บทที่ 272
หลังจากนั้นอี้หมินได้เดินชมสายการผลิตอีกสามสายที่เหลือ พบว่าสายการผลิตที่หนึ่งมีปัญหา และสายการผลิตอื่นๆก็มีปัญหาเช่นกัน บางปัญหายังรุนแรงกว่าเดิมเสียอีก
ผู้อำนวยการเฉินมองโจวอี้หมินที่ขมวดคิ้วแน่นขึ้นเรื่อยๆ ใจเริ่มกระตุก คิดว่าเขาคงพบปัญหาอะไรบางอย่างในสายการผลิตแน่ๆ
“อี้หมิน มีอะไรที่ดูไม่เหมาะสมหรือเปล่า? ถ้ามีปัญหาก็บอกมาได้เลย” หัวหน้าเฉินเอ่ยขึ้น
โจวอี้หมินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “ผมสังเกตว่า ซีลยางบนหม้อหุงข้าวไฟฟ้า ดูเหมือนจะไม่ได้ทำจากยาง แต่เป็นวัสดุชนิดอื่นที่ผมเองก็ไม่คุ้นเคยซึ่งแบบนี้ไม่ได้เลย เพราะเมื่อใช้งานที่อุณหภูมิสูงจะเกิดกลิ่นแปลกๆ ซึ่งอาจทำให้รสชาติของข้าวเสียและหากใช้งานไปนานๆ อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้”
วัสดุที่เลือกใช้ในการผลิตซีลยางมีความสำคัญต่อคุณสมบัติในการปิดผนึกและอายุการใช้งานของมัน คุณสมบัติของวัสดุจะส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการใช้งานของซีลยาง
นี่อาจเป็นเพราะเทคโนโลยีของประเทศเรายังล้าหลังกว่าประเทศอื่นในโลกอยู่มาก มีหลายสิ่งที่เราไม่สามารถผลิตได้เอง
ผู้อำนวยการเฉินพยักหน้าแสดงความเห็นด้วย พร้อมยอมรับว่านี่เป็นปัญหาที่แท้จริงแต่ยังไม่มีวัสดุทดแทนในตอนนี้ “เรื่องนี้เรายังหาทางแก้ไขอยู่”
“ผมเหมือนเคยเห็นวัสดุชนิดหนึ่งในต่างประเทศ และดูเหมือนว่าประเทศเราก็เริ่มมีการพัฒนาขึ้นมาแล้ว นั่นก็คือซิลิโคนยาง” โจวอี้หมินกล่าว
ซิลิโคนยางถูกสังเคราะห์ขึ้นครั้งแรกโดยประเทศอังกฤษ โดยใช้สารเฟอร์ริกคลอไรด์เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาในกระบวนการสังเคราะห์ และเริ่มมีผลิตภัณฑ์ซิลิโคนยางออกมาในปี 1945 ต่อมาในปี 1948 ซิลิโคนยางที่ถูกเสริมแรงด้วยวิธีการเติมซิลิกาแบบไอแก๊สความละเอียดสูงก็ถูกพัฒนาขึ้น ทำให้คุณสมบัติของซิลิโคนยางเข้าสู่ระดับที่สามารถใช้งานได้จริงและเป็นรากฐานของเทคโนโลยีการผลิตซิลิโคนยางในปัจจุบัน
ประเทศที่เริ่มผลิตซิลิโคนยางตั้งแต่กระบวนการสังเคราะห์ไดเมทิลไดคลอโรซิลเลน ได้แก่ อังกฤษ รัสเซีย เยอรมนี ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และจีน โดยในประเทศจีน การวิจัยซิลิโคนยางในเชิงอุตสาหกรรมเริ่มต้นในปี 1957 หลายหน่วยงานและบริษัทได้พัฒนาซิลิโคนยางหลากหลายประเภทขึ้นมาเรื่อย ๆ
“อี้หมิน นี่เป็นเรื่องจริงหรือ?” ผู้อำนวยการเฉินถามด้วยความตื่นเต้น
“น่าจะเป็นอย่างนั้น ผมเองก็ได้ยินมาเหมือนกัน หัวหน้าเฉินลองยื่นเรื่องไปทางเบื้องบนดู หากพัฒนาสำเร็จจริง การอนุมัติน่าจะไม่ใช่เรื่องยาก” โจวอี้หมินตอบด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจนัก
หัวหน้าเฉินและคนอื่นๆแสดงความยินดีอย่างมาก เพราะโจวอี้หมินซึ่งเป็นผู้คิดค้นหม้อหุงข้าวไฟฟ้าสามารถหาวัสดุทดแทนได้ในทันทีถือเป็นการแก้ปัญหาใหญ่ไปได้หนึ่งเรื่อง
ในขณะนั้นหัวหน้าฝ่ายวิจัยคนหนึ่งถามขึ้นว่า “ผู้เชี่ยวชาญโจว ผมอยากถามว่า หม้อหุงข้าวไฟฟ้าจะยิ่งใช้กำลังไฟฟ้าสูงเท่าไรก็ยิ่งดีใช่ไหม เพราะแบบนั้นข้าวน่าจะสุกเร็วขึ้นใช่ไหม?”
ตั้งแต่โจวอี้หมินนำหม้อหุงข้าวไฟฟ้าส่งมอบให้ทางการ รัฐบาลก็เริ่มสนับสนุนการวิจัยเพื่อดูว่าจะสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ดียิ่งขึ้นได้หรือไม่หรือแม้กระทั่งต่อยอดจากหม้อหุงข้าวไฟฟ้าเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆที่จะช่วยสร้างรายได้จากการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศได้มากขึ้น
“กำลังไฟฟ้าของหม้อหุงข้าวไฟฟ้าไม่ใช่ว่ายิ่งมากยิ่งดี เพราะหากกำลังไฟฟ้ามากเกินไป จะทำให้เกิดความร้อนสูงเกินไป ส่งผลให้สายไฟเกิดความร้อนสะสมจนเสี่ยงต่อการลัดวงจร หรืออาจเกิดไฟไหม้ซึ่งเป็นอันตรายต่อความปลอดภัย” โจวอี้หมินตอบ
เขายังเสริมว่า “แม้กำลังไฟฟ้าที่สูงขึ้นจะทำให้ข้าวสุกเร็วขึ้น แต่เราก็ไม่ควรมุ่งเน้นที่ความเร็วอย่างเดียวจนมองข้ามเรื่องความปลอดภัย ที่สำคัญการสร้างรายได้จากการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศนั้น เราต้องสร้างชื่อเสียงให้ประเทศเราก่อน หากทำให้ชาวต่างชาติคิดว่าผลิตภัณฑ์ที่มาจากประเทศเราคือสินค้าคุณภาพเยี่ยม เมื่อถึงตอนนั้น เราก็จะสามารถโดดเด่นท่ามกลางสินค้าจำนวนมากได้”
ในอนาคตเมื่อพูดถึงประเทศจีน คนต่างชาติทุกคนต่างต้องทึ่งเพราะเมื่อใดที่จีนเข้าสู่ธุรกิจใด ธุรกิจนั้นมักจะมีราคาลดลงจนเหมือนราคาผักตัวอย่างเช่น องุ่นสายพันธุ์ Sunshine Muscat จากญี่ปุ่น ที่ในตอนแรกมีราคาสูงถึง 500 หยวนต่อครึ่งกิโลกรัม แต่เมื่อจีนเริ่มปลูก ราคากลับตกลงมาเหลือเพียงไม่กี่หยวนหรือสิบกว่าหยวนต่อครึ่งกิโลกรัมเท่านั้น
คนในที่ประชุมต่างพากันปรบมือ ไม่มีใครคาดคิดว่าโจวอี้หมินจะมีความคิดกว้างไกลถึงเพียงนี้
“ก็เพราะมีคนหนุ่มสาวที่มีวิสัยทัศน์อย่างคุณอี้หมิน ประเทศของเราถึงจะพัฒนาไปได้ดีขึ้นเรื่อยๆ” ผู้อำนวยการเฉินกล่าวชมเชยด้วยความยินดี
โจวอี้หมินตอบกลับอย่างถ่อมตัวว่า “ไม่หรอกครับ ผมก็เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง ยังมีคนในประเทศอีกมากที่ฉลาดกว่าผม พวกเขาต่างหากที่เป็นความหวังของประเทศเรา”
เมื่อเทียบกับเหล่าอัจฉริยะในประเทศ เขายังคงมีช่องว่างอยู่มาก เพียงแต่เขามาจากโลกอนาคตที่ผ่านการเกิดใหม่ และมีประสบการณ์ที่มากกว่า ถ้าหากคนเหล่านั้นมีความทรงจำเหมือนเขา บางทีพวกเขาอาจจะสามารถพัฒนาเทคโนโลยีในความทรงจำเหล่านั้นให้เป็นจริงและทำได้ดียิ่งกว่าเขาเสียอีก
“ดีแล้ว แต่คนเราก็ไม่ควรถ่อมตัวมากเกินไป” ผู้อำนวยการเฉินกล่าวเตือนด้วยรอยยิ้ม
หากถ่อมตัวมากเกินไป อาจทำให้คนอื่นเอาเปรียบ และยึดเอาความดีความชอบที่ควรจะเป็นของคุณไปเป็นของตัวเอง
จากนั้นกลุ่มของพวกเขาก็เดินมาถึงห้องประชุม ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยยังได้เรียกพนักงานคนอื่นๆเข้ามาร่วมด้วย เพื่อดูว่ามีปัญหาอะไรในกระบวนการวิจัย และในเมื่อโจวอี้หมินอยู่ที่นี่ ก็ถือโอกาสถามคำถามให้มากที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ผู้อำนวยการเฉินรู้สึกยินดีกับสิ่งที่เกิดขึ้นมากจนอยากจะเรียกพนักงานทั้งโรงงานมารวมตัวกัน เพื่อดูว่ามีปัญหาอะไรบ้างและนำมาถามโจวอี้หมินโดยตรง หากเขาสามารถแก้ปัญหาได้ก็จะเป็นเรื่องดี แต่หากแก้ไม่ได้ ก็สามารถรวมพลังจากคนทั้งโรงงานเพื่อแก้ปัญหาให้สำเร็จ
ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าความคิดนี้ดีและสามารถทำได้จริง อย่างไรก็ตาม ก่อนจะทำเช่นนั้นผู้อำนวยการเฉินต้องได้รับความเห็นชอบจากโจวอี้หมินก่อนเพราะเขาไม่ต้องการตัดสินใจล่วงหน้าโดยไม่ได้รับความยินยอม หากทำให้โจวอี้หมินไม่พอใจและปิดบังความสามารถที่แท้จริงไว้ ก็จะเป็นปัญหาใหญ่
จากนั้นผู้อำนวยการเฉินและผู้จัดการตำแหน่งต่างๆ ที่ยังมีงานอื่นต้องดูแลก็ออกไป เหลือเพียงฝ่ายวิจัยที่อยู่ร่วมกับโจวอี้หมิน
การอยู่ร่วมนี้ไม่ใช่เพื่อคอยช่วยเหลือ แต่เพื่อให้ฝ่ายวิจัยได้ใช้โอกาสนี้ตรวจสอบปัญหาที่แก้ไขไม่ได้ และรวบรวมปัญหาที่พบเจอในที่ประชุม เพื่อดูว่าพวกเขาสามารถร่วมกันหาวิธีแก้ไขได้หรือไม่
การอภิปรายในที่ประชุมดำเนินไปอย่างเข้มข้น ทุกคนมีความคิดเห็นและมุมมองที่แตกต่างกันไป บางครั้งอาจถกเถียงกันจนหน้าแดง แต่ทั้งหมดนี้ล้วนมีพื้นฐานจากความตั้งใจดีและในเวลานี้ผู้คนยังคงมีความคิดที่บริสุทธิ์ เพียงต้องการช่วยให้ประเทศก้าวหน้า
ผู้คนในตอนนั้นไม่ได้ใส่ใจเรื่องความดีความชอบส่วนตัวมากนักขอแค่สามารถช่วยประเทศได้ก็พอ แม้สุดท้ายความดีความชอบจะไม่ตกเป็นของพวกเขาแต่ก็ไม่มีปัญหา
ตัวอย่างเช่นการที่ประเทศกำลังวิจัย อาวุธนิวเคลียร์ ได้รวบรวมนักวิทยาศาสตร์ที่เก่งที่สุดทั่วประเทศ รวมทั้งระดมทรัพยากรทั้งประเทศเพื่อสนับสนุนการวิจัย ทุกคนต่างลดละการใช้จ่ายอย่างประหยัด เพื่อให้มีงบประมาณสำหรับงานวิจัยมากขึ้น
นักวิทยาศาสตร์ได้รับการดูแลเรื่องอาหารการกินให้ดีขึ้น แม้แต่ผู้นำประเทศยังลดมาตรฐานอาหารของตัวเองลงจนแทบไม่แตกต่างจากคนทั่วไป เพื่อประหยัดและแบ่งปันให้กับนักวิทยาศาสตร์
ผู้นำยังยอมเลิกทานเนื้อสัตว์ เพื่อให้นักวิจัยได้รับเนื้อที่เพียงพอ เพราะเข้าใจดีว่าการวิจัยเป็นงานที่กดดันทั้งร่างกายและจิตใจอย่างมาก
ในขณะนั้น ประตูห้องประชุมถูกเปิดออก ปรากฏว่าเป็นผู้อำนวยการเฉินที่เดินเข้ามา “ถึงจะทำการวิจัย แต่ก็ต้องกินข้าวด้วย จำไว้ว่าคนคือเหล็ก อาหารคือเหล็กกล้า ถ้าไม่กินสักมื้อจะหิวจนทนไม่ไหว”
(จบบท)