บทที่ 144: การสังเกตลับๆของจักรพรรดินี
บทที่ 144: การสังเกตลับๆของจักรพรรดินี (ตอนฟรี)
ณ โรงพยาบาลพายุ
นี่เป็นโรงพยาบาลเอกชนในเครือกิลด์พายุ ที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั้งอายุรกรรมและศัลยกรรมกว่าหลายสิบคน
ปกติแล้ว ที่นี่จะรับเฉพาะสมาชิกกิลด์ที่ออกไปปฏิบัติภารกิจระดับ A ขึ้นไป
ที่โรงพยาบาลนี้, ไม่ว่าจะบาดเจ็บสาหัสแค่ไหน ตราบใดที่ยังมีลมหายใจ แพทย์ของโรงพยาบาลพายุก็สามารถช่วยชีวิตได้
…..
ในห้องพักผู้ป่วย ลี่หานนอนอยู่บนเตียง แขนขวาถูกพันด้วยผ้าพันแผลที่หนามาก
ทันใดนั้น ลี่เจียงเหอก็เดินเข้ามาในห้อง
"ท่านประธาน"
"ลูกชายฉันเป็นอย่างไรบ้าง?"
"ขออภัยท่านประธาน ถึงคุณชายไม่มีอันตรายถึงชีวิต แต่กระดูกแขนขวาแตกละเอียด…เขาคงจะต้องพิการตลอดชีวิต"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลี่เจียงเหอก็รู้สึกใจสลายมาก, เขามองลูกชายที่นอนอยู่บนเตียงด้วยความสงสาร
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นที่หอเทียนจี…ยังไงความจริงก็คือเขาเป็นคนหักแขนลูกชายด้วยมือตัวเอง
เมื่อได้ยินเสียงพ่อ ลี่หานก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมา
"พ่อ…"
"พวกเเกออกไปก่อน"
แพทย์และพยาบาลออกจากห้องไป เหลือไว้เพียงสองพ่อลูก
ลี่เจียงเหอเดินไปที่ข้างเตียง นั่งลงเเล้วถอนหายใจเหือกใหญ่
ประธานกิลด์พายุผู้ยิ่งใหญ่ ดูแก่ลงไปหลายปีในชั่วข้ามคืน
"ลี่หาน ลูกต้องลำบากแล้ว"
"พ่อ! ผมเป็นลูกแท้ๆของพ่อนะ, ทำไมพ่อต้องหักแขนผมเพื่อไอ้เซียวซิงหยูด้วย!"
เห็นได้ชัดว่าคุณชายปัญญาอ่อนคนนี้ยังไม่รู้ถึงความร้ายแรงของเรื่องที่เขาทำ
"ลูกรู้มั้ยว่าเซียวซิงหยูเป็นใคร?" ลี่เจียงเหอถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
"มันก็แค่ปรมาจารย์อสูรระดับสองดาว ผมเป็นถึงปรมาจารย์อสูรระดับสี่ดาว แค่ใช้มือเดียวก็ฆ่ามันได้เเล้ว!"
"แกมันไม่ได้เรื่องจริงๆ, ฉันพยายามมาอย่างดีกว่าจะพากิลด์พายุมาถึงจุดนี้ได้ แต่กลับมีลูกชายโง่เง่าอย่างแกที่จ้องจะทำลายมัน!"
เมื่อถูกพ่อด่าอีกครั้ง ลี่หานก็หงอยเหมือนลูกโป่งที่ถูกปล่อยลม
"พ่อ…ป้ายวิญญาณจักรพรรดินั่นมันคืออะไรกันเเน่? ทำไมพ่อต้องกลัวป้ายแค่แผ่นเดียวด้วย?"
"ฉันขี้เกียจอธิบายมาก ลูกจำไว้แค่ว่า ใครที่ถือป้ายวิญญาณจักรพรรดิ มันก็เเสดงว่าคนๆนั้นมีจักรพรรดินีหนุนหลัง!"
“อะไรนะพ่อ…ท่านจักรพรรดินีเกี่ยวข้องกับเซียวซิงหยู?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้, ลี่หานก็ยิ่งตกใจจน ใบหน้าบิดเบี้ยว
"ลี่หาน เราควรดีใจที่เซียวซิงหยูไม่เอาเรื่องเราต่อ"
"ถ้ามันจะเอาเรื่องจริงๆ อย่าว่าแต่แขนของเจ้าเลย เเม้เเต่หัวของเราพ่อลูกก็คงไม่เหลือ!"
ลี่หานกัดริมฝีปาก เเต่เมื่อหันไปมองแขนขวาที่ไร้ความรู้สึก ความโกรธในใจของเขาก็ยังคงคุกรุ่นอยู่ดี
"พ่อ…ผมต้องเสียแขนฟรีๆงั้นเหรอ?"
"ไอ้ลูกโง่! ถึงตอนนี้แล้วเเกยังคิดจะแก้แค้นอีกเหรอ?”
“พ่อก็บอกไปแล้วไงว่าเซียวซิงหยูเป็นคนของจักรพรรดินี ถ้าลูกกล้าแตะต้องมันก็เท่ากับหาที่ตาย!”
"พ่อ…แต่ผมจะกล้ำกลืนความเเค้นนี้ไว้ได้ยังไง"
"ไม่ต้องมาพูดเรื่องกล้ำกลืน ต่อให้มันจะยัดขี้ใส่ปากลูก ลูกก็ต้องกลืนลงไป…ลูกเข้าใจมั้ย!?" ลี่เจียงเหอพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ เขาไม่ได้ใช้แค่กำลัง แต่ยังต้องรู้จักเอาตัวรอดด้วย
เเละหลังจากเรื่องวุ่นวายในคืนนี้ ลี่เจียงเหอก็มองออกว่าในเมืองหลงอิ๋น ลูกชายเขาจะไปหาเรื่องใครก็ได้ แต่อย่าไปยุ่งกับเซียวซิงหยู!
"ลี่หาน แค่เสียแขนข้างเดียว อย่างน้อยลูกก็ยังมีชีวิตรอด"
"ฟังพ่อนะ ต่อไปเจอเซียวซิงหยูก็ให้หลบหน้า อย่าคิดแก้แค้นมันเด็ดขาด"
"ถ้าลูกยังคิดจะต่อกรกับมัน พ่อจะตัดขาดความสัมพันธ์กับลูก!"
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ลี่หานก็เบิกตากว้างด้วยความไม่เข้าใจ, ความโกรธในแววตาของเขาเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความสับสน
"พ่อ…ทำไมล่ะ? ผมต้องแก้แค้นนะ!"
"แกยังมีหน้ามาถามอีกเหรอ ไอ้ลูกทรพี...ฉันจะไม่ยอมให้แกมาทำลายสิ่งที่ฉันสร้างมากับมือหรอกนะ!"
กิลด์พายุคือชีวิตของลี่เจียงเหอ ถ้าต้องเลือก ลี่เจียงเหอจะเลือกกิลด์พายุ ไม่ใช่ลูกชายโง่เง่าที่ไม่รู้จักโต
"ลูกพักผ่อนเถอะ พ่อต้องไปจัดการเรื่องของกิลด์ต่อ”
“อ้อ พ่อขอเตือนเป็นครั้งสุดท้าย อย่าไปยุ่งกับเซียวซิงหยูอีก…เราสู้มันไม่ได้!”
……
หลังจากที่ลี่เจียงเหอออกไป ลี่หานก็ระเบิดอารมณ์เเล้วทุบเตียงด้วยมือซ้าย
“ปั่กกกก”
"เซียวซิงหยู! ทั้งหมดเป็นเพราะแก!"
"เพราะแก ฉันถึงกลายเป็นคนพิการ!"
"เพราะแก ฉันถึงหมดค่าในสายตาพ่อ!"
ลี่หานมีความแค้นเต็มเปี่ยมใาหัวใจ เขาไม่มีทางกลืนเรื่องนี้ลงไปได้ง่ายๆอย่างเเน่นอน
"แค้นนี้ ยังไงฉันก็ต้องชำระ!"
แต่เมื่อนึกถึงความหวาดกลัวของลี่เจียงเหอที่มีต่อป้ายวิญญาณจักรพรรดิ ลี่หานก็ใจเย็นลง
หลังจากครุ่นคิดหลายตลบ, ลี่หานก็เริ่มยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เเล้วกดโทรศัพท์ทันที
"ฮัลโหล ลุงสามเหรอครับ? ไม่ได้คุยกันนานเลย”
“ลุงสามครับ ผมโดนคนตบ เเถมมันยังหักแขนผมด้วย…”
ลี่หานคิดจะยืมมือคนอื่นมาแก้แค้น
เเละตอนนี้ลี่เจียงเหอยังไม่รู้ตัวว่ากำลังจะถูกขายโดยลูกชายแท้ๆของตัวเอง
……
อีกด้านหนึ่ง
ณ ด้านล่างตึกอพาร์ตเมนต์สำหรับครอบครัว
"พี่เยี่ยนหรัน ส่งผมแค่นี้ก็พอแล้วครับ"
"น้องซิงหยู ฉัน…"
"พี่อยากรู้เรื่องป้ายวิญญาณจักรพรรดิใช่มั้ยครับ ว่าผมได้ป้ายนี้มายังไง?" เซียวซิงหยูยิ้มอย่างรู้ทัน
"ใช่!"
"ท่านจักรพรรดินีเห็นความสามารถในตัวผม ท่านจึงอยากให้ผมเข้าร่วมกองกำลังวิญญาณจักรพรรดิหลังจากที่เรียนจบครับ"
เมื่อได้ยินเช่นนี้, ฉินเยี่ยนหรันก็ตกตะลึงพร้อมคิ้วขมวดด้วยความกังวล
"น้องซิงหยู ถ้าเรียนจบแล้วเธอเข้าร่วมกองกำลังวิญญาณจักรพรรดิ แล้วพวกเรากิลด์นภา…"
"ไม่ต้องห่วงครับ ผมบอกท่านจักรพรรดินีแล้วว่า ถึงจะเข้าร่วมกองกำลังวิญญาณจักรพรรดิ ผมก็ยังเป็นเเพทย์พิเศษของกิลด์นภาได้"
เมื่อได้ยินเเบบนี้ ฉินเยี่ยนหรันก็ดีใจจนเนื้อเต้น
"ดีจัง! ดีจริงๆ!"
กองกำลังวิญญาณจักรพรรดิคือคนสนิทของซ่างกวนหลาน เเละเป็นองค์กรที่เน้นทำภารกิจลับ
สมาชิกกองกำลังวิญญาณจักรพรรดิทุกคนจึงมีหลายบทบาท เเละเพื่อความสะดวกในการรวบรวมข่าวกรองในการสืบสวนอย่างลับๆ, ซ่างกวนหลานจึงไม่ได้ห้ามเซียวซิงหยูมีบทบาทอื่น นอกจากสมาชิกของกองกำลังวิญญาณจักรพรรดิ
ความจริง, เธอกลับเเนะนำให้เขามีบทบาทอื่นๆอีกด้วยซ้ำ
"น้องซิงหยู เธอนี่มันสุดยอดจริงๆ ยังเป็นแค่ปรมาจารย์อสูรระดับสองดาว เเต่กลับทำให้ท่านจักรพรรดินียอมมอบป้ายวิญญาณจักรพรรดิให้เธอ"
"พี่เยี่ยนหรัน ผมก็ไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้นหรอก"
"ทำมาถ่อมตัว, นี่ๆ เล่าให้พี่ฟังหน่อยสิ องค์กรวิญญาณจักรพรรดิเป็นยังไงบ้าง? มีเรื่องเล่าอะไรสนุกๆบ้างมั้ย?"
"ผมเองก็รู้ไม่มากหรอกครับ รู้แค่ว่าพวกเขามีอำนาจเเละมีมากกว่าร้อยบทบาทในประเทศมังกร นอกจากนี้ยังไม่เคยมีใครทราบตัวจริงของพวกเขาเลย"
…..
อีกด้าน
ณ พระราชวัง
เกล็ดหิมะได้ปลิวเข้ามาในห้อง เเล้วตกลงบนโต๊ะทำงาน
ซ่างกวนหลานวางเอกสารราชการลง มือข้างหนึ่งเท้าคาง มองหิมะที่กำลังละลาย
"รายงานองค์ราชินี!"
ทันใดนั้น ชายสวมหน้ากากในชุดคลุมยาวสีเงินก็เดินเข้ามาในห้อง เเละเขาคือหนึ่งในสมาชิกกองกำลังวิญญาณจักรพรรดิ
"ท่านจักรพรรดินี มีข่าวใหม่เกี่ยวกับเซียวซิงหยู เขาใช้ป้ายวิญญาณจักรพรรดิที่หอเทียนจี ตอนปะทะกับคนของกิลด์พายุครับ"
ซ่างกวนหลานเงยหน้าขึ้น มุมปากของเธอยกยิ้มเล็กน้อย
"หืม? เครื่องรางป้องกันตัวที่ข้ามอบให้ เขาใช้มันเร็วขนาดนี้เชียวหรือ?”
“เเต่เเปลกเเฮะ…โอ้อวดอำนาจเเบบนี้ ไม่น่าใช่บุคลิกของเซียวซิงหยูเลย”
"จากการตรวจสอบ คุณชายลี่หานของกิลด์พายุ ได้พูดจาดูถูกพี่สาวของเซียวซิงหยู เซียวรั่วเสวี่ยครับ…"
ซ่างกวนหลานหรี่ตาลง
"เซียวซิงหยู ดูเหมือนว่าเจ้ากับข้าจะเหมือนกัน”
“เราทั้งสองต่างมีเกร็ดย้อนที่คนอื่นแตะต้องไม่ได้เหมือนกันสินะ~”
………………….