ตอนที่แล้วEP.10
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEP.12

EP.11


EP.11

[มุมมองบุคคลที่ 3]

วันรุ่งขึ้น ปีเตอร์ก็พร้อมและมุ่งมั่นกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น

ปีเตอร์มองดูตัวเองในกระจก 'ชั้นสงสัยจังว่าหลังจากโดนกัด ชั้นจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหน ชั้นจะสูงขึ้นไหม จะมีกล้ามเนื้อมากขึ้นไหม ใบหน้าของชั้นจะเปลี่ยนไปไหม ชั้นควรบันทึกภาพนี้ไว้ในหัวเพื่อถ่ายก่อนและหลัง'

(ภาพของปีเตอร์ ปาร์คเกอร์)

ปีเตอร์ถอนหายใจและเตรียมตัวเดินไปยังโรงเรียน เมื่อมาถึงก็เห็นนักเรียนทุกคนกำลังเตรียมตัวและขึ้นรถโรงเรียน

เมื่อครูเห็นปีเตอร์ เขาก็ถามว่า "เธอมีใบอนุญาตไหม ? เธอรู้ไหมว่าชั้นไม่สามารถให้เธอเข้าไปได้ถ้าไม่มีใบอนุญาต"

ปีเตอร์เพียงพยักหน้าในขณะที่เขาหยิบมันออกมาและส่งให้เขา

ครูมองดูมันสองสามวินาทีก่อนจะพยักหน้าและทำสัญลักษณ์ให้ปีเตอร์เข้าไป

ปีเตอร์ถอนหายใจก่อนจะเข้าไป เขาหันไปมองรอบๆและเห็นที่นั่งว่างข้างๆ เกวน เมื่อเขานั่งลง เกวนก็มองเขาด้วยความกังวล เธอวางมือบนแขนเขาและถาม

“ปีเตอร์ นายโอเคไหมพวกเราเป็นห่วงนายนะ เพราะนายทำตัวแปลกๆมาหลายวันแล้ว”

ปีเตอร์ยิ้มให้เธออย่างปลอบใจ “ตอนนี้ชั้นโอเคแล้ว แต่เธอรู้ไหมว่าวัยรุ่นทั่วไปก็เป็นแบบนี้ มันเกือบจะเหมือนผ่านช่วงวิกฤตวัยกลางคนมาแล้ว แต่การพูดคุยกับลุงเบ็นก็ช่วยได้”

เกวนยังคงมองปีเตอร์ด้วยสายตากังวล ปีเตอร์ที่เห็นเช่นนี้ก็ยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน เขาเดินไปจูบแก้มเธอ ซึ่งทำให้เธอตกใจจนหน้าแดง

เกวนจับแก้มตัวเองแล้วถามด้วยหน้าแดง “นั่นมันสำหรับอะไร”

ปีเตอร์ยักไหล่ตอบว่า “ชั้นก็ไม่รู้ ชั้นแค่รู้สึกว่าต้องทำแบบนั้น”

แฟลชที่เห็นว่าเพิ่งเกิดเรื่องขึ้นก็ยิ้มเยาะก่อนจะตะโกนออกมาดังๆ ว่า "ไม่มีทางหรอก เจ้าเปี้ยก พาร์กเกอร์มีแฟนแล้ว เขาเพิ่งจะจูบเกวน สเตซี่"

"อะไรไม่เคยเห็นคน 2 คนจูบกันก่อนหรือไงแฟลช หรือว่าเพราะแม่กับพ่อของนายคงไม่รักกันแล้ว" ปีเตอร์ตอบ

“ห๊ะ! พูดงี้หมายความว่าไงวะไอ้เวร” แฟลชพูดด้วยความโกรธกับคำตอบของปีเตอร์

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่แฟลชจะทำอะไรอย่างอื่น ครูก็ขึ้นรถบัสและบอกให้ทุกคนใจเย็นลง "โอเค โอเค พอแล้ว ทุกคนไปนั่งที่ของตัวเองแล้วรัดเข็มขัดนิรภัย"

ทุกคนทำตามที่เขาบอก และเมื่อรถบัสเริ่มเคลื่อนตัวและมุ่งหน้าสู่บริษัทออสคอร์ป

เมื่อมาถึงก็บอกให้ไปยืนเข้าแถวรอไกด์นำเที่ยวเข้ามาพาชม

หญิงสาวผมดำเชื้อสายเอเชียเดินมาพร้อมกับกระดานคลิปบอร์ดและแนะนำตัว "สวัสดีตอนบ่ายนักเรียนทุกคน วันนี้ชั้นจะเป็นไกด์นำเที่ยวให้พวกเธอ ชั้นชื่อซินดี้ มูน หวังว่าพวกเธอจะสนุกกับเวลาที่อยู่กับเรานะ"

