ตอนที่แล้วบทที่ 32 พวกเรามีเรื่องจะคุยด้วยหน่อย!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 34 คุณพอจะมีแนวคิดคร่าว ๆ ไหมครับ?

บทที่ 33 เธอจะเอาหรือไม่เอา แค่นั้นแหละ!


บทที่ 33 เธอจะเอาหรือไม่เอา แค่นั้นแหละ!

ในตอนเช้าตรู่ ประตูบ้านของเฉินจิ่วซือก็ถูกเคาะ

"ผู้ใหญ่บ้านเซี่ยง คุณมาได้ยังไงครับเนี่ย"

เป็นเซี่ยงหมิงหลาง ผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านหยุนเฟิงที่อยู่ข้างๆ นั่นเอง

ก็ถือว่ารู้จักกันพอสมควร แถมเขายังพาคนมาด้วย

ดูเหมือนว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ของหมู่บ้านหยุนเฟิงทั้งหมด

"ผู้ใหญ่บ้านเฉิน พวกเรามาในครั้งนี้ก็มีเรื่องอยากจะพูดอยู่"

เซี่ยงหมิงหลางสูดหายใจเข้าลึกๆ เหมือนกำลังตัดสินใจ "คือพวกเราอยากจะรวมเข้ากับหมู่บ้านหยุนซี ไม่รู้ว่าคุณมีความเห็นยังไงบ้าง.."

"ห๊ะ!?"

เฉินจิ่วซือทำหน้างง

ขยี้ตา

เกาหัว

ในใจอดไม่ได้ที่จะคิดว่าตัวเองยังไม่ได้สติหรือเปล่า!

พูดตามตรง การควบรวมหมู่บ้านรอบๆ นั้น เฉินจิ่วซือก็เคยคิดไว้เหมือนกัน

การที่จะพัฒนาและสร้างสิ่งมหัศจรรย์โดยอาศัยแค่ 300 กว่าครัวเรือนในหมู่บ้านหยุนซีนั้นยากเกินไป

แค่การสร้างสิ่งมหัศจรรย์อย่างแรกเขาก็ต้องจ้างคนจากข้างนอกแล้ว แล้วสิ่งมหัศจรรย์อื่นๆ ในอนาคตล่ะ?!

แล้วก็เรื่องที่ดินส่วนรวม.. พื้นที่ของหมู่บ้านหยุนซีมีประมาณ 20,000 เอเคอร์ สำหรับใช้ในการอยู่อาศัยนั้นถือว่าไม่น้อย แต่พื้นที่ขนาดนี้จะสร้างสิ่งมหัศจรรย์ได้สักกี่แห่งกัน

สองแห่ง? สามแห่ง?

ในไม่ช้า พื้นที่ของเขาก็จะถึงขีดจำกัด

การขยายหมู่บ้านเป็นทางเลือกที่ดี

แต่เขาก็ยังไม่มีแนวคิดว่าจะทำยังไง

ในแง่ของนโยบาย การที่หมู่บ้านเล็กๆ จะรวมกับหมู่บ้านใหญ่ ก็ไม่ใช่เรื่องผิด ถ้าแค่ยื่นเรื่องขอไป ก็จะได้รับการอนุมัติ แล้วยังได้รับเงินอุดหนุนอีกด้วย

แต่จะให้หมู่บ้านอื่นมารวมกับหมู่บ้านของตัวเอง มันจะต้องใช้เหตุผลอะไรล่ะ

เมื่อรวมกันแล้ว แม้แต่ชื่อหมู่บ้านที่บรรพบุรุษของตัวเองใช้มาก็จะหายไป

แค่เรื่องนี้ พวกคนแก่ในหมู่บ้านทั่วไปก็คงจะไม่ยอมรับอย่างแน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อรวมกันแล้วก็อาจจะต้องมีเรื่องของการย้ายถิ่นฐานเข้ามาเกี่ยวข้อง

ถึงแม้ว่าจะยังคงอาศัยอยู่ที่เดิม ปัญหาที่ตามมาก็คงจะไม่น้อย

เฉินจิ่วซือที่ไม่รู้ว่าจะทำยังไงก็ได้แต่ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอนาคต

แต่ตอนนี้มันอะไรกันล่ะเนี่ย

ตื่นเช้ามา ก็มีคนจากหมู่บ้านหยุนเฟิงที่อยู่ข้างๆ มาหา แล้วก็พูดว่าจะขอรวมกับหมู่บ้านของเขา

สิ่งที่เขาอยากจะทำแทบตาย กลับไม่ต้องทำอะไรโดยที่อีกฝ่ายเสนอมาเองแบบนี้

นี่มันสถานการณ์อะไรกัน

เขาถึงกับงง

เขาไม่กล้าที่จะเชื่อ

มันเหลือเชื่อมาก!

"พวกเราอยากให้หมู่บ้านหยุนเฟิงรวมกับหมู่บ้านหยุนซีของคุณ" เซี่ยงหมิงหลางก็รู้สึกว่าปฏิกิริยาของเฉินจิ่วซือนั้นปกติ ถ้าเป็นเขา เขาก็คงจะทำหน้าตาแบบนั้นเหมือนกัน

หมู่บ้านหยุนเฟิงก็คล้ายกับหมู่บ้านของพวกเขา

แถมยังมีขนาดที่ใหญ่กว่าด้วย

มีประมาณ 400 ครัวเรือน

มีคนมากกว่าหลายร้อยคน

พื้นที่ของหมู่บ้าน ก็มีประมาณ 20,000 กว่าเอเคอร์เหมือนกันซึ่งก็ถือว่าไม่ต่างกัน

แต่พื้นที่ที่สามารถเพาะปลูกได้ของหมู่บ้านหยุนเฟิงนั้นมีมากกว่าหมู่บ้านหยุนซีอยู่พอสมควร

แล้วก็ ท่าเรือของหมู่บ้านหยุนเฟิงนั้นดีกว่าของหมู่บ้านหยุนซีด้วย การจับปลาก็จะสะดวกสบายมากกว่า

เมื่อเพื่อนบ้านที่แข็งแกร่งกว่าตัวเออยากจะมารวมหมู่บ้านด้วยแบบนี้ จะไม่ให้เฉินจิ่วซือประหลาดใจได้อย่างไร

หลังจากที่เงียบไปสักพัก เฉินจิ่วซือถึงได้พูดออกมา "พวกคุณเอาจริงเหรอ"

"แน่นอนสิ คิดว่าพวกเรามาทำเล่นกันหรือยังไง"

เซี่ยงหมิงหลางชี้ไปที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของหมู่บ้านที่อยู่ข้างหลังเขา

"งั้นก็บอกความคิดของพวกคุณมา พวกเราจะเอาไปพิจารณาดู" เฉินจิ่วซือพยักหน้า

เมื่อกี้เขาก็ได้ไตร่ตรองอย่างดีแล้ว

ลองหยั่งเชิงดูว่าหมู่บ้านหยุนเฟิงคิดยังไง แล้วค่อยไปตัดสินใจ

เผื่อว่าพวกเขาอยากจะมาตีชิงเอาผลประโยชน์ล่ะ

มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้นี่นา

"พวกเราก็แค่รู้สึกว่าคุณเป็นคนที่ดี มีความสามารถ กล้าหาญ ถ้าได้ตามคุณไปชาวบ้านทุกคนของเราก็คงจะได้มีชีวิตที่ดี"

เซี่ยงหมิงหลางพูดอย่างมีเหตุผล "เกาะจงซานของพวกเรา.. พูดจริงๆ ก็คือมันห่างไกลและยากจนเกินไป จะหาทางออกก็ยากเกินไปแล้ว ถ้าให้พวกเรานำหมู่บ้านต่อไป การที่ไม่ทำให้คนอดตายก็ดีแค่ไหนแล้ว จะทำให้คนรวยขึ้นมาหรืออะไรแบบนั้นมันเป็นไปไม่ได้เลย"

"แต่พวกเราเห็นความหวังจากคุณ!"

วันนั้นที่ได้เห็นกองเงินก้อนโตของหมู่บ้านหยุนซีในอินเทอร์เน็ต เซี่ยงหมิงหลางก็ถึงกับงง

หลังจากที่ตั้งสติได้ เขาก็คิดอะไรไปมากมาย

เหมือนที่เจ้าหน้าที่หนุ่มในหมู่บ้านพูด พวกเขาสามารถ 'ลอก' ได้

เอาวิธีการของหมู่บ้านหยุนซีไปใช้

แล้วก็อาจจะปลูกกล้วยไม้สกุลหวายตามได้เหมือนกัน

และบางทีก็อาจจะทำเงินได้เหมือนกันด้วย

แต่แบบนั้นมันดีแล้วจริงๆ เหรอ?!

เซี่ยงหมิงหลางไม่กล้าที่จะตัดสินใจ

ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่บ้านและอายุก็ไม่ใช่น้อย เขาเคยเห็นเรื่องราวต่างๆ มามากมาย อย่างเช่น มีคนในหมู่บ้าน A ทำธุรกิจอะไรบางอย่างแล้วได้เงิน พอคนในหมู่บ้าน BCD เห็นก็ทำตาม แต่ผลปรากฎว่าไม่มีใครได้เงินเท่าหมู่บ้าน A เลย

และกล้วยไม้สกุลหวายสำหรับพวกเขานั้นเป็นเรื่องที่ไม่เคยมีความรู้มาก่อน

บางทีอาจจะได้เงิน หรือบางทีก็อาจจะจบไม่สวยก็ได้

การที่ต้องใช้เวลาถึงสามปี เขาไม่กล้าที่จะเสี่ยงหรอก!

ถึงแม้ว่าจะผลิตออกมาได้จริง แล้วเขาจะขายได้ในราคาสูงแบบนั้นไหม

นี่ก็เป็นคำถามใหญ่เช่นกัน

ยิ่งไปกว่านั้น นี่มันเป็นแค่เรื่องของกล้วยไม้สกุลหวายเหรอ

เขาคิดว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องของกล้วยไม้สกุลหวายหรอก!

มันเป็นเรื่องของความคิด

พวกเขานั้นถูกจำกัดด้วยกรอบความคิดเดิมๆ

ไม่มีความสามารถที่จะก้าวข้ามกรอบความคิดเดิม

ถึงแม้ว่าจะ 'ลอก' เรื่องกล้วยไม้สกุลหวายมาได้ แล้วอนาคตล่ะ?!

จะเปลี่ยนจากการจับปลาของบรรพบุรุษ มาเป็นการจับปลาและปลูกกล้วยไม้สกุลหวายไปชั่วลูกชั่วหลานเหรอ

นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ

ถ้าเป็นแบบนั้น ก็สู้เอาหน่อย นำหมู่บ้านหยุนเฟิงไปรวมกับหมู่บ้านหยุนซี ไปพึ่งเฉินจิ่วซือเลยดีกว่า!

หลังจากที่กลายเป็นพวกเดียวกันแล้ว เฉินจิ่วซือก็คงจะพาพวกเขารวยไปอย่างเป็นธรรมชาติ

พูดตามตรง ตอนที่เขาคิดเรื่องนี้ขึ้นมาครั้งแรก เขาก็คิดว่าตัวเองบ้าไปแล้ว

แค่เพราะคลิปวิดีโอเพียงคลิปเดียว ก็ถึงกับคิดที่จะทิ้งบรรพบุรุษ พาคนทั้งหมู่บ้านหนีตามกันไป

ความคิดนี้มันไม่ปกติแล้ว!

แต่บางครั้ง เมื่อมีความคิดบางอย่างเกิดขึ้นแล้ว ก็จะอดไม่ได้ที่จะคิดถึงมันอยู่เรื่อยไป

ถ้าอยากจะกำจัดความคิดนี้ ก็ต้องหาหลักฐานมายืนยัน

แต่น่าเสียดาย สิ่งที่เขาได้ยินหลังจากนั้นก็คือโรงงานแปรรูปกล้วยไม้สกุลหวาย สิ่งที่เขาได้ยินก็คือแหล่งท่องเที่ยว สิ่งที่เขาเห็นก็คือชาวบ้านของหมู่บ้านหยุนซีเกือบทั้งหมดต่างก็ถูกดึงเข้ามาทำงานเพื่อหาเงิน สิ่งที่เขาเห็นก็คือคนมากมายบนเกาะ รวมถึงคนจากหมู่บ้านหยุนเฟิงของเขาเองต่างก็ไปทำงานที่หมู่บ้านหยุนซี!

สิ่งที่เขาเห็นก็คือ ชาวบ้านจำนวนมากต่างก็อิจฉาหมู่บ้านหยุนซีและนินทาพวกเขาว่าไม่ทำอะไรมาตั้งหลายปี!

ยิ่งเห็นมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าการไปพึ่งเฉินจิ่วซืออาจจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้ว

หลังจากนั้น เขาก็เริ่มที่จะเกลี้ยกล่อมคณะกรรมการหมู่บ้าน เกลี้ยกล่อมคนที่พูดจามีน้ำหนักในหมู่บ้าน....

เมื่อฟังคำพูดของเซี่ยงหมิงหลาง เฉินจิ่วซือก็รู้สึกว่าดวงตาของเขาเปล่งประกาย

เซี่ยงหมิงหลางคนนี้ เป็นคนที่มีวิสัยทัศน์จริงๆ!

สิ่งที่เซี่ยงหมิงหลางพูดออกมานั้นก็คงจะเป็นสิ่งที่เขาคิดจริงๆ แต่เฉินจิ่วซือรู้สึกว่าสิ่งที่เซี่ยงหมิงหลางคิดก็คือ เขาพบว่าหมู่บ้านหยุนเฟิงนั้นมีค่าสำหรับแผนการของเฉินจิ่วซือจริงๆ

ถ้าให้เปรียบเทียบอาจจะไม่ถึงขั้นเป็นของขวัญที่ล้ำค่า แต่ก็ไม่ใช่ของที่ไม่จำเป็น

หมู่บ้านหยุนซีต้องการแรงงาน ต้องการคน ต้องการที่จะขยายกำลังการผลิตกล้วยไม้สกุลหวาย ก็อาจจะต้องใช้ที่ดินภูเขาไฟมากขึ้น ซึ่งทุกๆ ด้านพวกเขาก็มีความเหมาะสมกัน

หลังจากที่รวมกันแล้ว เซี่ยงหมิงหลางไม่กล้าที่จะพูดว่าเฉินจิ่วซือจะปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียม แต่อย่างน้อยก็คงจะพาพวกเขารวยไปด้วยกันได้อย่างแน่นอน

อย่างน้อยลำดับความสำคัญก็คงจะดีกว่าการจ้างคนจากหมู่บ้านอื่นๆ หรือจ้างคนจากภายนอก

ถ้าเขาชิงเข้าหาเฉินจิ่วซือเสียตั้งแต่ตอนนี้ มันก็เหมือนกับได้มาเป็น 'ขุนพลคนสนิท' เลย!

ในอนาคต เมื่ออยู่ต่อหน้าคนนอก เขาก็จะสามารถยืนอยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่าคนอื่นได้

ด้านเฉินจิ่วซือเองก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้า

ต้องยอมรับว่าสิ่งที่เซี่ยงหมิงหลางคิดนั้นไม่ผิด

แน่นอนว่า การที่จะมองได้ทะลุปรุโปร่งขนาดนี้ สามารถตัดสินใจอย่างเด็ดขาดได้ขนาดนี้ อีกฝ่ายก็ถือว่าเป็นคนที่มีความสามารถทีเดียว

ถ้ามองไปทั้งประเทศ ก็อาจจะหาคนใจกล้าที่สามารถตัดสินใจแบบนี้ได้ไม่กี่คนเท่านั้น

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด