้วยความเย็นชา เป็นความเย็นชาที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน
“กระบี่บัวมรกตกระบวนที่สี่ ตัดรักในวันวาน”
เมื่อกระบี่บัวมรกตกำลังจะแทงเข้าไปหาทางเนี่ยนชิง
หลินไป๋มีความเย็นชาถึงเก้าส่วน และมีความไม่อยากทำให้เกิดความเจ็บปวดอยู่เพียงหนึ่งส่วน
“หยุดเถิด!”
สตรีวัยกลางคนพุ่งขึ้นมาบนสนามฝึกวิชา ยืนขวางหน้าเนี่ยนชิง
“กระบี่บัวมรกต!”
“กระบี่บัวมรกตถามเซียน!”
หลินไป๋พลันเปลี่ยนกระบวนท่ากระบี่ ใช้กระบวนท่าที่เขาได้เรียนรู้จนถึงขีดสุด
กระบี่บัวมรกตบานเต็มท้องฟ้า กลายเป็นกระบี่ยักษ์หนึ่งเล่ม และพุ่งตรงไปยังเป้าหมาย
เมื่อเกิดการปะทะ หลินไป๋ถูกส่งตัวปลิวออกไป
ความแตกต่างของขอบเขตใหญ่หลวงเกินกว่าที่พรสวรรค์จะชดเชยได้
“ไป๋เอ๋อร์!”
“พี่หลินไป๋!”
หลินไป๋ถูกพลังอันมหาศาลผลักออกจากสนามฝึก เขาถอยหลังไปถึงสิบก้าวก่อนที่จะยืนหยัดได้
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในพริบตา สมาชิกในตระกูลหลินต่างไม่ทันได้ตอบสนอง
“เจ้ากล้าหรือ!”
หลินจ้านและเหล่าสมาชิกในตระกูลหลินต่างโกรธเคือง
ใกล้จะแพ้อยู่แล้ว แต่ยังกล้าลุกขึ้นสู้กับบุรุษต่ำต้อย แถมยังคิดจะทำร้ายตระกูลหลินที่ไร้คนปกป้อง?
“เด็กคนนี้มีพรสวรรค์อันแข็งแกร่ง! เขาอยู่แค่ขอบเขตก่อตั้งรากฐานขั้นสูงสุดแต่กลับรับการโจมตีของข้าไว้ได้โดยไม่ตาย!
เด็กคนนี้ไม่อาจปล่อยไป หากปล่อยไว้จะกลายเป็นภัยอันยิ่งใหญ่!”
สตรีวัยกลางคนมองไปยังหลินไป๋ด้วยสีหน้าจริงจัง และในใจของนางเต็มไปด้วยความตกใจ
นางเริ่มรู้สึกเสียใจในชั่วขณะ รู้สึกถึงพรสวรรค์อันยอดเยี่ยมของเขาที่เหมาะสมกับชิงเอ๋อร์อย่างยิ่ง เพียงแค่ฝึกฝนเล็กน้อยก็สามารถกลายเป็นผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งได้ แต่ในโลกนี้ไม่มียาที่สามารถย้อนเวลาหรือแก้ไขความเสียใจได้
“ท่านคิดจะไม่ยอมแพ้แล้ว ยังคิดจะใช้พลังมากดข่มขืนเด็กผู้นี้หรือ?”
เฟิงชิงหยางเดินไปข้างหลินไป๋ ใช้จิตสำนึกตรวจสอบอย่างรวดเร็ว พบว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บ เพียงแค่พลังวิญญาณถูกใช้เกินขีดจนเกิดความอ่อนล้า แล้วจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาไปยังสตรีวัยกลางคน
“ทำกับพวกเจ้าแล้วอย่างไร?
สำนักลั่วสุ่ยของข้า นอกเสียจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว ข้าก็ไม่กลัวใครทั้งนั้น!”
สตรีวัยกลางคนเริ่มแสดงท่าทีก้าวร้าว ใช้อำนาจกดข่มทุกคน
“ถูกต้อง หากมีท่านผู้อาวุโสจากสำนักลั่วสุ่ยอยู่ที่นี่ การแต่งงานนี้พวกท่านต้องยกเลิก!”
ในขณะที่ผู้นำตระกูลเนี่ยนยังคงตกตะลึงอยู่ ในทันใดนั้น เขาก็ได้สติกลับคืนมา ใช่แล้ว ถ้าชิงเอ๋อร์แพ้แล้วยังไงล่ะ สำนักลั่วสุ่ยเป็นขุมอำนาจชั้นนำ เขาจะกลัวอะไร
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร? อยากจะลองเดาดูไหมว่าตระกูลหวังและตระกูลไป๋ล่มสลายได้อย่างไร?”
เฟิงชิงหยางหัวเราะเย็นชาเมื่อได้ยินคำพูดของเนี่ยนหยาง
เนี่ยนหยางตกตะลึงยิ่งกว่าเดิมทันที ใช่แล้ว ตั้งแต่เขาก้าวเข้ามาในที่นี้ เขาก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติอย่างชัดเจน ว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งที่ไม่รู้จักนั่งอยู่ในที่ตำแหน่งผู้นำของตระกูลหลิน และยังสามารถควบคุมหลินจ้านได้โดยที่ไม่ต้องเถียงกัน
หรือว่าตระกูลหลินก็ได้ร่วมมือกับมหาอำนาจแล้ว!
“สำนักลั่วสุ่ยของเจ้านับเป็นสิ่งใด?
เช่นเดียวกับตระกูลหวังและตระกูลไป๋ ไม่ยากเลยที่จะทำลายพวกเจ้า
อาภัพจริงๆ พวกมดตัวเล็กๆ ชีวิตหนึ่งก็ต้องอยู่ใต้อำนาจคนอื่น”
“เจ้ากล้าดูหมิ่นสำนักลั่วสุ่ยของข้า…”
ยังไม่ทันที่สตรีวัยกลางคนจะพูดจบ ท้องฟ้าก็เปลี่ยนสีไปในทันที พายุฝนฟ้าคะนองได้เกิดขึ้น พร้อมกับใบหน้าขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นกลางอากาศ
“ผู้ใดขืนประสงค์ของท่านเจ้าสำนัก จะต้องถูกลงโทษ!”
ฝ่ามือขนาดใหญ่ตบลงมาโดยไม่ทันตั้งตัว กระแทกสตรีวัยกลางคนจนร่างแหลกเป็นผง
ผู้นำตระกูลเนี่ยนตกตะลึงจนถึงขนาดกลั้นอุจจาระและปัสสาวะไม่อยู่
“เห็นแล้วใช่ไหม? อำนาจที่เจ้าพึ่งพิงอยู่ มันก็แค่พวกมดปลวกต่อหน้าข้า
พรสวรรค์ของบุตรสาวเจ้า ยังไม่ถึงระดับที่จะถือรองเท้าให้แก่ศิษย์ข้าด้วยช้ำ“
“ท่านเจ้าสำนักยิ่งใหญ่! สำนักชิงหยุนยิ่งใหญ่!”
ในฐานะที่เป็นกองกำลังร่วมจากสำนักชิงหยุน คนในตระกูลหลินที่เห็นเหตุการณ์นี้ ต่างก็ภูมิใจและสะใจอย่างมาก
“ทำลายพลังการบ่มเพาะแล้วขับไล่ไปซะ! ให้พวกมันออกจากเมืองเทียนอู่!”
เฟิงชิงหยางพูดจบก็หันหลังเดินออกไป
ส่วนที่เหลือให้คนในตระกูลหลินจัดการเอง
ในที่สุด พ่อและลูกสาวตระกูลเนี่ยนที่ถูกทำลายพลังการบ่มเพาะถูกโยนออกไป ตระกูลเนี่ยนก็ต้องหนีไปอย่างน่าอับอาย
วันที่เกิดเหตุการณ์นี้ ทุกคนในเมืองเทียนอู่ต่างรู้สึกเหมือนอยู่ในความฝัน เมื่อข่าวใหญ่ๆรั่วไหลออกมา ทำให้ทุกคนตกใจไม่รู้จะพูดยังไง
เริ่มจากตระกูลใหญ่ทั้งสามที่ถูกขจัดรากถอนโคน คือ ตระกูลหวังและตระกูลไป๋
ต่อมาก็คือตระกูลหลินที่มีอำนาจเหลือแค่หนึ่งมือในเมืองเทียนอู่ ประกาศตัวเองเป็นตระกูลใต้อาณัติของสำนักชิงหยุน!
และตระกูลเนี่ยนซึ่งเป็นพันธมิตรชั้นหนึ่งของตระกูลหลิน ก็ถูกขับไล่ออกจากเมืองไป โดยมีข่าวลือว่าผู้นำตระกูลเนี่ยนถูกทำลายพลังการบ่มเพาะจนไม่สามารถฟื้นฟูได้
แม้ว่าตระกูลหลินจะไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่ทุกคนก็เข้าใจดีว่า ตระกูลหวังและตระกูลไป๋นั้นถูกทำลายโดยสำนักชิงหยุน ซึ่งเป็นสำนักที่ตระกูลหลินยอมอยู่ภายใต้
หลินไป๋และเฟิงชิงหยางนั่งฟังเพลงในโรงเตี้ยมก่อนจะเดินทางกลับสำนัก
ทั้งสองไม่ได้รีบร้อนเดินทางไป ค่อยๆเดินอย่างช้าๆ เพราะพวกเขามีโอกาสออกมาเที่ยวบ้าง จึงอยากให้เวลาในการชมธรรมชาติและเพลิดเพลินกับการเดินทาง
“ท่านอาจารย์ ข้างหน้าเป็นชายแดนของราชวงศ์ต้าโจวแล้ว”
บนทางเก่าแก่ที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน ต้นไม้เขียวขจีสูงใหญ่ปกคลุมท้องฟ้าให้ความเย็นสบาย ดอกไม้ป่าที่บานเต็มทุ่งก็เพิ่มสีสันให้ทิวทัศน์
“พอข้ามชายแดนไปแล้วก็เร่งฝีเท้าให้กลับสำนักเถิด”
เฟิงชิงหยางคิดถึงเวลาที่เขากำหนดให้เหล่าสำนักมาขอโทษภายในสามวัน หากเลยเวลานั้นไป ก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าเขาจะทำอะไรกับพวกเขาบ้าง