ขณะที่ซินดี้ มูนกำลังนำเสนอผลงานวิจัยทั้งหมด ปีเตอร์ก็ดูทุกอย่างอย่างละเอียด ทำให้เขาไม่ทันสังเกตว่าเกวนกำลังมองมาที่เขาด้วยความกังวล

คุณนายมูนจึงนำพวกเขามาที่ประตูที่ปิดสนิทแล้วพูดว่า “ในห้องนี้เป็นห้องจัดแสดงแมงมุม ตามปกติพวกเรานั้นไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปเนื่องจากเป็นอันตราย แต่พวกเราได้รับอนุญาตให้มองจากภายนอกผ่านกระจกได้”

ทุกคนต่างมองดูทุกสิ่งอย่างด้วยความประทับใจเล็กน้อย แต่สำหรับพวกเขาแล้ว มันก็ไม่มีอะไรน่าสนใจเลย

“ไปดูโครงการต่อไปของพวกเรากันเถอะ โครงการนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับกิ้งก่าและความสามารถในการงอกแขนขาใหม่”

ในขณะที่เพื่อนร่วมชั้นที่เหลือเดินตามไป ปีเตอร์ยังอยู่ด้านหลัง แต่เมื่อเห็นว่าทุกคนเดินไปข้างหน้า เขาก็เดินถอยหลังเข้าไปในนิทรรศการแมงมุมอย่างช้าๆ

เพราะอย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขาไม่ได้สังเกตเห็นก็คือเขาไม่ได้เป็นคนเดียวที่อยู่ข้างหลัง เพราะมีบุคคลที่เห็นว่าเขาอยู่ข้างหลังก็ตัดสินใจทำเช่นเดียวกันเพื่อดูว่าเขาทำอะไรอยู่

เมื่อเขาเข้าไปข้างใน เขาก็เห็นใยแมงมุมอยู่เต็มไปหมด พร้อมกับแมงมุมที่เดินไปมาทั่วบริเวณ สายตาของเขาไปหยุดอยู่ที่แมงมุมตัวนึง และดูเหมือนว่ามีบางอย่างกำลังเรียกเขาอยู่

แมงมุมตัวนี้แตกต่างจากแมงมุมสีน้ำเงินและสีแดงทั่วไปที่มอบพลังให้กับปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ เพราะแมงมุมตัวนี้เป็นสีแดงและสีดำ โดยมันมีสายฟ้าสีฟ้าอยู่รอบขาทั้ง 8 ของมัน

มันดูเหมือนกับว่าได้มีบางอย่างกำลังเรียกปีเตอร์ให้เข้าไปใกล้มัน เขาที่อดใจไม่ได้ที่จะขยับเข้าไปใกล้มันก็ขยับเข้าไปใกล้มันมากขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อเขายืนตัวตรงแล้ว เขาก็ยื่นมือไปหาแมงมุม แมงมุมก็ไม่ลังเลที่จะปีนขึ้นไปบนมือของเขาเลย ดูเหมือนว่ามันเองก็คงรู้สึกผูกพันกับปีเตอร์เหมือนกัน

หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อแมงมุมเข้ามาใกล้ข้อมือของปีเตอร์ มันก็อ้าปากและแทงเขี้ยวใส่ปีเตอร์ มันได้ส่งพิษเข้าไปในกระแสเลือดของปีเตอร์ แต่ปีเตอร์ไม่ได้ส่งเสียงใดๆออกมาในขณะที่มันเกิดขึ้น แต่เขากลับได้ยินเสียงบางอย่าง

"โอ๊ย" *ปัก*

ปีเตอร์หันศีรษะอย่างรวดเร็วและมองเห็นร่างที่ติดตามเขาเข้ามาข้างใน

“เกวน เธอมาทำอะไรที่นี่ เกิดอะไรขึ้น” ปีเตอร์ถามเมื่อพอจะนึกออกว่าเพิ่งเกิดอะไรขึ้น

“เพราะนายทำตัวดูน่าสงสัยและประหลาดมาก แล้วชั้นก็เห็นว่านายนั้นแอบหนีออกจากกลุ่ม ชั้นเลยตามนายมา และแน่นอนว่ามันมีแมงมุมด้วย”

จากนั้นเกวนก็แสดงให้ปีเตอร์ดูสิ่งที่อยู่ในมือของเธอ มันคือแมงมุม เป็นแมงมุมสีขาวอมชมพู มีขาสีฟ้าเหมือนน้ำแข็งจนขาของมันดูเหมือนทำมาจากน้ำแข็ง

ปีเตอร์เพียงแค่หยิบขวดยา 2 ขวดออกมาจากกระเป๋า แล้วรีบคว้าแมงมุมทั้ง 2 ตัวแล้วใส่ลงไป

แมงมุมสีขาวน่าจะตายแล้ว ส่วนแมงมุมสีดำกำลังพยายามหลบหนี ปีเตอร์ได้เจาะรูเล็กๆลงในขวดเพื่อให้แมงมุมหายใจได้แต่หนีไม่ได้

