บทที่ 27 การเร่งความเข้มข้นระหว่างการสอบ

ตีสามเช้าตรู่

ภายในห้องทำงานของโรงเรียนมัธยมซงหยาง

ซูไห่เฟิงมองดูรายชื่อบนหน้าจอคอมพิวเตอร์พลางพูดกับคู่สนทนาทางโทรศัพท์ว่า "อืม... คะแนนจิตเต้าไม่มีการเปลี่ยนแปลง"

"พลังวิชาช่วงที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าเขาจะใช้เวลาและเงินส่วนใหญ่ไปกับการฝึกลมปราณ จนสามารถขึ้นมาอยู่ในระดับท็อป 10"

"ความแข็งแกร่งของร่างกายแม้จะไม่ได้วัดผลมาสามสัปดาห์เพราะถูกแยกตัว แต่ก่อนหน้านี้ก็ตกไปอยู่อันดับที่ 19 แล้ว ตอนนี้เขาหันไปให้ความสำคัญกับพลังวิชา การรักษาอันดับ 19 ไว้ได้ก็ต้องขอบคุณสวรรค์แล้ว"

"วิชายุทธ์และวิชาเต้าก็ไม่มีความก้าวหน้าที่ชัดเจน สองวิชานี้ในการสอบเดือนนี้อาจจะตกไปอยู่อันดับที่ 30 ก็ได้"

ซูไห่เฟิงส่ายหน้าขณะดูบันทึกคะแนนล่าสุดของจางอวี่ "สรุปคือ ผมไม่ค่อยมั่นใจว่าคะแนนสอบเดือนนี้ของเขาจะมีความก้าวหน้าอย่างมากหรอก"

"โรงเรียนคงจะให้สัญญาระดับติ๋งกับเขาอีก"

"ผมเข้าใจแล้ว ผมจะพยายามชักจูงให้เขาเซ็นสัญญา"

"แม้จะไม่รู้ว่าเขาได้รับความชื่นชอบจากหลี่เสวียเหลียนได้อย่างไร แต่เขาก็สอบไปแล้ว เขาควรจะเข้าใจสถานการณ์ของตัวเองแล้ว"

วางสายแล้ว ซูไห่เฟิงปิดบันทึกคะแนนของจางอวี่แล้วหันไปดูเอกสารถัดไป สำหรับเขาแล้ว จางอวี่ก็เป็นเพียงเรื่องเล็กๆ เรื่องหนึ่งในบรรดาเรื่องมากมาย ที่โรงเรียนมัธยมซงหยางยังมีเรื่องอื่นๆ และนักเรียนที่สำคัญกว่าที่เขาต้องดูแล

ตีสี่เช้าตรู่

ภายในตึกร้าง

วันนี้คือวันสอบประจำเดือนของโรงเรียนมัธยมซงหยาง

แม้ว่าหลังจากผ่านการทรมานเก้าวัน พลังของจางอวี่จะมีความก้าวหน้าอย่างมากอีกครั้ง แต่ตอนนี้เขาก็ยังคงเร่งฝึกฝน 36 ท่าบำรุงร่างกาย พยายามเพิ่มพลังของตัวเองก่อนที่การสอบจะเริ่มขึ้นจริง

และตอนนี้หน้าแผงควบคุมบนคัมภีร์อวี่บทนำของเขาได้เปลี่ยนเป็น:

จางอวี่

จิตเต้า ระดับ 1

พลังวิชา 11.7

ความแข็งแกร่งของร่างกาย ระดับ 1.05

พลังวิชาอาศัยการฝึกลมปราณแบบไม่ตั้งใจผสมกับการฝึกแบบตั้งใจเป็นครั้งคราว เพิ่มขึ้นจาก 10.5 เป็น 11.7

ความแข็งแกร่งของร่างกายภายใต้การฝึกฝนอย่างบ้าคลั่งของเขา เพิ่มขึ้นจากระดับ 0.85 เป็นระดับ 1.05

แน่นอนว่าสิ่งที่มีความก้าวหน้ามากที่สุดในเก้าวันนี้คือ 36 ท่าบำรุงร่างกาย ตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็น 36 ท่าบำรุงร่างกายระดับ 9 (89/90)

และพร้อมกับที่จางอวี่ออกหมัดสุดท้าย 36 ท่าบำรุงร่างกายก็ในที่สุดได้พุ่งขึ้นถึงระดับ 10 เพิ่มขึ้นถึงขีดจำกัดสูงสุดที่ขั้นฝึกลมปราณจะสามารถบรรลุได้

และในขณะที่เขาเพิ่ม 36 ท่าบำรุงร่างกายขึ้นถึงระดับ 10 ในวินาทีนั้น ความทรงจำมากมายราวกับไหลผ่านในสมองของเขา นั่นคือภาพของเขาที่ฝึกฝน 36 ท่าบำรุงร่างกายครั้งแล้วครั้งเล่า ครั้งแล้วครั้งเล่า เป็นความเข้าใจที่ลึกซึ้งขึ้น ละเอียดขึ้นเกี่ยวกับร่างกายของเขาเอง

ร่างกายหลังจากการขัดเกลาอย่างพิถีพิถันนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดก็ได้พบกับการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพบางอย่าง เริ่มปรับตัวตามวิธีที่สมเหตุสมผลมากขึ้น

เสียงคำรามดังขึ้นในสมอง!

พร้อมกับที่หัวใจสูบฉีดเลือดลมเป็นระลอกๆ ไปทั่วร่างกายของเขา ร่างกายของจางอวี่ราวกับได้พบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

เห็นได้ว่าเนื้อและเลือดทั่วร่างของเขาหดตัวแล้วขยายตัว ภายในข้อต่อกระดูกยังมีเสียงกรอบแกรบดังขึ้นเป็นระลอก โครงร่างทั้งหมดของร่างกายเขาดูเหมือนจะใหญ่ขึ้นเล็กน้อย

การกระจายตัวของกล้ามเนื้อเหมาะสมกับการใช้แรงมากขึ้น โครงสร้างกระดูกแข็งแรงและมั่นคงขึ้น ร่างกายทั้งหมดดูเหมือนจะปรับให้สมดุลและประสานกันมากขึ้น

นี่เป็นการปรับโครงสร้างร่างกายให้เหมาะสมที่ควรจะค่อยๆ เสร็จสมบูรณ์ในกระบวนการเพิ่ม 36 ท่าบำรุงร่างกายขึ้นเป็นระดับ 10 แต่ตอนนี้กลับเสร็จสมบูรณ์ในทันที

ความแข็งแกร่งของร่างกายระดับ 1.05 → ระดับ 1.25

พร้อมกับการปรับโครงสร้างร่างกาย ความแข็งแกร่งของร่างกายของจางอวี่เพิ่มขึ้นทีเดียว 0.2 ระดับ เพิ่มขึ้น 20%

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จางอวี่สามารถรู้สึกได้ว่าการเพิ่มขึ้นที่มาจากการปรับโครงสร้างร่างกายนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกายครั้งเดียว แต่มีผลระยะยาว โครงสร้างร่างกายที่สมดุลและประสานกันมากขึ้นในตอนนี้จะทำให้เส้นทางการฝึกร่างกายในอนาคตของเขาราบรื่นและรวดเร็วยิ่งขึ้น

จางอวี่ยิ้มเล็กน้อย รู้สึกตื่นเต้นในใจ: "36 ท่าบำรุงร่างกายเพิ่มขึ้นถึงระดับ 10 กลับสามารถปรับโครงสร้างร่างกายของฉันได้อย่างจริงจัง"

"หรือว่าทักษะที่เพิ่มขึ้นถึงระดับ 10 จะมีการเพิ่มขึ้นมากขนาดนี้หมดเลย?"

นี่เป็นข้อมูลที่อาจารย์ไม่เคยสอนในห้องเรียน

แต่จางอวี่ก็คิดออกว่า ทักษะระดับ 10... แม้แต่วิชายุทธ์พื้นฐานอย่าง 36 ท่าบำรุงร่างกาย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมปีหนึ่งก็ยังห่างไกลเกินไป อาจารย์ไม่ได้พูดถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องก็เป็นเรื่องปกติ

"งั้นต่อไปก็เพิ่มวิชาเก็บลมปราณรอบทิศให้ถึงระดับ 10 ดูซิว่าจะมีผลอะไร"

วิชาเก็บลมปราณรอบทิศระดับ 8 (3/160)

จางอวี่คาดว่าอย่างมากเขาก็ใช้เวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ น่าจะสามารถเพิ่มวิชาฝึกลมปราณนี้ขึ้นถึงระดับ 10 ได้

แต่แม้จะคิดอย่างนั้น เขาก็ไม่ได้รีบเปลี่ยนความชำนาญของคัมภีร์อวี่ไปที่วิชาเก็บลมปราณรอบทิศทันที นี่ก็เป็นเหตุผลที่เขาไม่ได้เปลี่ยนไปเป็นวิชาเก็บลมปราณรอบทิศก่อนหน้านี้

"กรุณาปฏิบัติตามข้อตกลงพิธีกรรม พยายามทำให้ความปรารถนาสำเร็จ อย่าจงใจขี้เกียจถ่วงเวลา 10"

ในขณะที่จางอวี่กำลังรู้สึกตื่นเต้นในใจ รู้สึกถึงการเพิ่มขึ้นของตัวเองและกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่นั้น การนับถอยหลังที่น่ารำคาญนั้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง

จางอวี่ด่าออกมาสองสามประโยค แต่คิดว่าสิ่งนี้ไม่มีทั้งเจตจำนงและสติปัญญา ด่าไปสองสามประโยคก็เหลือแต่ความรู้สึกว่างเปล่าเหมือนกำปั้นชกสำลี

ดังนั้นเขาจึงนั่งขัดสมาธิลง ฝึกลมปราณพร้อมกับพักร่างกายที่เหน็ดเหนื่อยจากการฝึกทั้งคืน เพื่อฟื้นฟูพละกำลัง

เตรียมพร้อม... รับการสอบประจำเดือน

โรงเรียนมัธยมซงหยาง

นักเรียนที่เดินอย่างรีบร้อนมีความไม่สบายใจปรากฏบนใบหน้าเล็กน้อย

วันนี้บรรยากาศในโรงเรียนดูเหมือนจะแฝงไปด้วยกลิ่นอายของการสังหาร

จางอวี่เงยหน้ามอง ป้ายที่เคยเขียนว่า "เรียนจนตาย อยู่จนตาย" ถูกเปลี่ยนเป็นคำขวัญรณรงค์ต่อต้านการฆ่าตัวตายว่า "คนหนึ่งกระโดดตึก ทั้งครอบครัวต้องจ่ายค่าเสียหาย"

แม้แต่รอบๆ ดาดฟ้าก็ถูกล้อมด้วยรั้วลวดหนาม เพิ่มความยากในการกระโดดตึกของนักเรียน

ไป๋เจินเจินที่อยู่ข้างๆ ชม: "ดูเหมือนว่าพวกผู้บริหารโรงเรียนหน้าคนใจสัตว์พวกนั้นจะรู้จักห่วงใยนักเรียนเสียที รู้ว่าการสอบประจำเดือนมักจะทำให้คนอยากกระโดดตึก ยังอุตส่าห์ทำมาตรการป้องกันด้วย" แต่พอมาถึงโรงอาหารเพื่อกินอาหารเช้า เห็นประกาศขึ้นราคาอาหารบางอย่าง ไป๋เจินเจินก็อดไม่ได้ที่จะโกรธจัด

"ขึ้นราคาอีกแล้ว? นับตั้งแต่เปิดเทอมนี่กี่ครั้งแล้ว?"

"พวกหนอนพวกนี้แม้แต่โรงอาหารยังดูแลไม่ดี แล้วจะดูแลโรงเรียนให้ดีได้ยังไง?"

จางอวี่ปลอบใจ: "เฮ้อ การไม่เป็นคนสำหรับพวกเขาเป็นเรื่องปกติ ทำใจให้สบาย อย่าให้กระทบกับการสอบประจำเดือนวันนี้เลย"

แต่ครู่ต่อมา เมื่อได้ยินกฎใหม่จากปากป้าที่ตักอาหาร จางอวี่ก็โกรธจัด: "ทำไมชุดอาหาร 5 หยวนถึงจำกัดคนละหนึ่งชุดต่อวันล่ะ? เมื่อวานฉันยังสั่งได้สิบชุดเลยนะ! นักเรียนแค่อยากกินให้อิ่มทำไมถึงไม่ได้!"

"พอเถอะๆ อวี่" ไป๋เจินเจินตบไหล่จางอวี่ ปลอบใจ: "อย่าหุนหันพลันแล่น มีอาจารย์มองมาแล้ว ฉันจะช่วยซื้อชุดอาหารคนจนให้อีกชุดก็ได้"

ถือถาดอาหารหาที่นั่งลง จางอวี่ดูยอดเงินคงเหลือของตัวเอง

แม้จะได้รับรางวัล 500 หยวนจากอัตราเหม่อลอย 0% อีกครั้ง แต่เพราะค่าอาหารจำนวนมากที่จำเป็นสำหรับการฝึกร่างกายในช่วงนี้ รวมถึงการใช้และซื้อยาเติมเส้นประสาทอย่างต่อเนื่อง และค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดอื่นๆ เช่นค่าเดินทาง เงินฝากของจางอวี่ลดลงเหลือ 6,000 หยวน

และเวลากำลังจะเข้าสู่เดือนใหม่ นั่นหมายความว่าต้องจ่ายเงินกู้ใหม่ ค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำค่าไฟใหม่...

ยังมีค่าอาหาร หลังจากเริ่มฝึกร่างกายอย่างหนัก จางอวี่ก็รู้สึกว่าความอยากอาหารของตัวเองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ กินวันละสิบจิ้นก็เป็นเรื่องปกติ ค่าอาหารวันละหลายร้อยหยวน หนึ่งเดือนก็ต้องหมื่นกว่าหยวนแล้ว

จางอวี่รู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าการบำเพ็ญเซียนแบบนี้ ยิ่งบำเพ็ญก็ยิ่งใช้เงินจริงๆ

"หวังว่าการสอบประจำเดือนจะได้คะแนนดี ได้สัญญาดีๆ"

"ไม่งั้นก็ต้องไปทำงานพิเศษอีกแล้ว"

ในตอนนี้เอง โจวเทียนอี้ถือถาดอาหารมานั่งข้างทั้งสอง เขาส่ายหน้าอย่างจนใจพลางพูด: "พวกเธอรู้ไหมว่าทำไมโรงอาหารถึงขึ้นราคา?"

จางอวี่และไป๋เจินเจินพร้อมใจกันเงยหน้าขึ้นมามองโจวเทียนอี้ รอให้เขาพูดต่อ

"รัฐบาลเมืองเพื่อส่งเสริมอาหารสังเคราะห์ของบริษัทลู่โจว จึงเพิ่มภาษีนำเข้าวัตถุดิบอาหารจากเมืองอื่น ในอนาคตราคาอาหารทั้งหมดในเมืองซงหยางนอกจากอาหารสังเคราะห์จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ"

"ได้ยินว่าครูใหญ่กำลังพิจารณาที่จะเปลี่ยนอาหารสำเร็จรูปในโรงอาหารเป็นอาหารสังเคราะห์ในอนาคต"

จางอวี่คนเดิมก่อนที่จะบำเพ็ญเซียนก็เคยกินอาหารสังเคราะห์มาไม่น้อย เพราะราคาอาหารสังเคราะห์ถูกกว่ามาก

แมลงทอด โปรตีนจากพืช ผสมกับน้ำหมุนเวียนและน้ำมัน รสชาติขนาดหมูยังไม่กิน

"จะไม่ได้กินอาหารสำเร็จรูปแล้วเหรอ?"

ดังนั้นเมื่อได้ยินคำพูดนี้ จางอวี่และไป๋เจินเจินก็ถอนหายใจอีกครั้ง ด่าว่าบริษัทลู่โจวและรัฐบาลเมืองล้วนไม่เป็นคน

กินอาหารเช้าเสร็จ เพราะวันนี้เป็นวันสอบประจำเดือน ทั้งสามคนจึงไม่ได้กลับห้องเรียนเหมือนปกติ แต่มุ่งหน้าไปยังห้องสอบของตัวเอง

ช่วงเช้าเป็นการสอบวิชาสามัญศึกษา และการสอบทฤษฎีวิชายุทธ์ ทั้งหมดเป็นการสอบข้อเขียน อย่างแรกคะแนนเต็ม 50 คะแนน อย่างหลังคะแนนเต็ม 20 คะแนน

ช่วงบ่ายเป็นการสอบวิชาเต้าคะแนนเต็ม 100 คะแนน และการสอบภาคปฏิบัติวิชายุทธ์ 80 คะแนน

80 คะแนนของภาคปฏิบัตินี้บวกกับ 20 คะแนนทฤษฎีวิชายุทธ์ตอนเช้าพอดี ก็เป็น 100 คะแนนของวิชายุทธ์

ช่วงเช้าเป็นการสอบข้อเขียนทั้งหมด จางอวี่คนเดิมได้เรียนรู้จนคล่องแคล่วในเรื่องนี้มานานแล้ว

หลังสอบเสร็จ จางอวี่จึงไม่ได้รีบเทียบเฉลยเหมือนเพื่อนคนอื่น แต่รีบกินข้าวเที่ยงแล้วรีบมาที่สวนดอกไม้เล็กเพื่อเริ่มฝึกฝน

วิชามวยระดับ 1 (0/10)

จางอวี่เปลี่ยนความชำนาญของคัมภีร์อวี่เป็นวิชามวย นี่ก็เป็นเหตุผลที่เขาไม่ได้เปลี่ยนเป็นวิชาเก็บลมปราณรอบทิศก่อนหน้านี้

เมื่อวานหลังจากเพิ่ม 36 ท่าบำรุงร่างกายถึงระดับ 10 แล้ว เวลาที่เหลือไม่ว่าจะฝึกวิชาเก็บลมปราณรอบทิศอย่างไรก็ไม่มีทางได้รับการเพิ่มขึ้นมากนัก

แต่ถ้าใช้เวลาพักช่วงกลางวันให้เต็มที่เพื่อเพิ่มระดับวิชามวยที่มีแค่ระดับ 1 จางอวี่คาดว่าอย่างน้อยก็น่าจะเพิ่มวิชายุทธ์นี้ถึงระดับ 2 ได้

นี่จะมีผลต่อการสอบภาคปฏิบัติวิชายุทธ์ช่วงบ่ายอย่างแน่นอน

คิดถึงตรงนี้ จางอวี่ก็ฝึกอย่างจริงจังมากขึ้น

เห็นได้ว่าระหว่างการออกท่า ภายใต้การขับเคลื่อนของความแข็งแกร่งของร่างกายระดับ 1.25 เสียงกังวานของเอ็นและกระดูกทั่วร่างดังพร้อมกัน ทุกหมัดทุกฝ่ามือล้วนมีเสียงสายลมและฟ้าร้องติดตามมา

ในขณะเดียวกัน เส้นพลังวิชาเล็กๆ ถูกนำไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกายตามท่าที่ใช้ในแต่ละครั้ง เพิ่มพลังของท่านั้นๆ

วิชามวยเป็นวิชายุทธ์พื้นฐานสำหรับการต่อสู้จริง แม้จะมีเพียง 15 ท่า แต่ไม่ว่าจะเป็นหมัด ฝ่ามือ เตะ หรือทุ่ม นอกจากจะรับมือกับสถานการณ์การต่อสู้จริงที่แตกต่างกันได้แล้ว แต่ละท่ายังมีเส้นทางการไหลเวียนของพลังวิชาที่สอดคล้องกัน

ตอนนี้จางอวี่กำลังฝึกซ้ำ 15 ท่านี้

ในฐานะวิชายุทธ์สำหรับการต่อสู้จริง ความเข้มข้นในการฝึกวิชามวยต่ำกว่า 36 ท่าบำรุงร่างกายมาก

รวมกับระดับความแข็งแกร่งของร่างกาย 1.25 ของจางอวี่ในตอนนี้ และการหมุนเวียนพลังวิชาจากวิชาเก็บลมปราณรอบทิศระดับ 8 และการปรับโครงสร้างร่างกายที่มาจาก 36 ท่าบำรุงร่างกายระดับ 10 ทำให้ความเร็วในการฝึกท่าวิชามวยของเขายิ่งรวดเร็ว เพียงห้าสิบกว่านาทีก็เพิ่มวิชามวยขึ้นถึงระดับ 2

วิชามวยระดับ 1 (0/10) → วิชามวยระดับ 2 (0/20)

ในชั่วพริบตา จางอวี่รู้สึกว่า 15 ท่าวิชามวยวาบผ่านในใจเขา พริบตาเดียวก็ชำนาญอย่างถ่องแท้

แต่จางอวี่ไม่ได้หยุด แม้จะรู้สึกว่าร่างกายเหนื่อยล้าบ้าง แต่เขาก็ตัดสินใจที่จะฝึกวิชายุทธ์นี้ต่อไป

"ยังเหลือเวลาอีกสองชั่วโมงครึ่งก่อนการสอบช่วงบ่ายจะเริ่ม"

"ลองดูว่าจะสามารถเพิ่มวิชามวยถึงระดับ 3 ก่อนสอบได้ไหม"

เห็นจางอวี่ฝึกซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหงื่อไหลโซมราวกับฝน ฝึก 15 ท่าวิชามวย

ร่างกายเหนื่อยล้ามากขึ้นเรื่อยๆ มือและเท้าทั้งสองข้างเริ่มเมื่อยล้า ท่าทางก็เริ่มผิดเพี้ยนเล็กน้อย

แต่จางอวี่เพียงแค่นึกถึงหนี้สินมากมายบนตัว นึกถึงค่าใช้จ่ายที่หนักขึ้นเรื่อยๆ ก็กัดฟันอดทนต่อไป

สองชั่วโมงกว่าผ่านไป หยดเหงื่อขนาดใหญ่หยดลงบนพื้นดังแป๊ะ

ตอนนี้ทั่วร่างของจางอวี่มีไอร้อนระอุ กล้ามเนื้อร้อนจัดจากการออกกำลังอย่างหนักสามชั่วโมงกว่า

แต่บนใบหน้าของจางอวี่กลับมีรอยยิ้มเล็กๆ เขาประสบความสำเร็จในการเพิ่มวิชายุทธ์นี้ถึงระดับ 3

(จบบท)