ปีเตอร์วางแผนที่จะจับแมงมุม 1 ตัวเพื่อการทดสอบ แต่เขาไม่ได้คำนึงถึงการที่เกวนจะถูกกัดด้วยเลย

หลังจากเก็บแมงมุมอย่างระมัดระวังแล้ว ทั้งเกวนและปีเตอร์ก็เริ่มเวียนหัวพร้อมกัน "ปีเตอร์ ชั้นสุ้สึกไม่ค่อยดีเลย"

ปีเตอร์เองก็ถึงกับมีอาการเวียนหัว แต่เขาก็คว้ามือเกวนและดึงเธอออกจากนิทรรศการ "ใช่ ชั้นเองก็รู้สึกไม่ค่อยดีเหมือนกัน"

“พวกเราจะตายไหม” เกวนถามด้วยความกลัว

"ชั้นสงสัยว่าจะเป็นอย่างนั้น พวกเราคงต้องนอนพักเอาแรงก่อนดีกว่า มาเถอะ รีบหนีกลับบ้านกันเถอะ หรืออย่างน้อยก็ไปที่ฐานลับของพวกเรา”

เกวนพยักหน้าในขณะที่สะดุดเท้าตัวเอง ปีเตอร์จึงหยิบโทรศัพท์ออกมา "อาร์นี่ตัดต่อวิดีโอและให้แน่ใจว่าไม่มีใครเห็นพวกเราขณะเดินกลับบ้าน"

ด้วยระบบการเรียนรู้ของ อารัคนิด รูปแบบการพูดของเธอจึงกลายเป็นหุ่นยนต์น้อยลงและคล่องแคล่วขึ้น ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา อารัคนิด ใช้เวลาไปกับการเรียนรู้ทุกอย่างที่เธอสามารถเขียนโค้ดได้

“ใช่ เอามาเลย พวกเราต้องการมัน”

จากนั้นปีเตอร์และเกวนก็เริ่มหลบเลี่ยงบุคคลและเจ้าหน้าที่อย่างเงียบๆ ด้วยความช่วยเหลือของอาร์นี่ที่คอยดูแลพวกเขา ทั้งคู่เลยแอบหนีออกไปทางด้านหลังของอาคารโดยไม่ถูกจับได้และเดินโซเซไปมา

ด้านหลังมีรถสีขาวจอดรอพวกเขาอยู่ โดยมันเปิดประตูเอาไว้ โดยมันเป็นรถที่ปีเตอร์สร้างขึ้นโดยใช้ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ ซึ่งอาร์นี่สามารถควบคุมได้ทุกเมื่อที่ต้องการ

ปีเตอร์ช่วยเกวนเข้าไปนั่งข้างใน จากนั้นเขาก็เข้าไปข้างในด้วย จากนั้นประตูรถปิดเอง และปีเตอร์แค่พูดว่า "พาพวกเราไปที่ที่ซ่อน"

รถเริ่มขับไปเองราวกับว่ากำลังฟังคำสั่งของเขา ขณะที่พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปยังสถานที่ปลอดภัย ทั้งปีเตอร์และเกวนต่างก็หมดสติและพิษมันก็ไหลเดินเข้ามาในร่างกายของทั้งคู่แล้วก็ออกไป ตามด้วยร่างกายของพวกเขาที่ร้อนขึ้นและเริ่มมีเหงื่อออกทั่วร่างกาย

“นายแน่ใจนะ พีท” เกวนเริ่มตัวสั่นและหนาวมากอย่างไม่คาดคิด

"บรื๋อ ทำไมมันหนาวอย่างนี้" เกวนพึมพำโดยที่ลมหายใจของเธอสามารถมองเห็นได้ทุกครั้งที่เธอพูดและหายใจออก

ขณะที่ปีเตอร์อยู่ข้างๆได้มีอาการกระตุกและดิ้นราวกับโดนไฟฟ้าช็อต

ไม่กี่นาทีต่อมา ทั้งคู่ก็มาถึงที่ซ่อนของพวกเขา เมื่อพวกเขาลงจากรถ ปีเตอร์ก็เกือบจะล้มลงกับพื้นเนื่องจากเขามีอาการกระตุกอย่างรุนแรงและไม่สามารถควบคุมร่างกายของตัวเองได้

ในขณะที่เกวนกำลังกอดตัวเองเพราะความหนาวเหน็บของเธอ ทั้งคู่ได้เดินกะเผลกเข้าไปในที่ซ่อนของตนอย่างช้าๆและนอนลงบนโซฟาของตัวเองและขดตัวเป็นลูกบอล

พวกเขาใช้เวลาที่เหลือของวันด้วยการกระตุกและสั่นไม่รู้ว่านานแค่ไหน...

โปรดติดตามตอนต่อไป.

_______________

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด