ตอนที่แล้วบทที่ 107 เปลี่ยนแปลงสายเส้น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 109 สามรอบชนะหนึ่ง ราชาปลาเจิน!

บทที่ 108 ม้าเลือดมังกร


จะเข้าทำงานในกรมประมงจริงๆ หรือ? และยังตั้งอยู่ในเมืองด้วย? คิดอะไรก็ได้อย่างนั้น

เหลียงฉวี่คุกเข่าข้างเดียว ฟังด้วยความปลาบปลื้มจนยิ้มแก้มปริ เรื่องทั้งหมดนี้เหมือนกับนอนอยู่บ้าน กินๆ นอนๆ แล้จู่ๆ งานที่ให้สวัสดิการดีและสบายที่คิดถึงอยู่ก็ตกลงมาบนหัว ที่แปลกยิ่งกว่าคือ หลังจากที่ทางการสำรวจแล้วก็ตัดสินใจแบ่งพื้นที่โดยรอบเป็นเขตพัฒนาใหม่ และเปิดสาขาย่อยใกล้บ้าน สามารถเข้าทำงานได้ใกล้บ้าน พาหนะไปทำงานก็จัดเตรียมให้พร้อม ม้าวิเศษเลือดมังกรของต้าชุน! ส่งออกไปหลายประเทศ แบรนด์ดังระดับโลก วิ่งร้อยลี้กินหญ้าแค่กำมือเดียว!

ทูตอ่านพระบรมราชโองการจบ ม้วนกระดาษ ยื่นส่งตรงไป หยางตงซิงลุกขึ้นยืน สองมือรับพระบรมราชโองการ ค้อมคำนับถอยหลัง

"ขอแสดงความยินดีกับท่านหยาง ขอแสดงความยินดี" ทูตประสานมือแสดงความยินดี บรรยากาศที่เคร่งขรึมพลันผ่อนคลายลง

หยางตงซิงเก็บพระบรมราชโองการอย่างระมัดระวัง ยิ้มพูดว่า "ทูตเดินทางมาเหน็ดเหนื่อย ข้าได้เตรียมอาหารไว้แล้ว ไม่ทราบว่าจะเข้าไปพักผ่อนสักครู่หรือไม่?"

ไม่ใช่ว่าหยางตงซิงมีสายสืบ จึงรู้การเคลื่อนไหวของทูตที่นำพระบรมราชโองการมาอย่างแจ่มแจ้ง เมื่อวานคณะทูตได้ส่งคนหนึ่งขี่ม้าเร็วมาแจ้งคฤหาสน์ตระกูลหยางล่วงหน้า เพื่อไม่ให้ผู้รับพระบรมราชโองการเสียมารยาทต่อหน้าพระที่นั่ง หลังจากเข้าสู่เมืองผิงหยาง คณะทูตก็คำนวณเวลาพักครู่หนึ่ง เพื่อให้แน่ใจว่าจะมาถึงตรงเวลาพอดี ล้วนเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ

เมื่อเผชิญกับคำเชิญของอาจารย์หยาง ทูตปฏิเสธอย่างสุภาพ ปฏิเสธสามครั้งเชิญสามครั้งจึงตกลง นำคณะเข้าสู่คฤหาสน์ตระกูลหยาง เหลียงฉวี่และพี่น้องร่วมสำนักถอยออกไปสองข้าง ยืนต้อนรับเป็นแถว

หลังจากทูตและผู้ติดตามเข้าไปหมดแล้ว เซียงฉางซงใช้ศอกกระทุ้งเหลียงฉวี่ "วิธีสะกดเสียงคืออะไร? ทำไมไม่เคยได้ยินเจ้าพูดถึงมาก่อน?"

ทุกคนล้วนมีความชอบในการต่อต้านลัทธิมารดาปีศาจ ได้ตำแหน่งและเงิน ทำไมพอมาถึงตัวเจ้า ถึงมีวิธีสะกดเสียงเพิ่มมา? ม้าวิเศษเลือดมังกรหนึ่งตัว? ตำแหน่งที่ได้ก็ดีกว่าด้วย แอบร่ำรวยลับหลังพี่น้องหรือ?

ม้าวิเศษเลือดมังกรเป็นม้าสายพันธุ์พิเศษที่ต้าชุนเพาะพันธุ์ขึ้นมาโดยเฉพาะ แบ่งตามสมรรถนะเป็นหกระดับ แม้จะไม่รู้ว่าม้าที่พระราชทานมาเป็นระดับไหน แต่แม้แต่ม้าวิเศษเลือดมังกรระดับหกที่ต่ำที่สุดก็ยังเหนือกว่าม้าพันธุ์ดีทั่วไปหลายเท่า!

จากตลาดอี้สิงถึงเมืองผิงหยางระยะสิบหกลี้ ม้าเลือดมังกรใช้เวลาเท่าธูปหมดดอกหนึ่งวิ่งไปกลับได้สองรอบโดยไม่ต้องหยุดพัก

คนธรรมดาไม่มีโอกาสได้สัมผัสม้าเลือดมังกรเลย ปกติจะให้แค่ขุนนางที่ดำรงตำแหน่งใช้ หลังเกษียณต้องคืนทั้งหมด ที่สามารถครอบครองต่อได้หลังเกษียณ นั่นถือเป็นเกียรติยศพิเศษที่ได้รับรางวัล

เหลียงฉวี่กระแอมเบาๆ "ก็แค่วิธีอ่านตัวอักษรวิธีหนึ่ง ดีกว่าวิธีแบ่งเสียงเดิมหน่อย อ่านได้เร็วกว่า ข้าเคยรายงานอาจารย์ใหญ่ที่สำนักศึกษา ก็แค่คิดว่าจะได้รางวัลนวัตกรรมอะไรสักอย่าง"

ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นล้วนเคยเรียนหนังสือ รู้ว่าวิธีแบ่งเสียงคืออะไร ยิ่งสงสัยหนัก ของที่ใช้กันมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ ยังจะปฏิรูปได้อีกหรือ?

เซียงฉางซงซักต่อ "ดีกว่าวิธีแบ่งเสียง? ดีกว่าเท่าไหร่?"

"เอ่อ" เหลียงฉวี่เกาขมับ "เรียนอ่านเขียนเร็วขึ้นสี่ห้าเท่า?"

"???" วิธีอะไรที่จะทำให้คนเรียนอ่านเขียนเร็วขึ้นได้ถึงสี่ห้าเท่า!? พี่ๆ ร่วมสำนักต่างพากันงุนงง

เห็นทุกคนจะถามต่อ เหลียงฉวี่รีบตัดบท "ไม่พูดแล้วๆ ทูตยังรออยู่นะ"

"อืม ไปข้างในก่อนเถอะ เรื่องนี้ค่อยคุยกันทีหลัง" พี่รองอวี๋ตุนพูดขึ้น ทุกคนจึงไม่ถามต่อ รีบตามเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลหยาง

เหลือเพียงคนรับใช้ไม่กี่คนที่จูงม้าตามมาเป็นคนสุดท้าย ขนของรางวัลเข้ามา แล้วพาม้าเลือดมังกรไปที่คอกม้า

เหลียงฉวี่มองม้าตัวใหญ่สูงด้วยความสนใจ อยากดูพาหนะใหม่ของตนใกล้ๆ แต่ติดที่ยังไม่ใช่เวลา ต้องเลี้ยงอาหารทูตก่อน

หน้าคฤหาสน์ตระกูลหยางว่างเปล่าลง ชาวเมืองที่มาดูเหตุการณ์แยกย้ายกันไป พูดคุยถึงความยิ่งใหญ่ตอนทูตสวรรค์มาถึง

ในห้องโถง พี่น้องทั้งแปดผลัดกันรินสุราให้ทูต ทูตล้วนชื่นชม พอถึงตาเหลียงฉวี่ กลับถูกทูตจับข้อมือ มองพิจารณาขึ้นลงอย่างละเอียด

"ท่านผู้นี้คงเป็นศิษย์คนที่เก้าของท่านหยางกระมัง? ช่างงดงามดั่งต้นหลิวในคืนจันทร์เพ็ญ สง่างามดั่งแสงอรุณรุ่ง! ช่างโดดเด่นจริงๆ!"

เหลียงฉวี่ไม่รู้ว่าทูตมีเจตนาอะไร รีบบอกว่าชมเกินไปแล้ว

"ไม่ใช่เลย" ทูตส่ายหน้า "ฝ่าบาททรงชื่นชมวิธีสะกดเสียงของท่านไม่หยุด ม้าเลือดมังกรครั้งนี้ไม่ใช่รางวัลทั้งหมด อีกไม่กี่เดือนเมื่อสำนักศึกษาในเมืองหลวงใช้วิธีสะกดเสียงอย่างทั่วถึง ตรวจสอบผลลัพธ์แล้ว จะต้องเป็นประโยชน์ต่อคนรุ่นหลังแน่นอน"

"วิธีสะกดเสียงนี้คืออะไรกันแน่?" แม้แต่หยางตงซิงก็สงสัยขึ้นมา วิธีอะไรถึงแลกม้าเลือดมังกรได้? และยังไม่ใช่รางวัลทั้งหมด แค่เริ่มต้น?

พูดมาถึงตรงนี้ เหลียงฉวี่รีบอธิบาย วาดสัญลักษณ์สะกดเสียงให้ทุกคนดูรอบหนึ่ง

ทูตเสริมว่า "วิธีนี้เมื่อเทียบกับวิธีแบ่งเสียงทั่วไป เรียนรู้ได้เร็วกว่าถึงสี่ห้าเท่า! ภายในหนึ่งปีก็สามารถอ่านออกเขียนได้"

หยางตงซิงยกคิ้วเล็กน้อย "มากขนาดนั้นเลยหรือ?"

ทูตพยักหน้า ลู่กังขมวดคิ้ว ครุ่นคิดพูดว่า "วิธีของน้องเล็ก ต้องจำเสียงแค่เจ็ดสิบกว่าเสียง เทียบกับวิธีแบ่งเสียงที่มีการผสมนับพัน แค่การออกเสียงก็ง่ายกว่าเป็นร้อยเท่า"

ซวีจื่อซ่วยงุนงง "ทำไมตอนข้าเรียนหนังสือถึงคิดวิธีนี้ไม่ออกนะ?"

"ถ้าน้องเล็กคิดวิธีนี้ออกเร็วกว่านี้ การอ่านหนังสือของข้าก็คงไม่ลำบากถึงเพียงนี้"

ทูตหัวเราะใหญ่ "ก็เพราะเช่นนี้ฝ่าบาทถึงได้ชื่นชมอย่างยิ่ง การกระทำนี้เรียกได้ว่าเป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาทเลยทีเดียว"

ได้ยินดังนั้น ทุกคนต่างรู้สึกอิจฉา

จอกสุราเปลี่ยนมือ ฟ้าค่อยๆ มืดลง สาวใช้หลายคนเงียบๆ นำตะเกียงทองเก้าดวงรูปหัวสัตว์มา ส่องห้องสว่างไสว

จนกระทั่งสุดท้าย ทูตยังเปิดเผยข่าวสำคัญอีกสองเรื่อง

"คณะผู้บริหารของที่ว่าการได้คัดเลือกแล้ว กำลังเดินทางมา ต้องใช้เวลาอีกครึ่งเดือน กรมประมงและกรมปราบปีศาจจะมาถึงเร็วกว่า ภายในสิบวัน โดยหัวหน้ากรมประมงเป็นคนคุ้นเคยเก่าของท่านหยาง"

"อ๋อ คนคุ้นเคยของข้าหรือ?" หยางตงซิงแปลกใจเล็กน้อย กำลังจะถามว่าเป็นใคร แต่เห็นทูตส่ายหน้าไม่พูด ทำเป็นปริศนาไว้

หยางตงซิงจึงต้องกลั้นความอยากรู้ไว้

"นอกจากนี้ ยังมีเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง เสบียงจากมณฑลรอบๆ มณฑลไห่อินจะมาถึงพรุ่งนี้ ตอนนั้นจะเป็นช่วงที่เมืองผิงหยางรับผู้คนจำนวนมาก ท่านหยางต้องใส่ใจให้มาก

วันนี้ฝ่าบาทตรัสว่า หากในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เมืองผิงหยางพัฒนาได้ดีพอ มีประชากรถึงหนึ่งแสนครัวเรือน ก็อาจจะยกระดับเป็นมณฑลผิงหยางก็ได้"

ทุกคนใจสั่นสะท้าน นี่เป็นข่าวใหญ่จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนจากตำบลเป็นเมือง หรือจากเมืองเป็นมณฑล ตัวอย่างล้วนมีน้อยมาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเปลี่ยนจากตำบลเป็นมณฑล โอกาสในนี้มากมายเหลือคณานับ

ราชสำนักกำลังจะต่อสู้กับลัทธิมารดาปีศาจสินะ เหลียงฉวี่คิด การกระทำครั้งนี้ เหมือนกับการสร้างป้อมปราการในพื้นที่ชายแดนอันตราย เพื่อต้านทานชนเผ่าป่าเถื่อน ปกป้องพื้นที่ด้านหลัง

แม้จะไม่ได้ยิ่งใหญ่เท่าการสร้างป้อมปราการจากพื้นที่ราบ แต่ก็ใกล้เคียง ไม่แปลกที่จะตั้งกรมประมงหนึ่งแห่งและกรมปราบปีศาจหนึ่งแห่งโดยเฉพาะ เมืองทั่วไปไม่มีสององค์กรนี้ มีแต่ในระดับมณฑลเท่านั้น

ตอนนี้เมืองผิงหยางเหมือนเป็นพื้นที่ที่ได้รับการสนับสนุนเป็นพิเศษ แม้จะไม่มีการสนับสนุนขนาดใหญ่ เพราะราชสำนักไม่มีกำลังและการคลังมากพอ แต่การสนับสนุนเล็กๆ จะมาอย่างต่อเนื่องแน่นอน กลายเป็นพื้นที่ที่มาแรง ดึงดูดผู้มีความสามารถมากมาย ฉวยโอกาสก้าวกระโดดขึ้นเป็นชนชั้นกินดีอยู่ดี

หลังทูตจากไป ทุกคนต่างมึนเมา เหลียงฉวี่ตามหยางตงซิงไปที่คอกม้า

เสียงหญ้าแห้งแตกดังใต้เท้า กลิ่นสัตว์จางๆ ลอยมาตามลมกลางคืนเข้าจมูก คนรับใช้หลายคนถือคบไฟส่องสว่าง

ในคอกม้า ม้าทุกตัวหลีกเลี่ยงม้าสี่ตัวที่อยู่ตรงกลางโดยสัญชาตญาณ

ตามที่ทูตบอก ม้าทั้งสี่ตัวล้วนเป็นม้าเลือดมังกรระดับห้า ไม่สำคัญว่าตัวไหนพระราชทานให้เหลียงฉวี่ ตัวไหนพระราชทานให้หยางตงซิง

หยางตงซิงให้เหลียงฉวี่เลือกเอง

"นี่..." เหลียงฉวี่เกาศีรษะ "อาจารย์ช่วยเลือกให้ข้าสักตัวเถอะ ข้าไม่รู้เรื่องม้าเลยสักนิด"

การก้าวหน้าเร็วเกินไปก็เป็นแบบนี้ หลายสิ่งที่ควรมีมาด้วยกันตามไม่ทัน พี่ฮูตอนเป็นนักยุทธ์สามด่านก็สอนศิษย์ฝึกหัดคนอื่นได้แล้ว เหลียงฉวี่กำลังจะเป็นสามด่านเหมือนกัน แต่ความรู้ที่สะสมมาน้อยกว่ามาก สอนก็สอนได้ แต่แน่นอนว่าไม่ละเอียดรอบด้านเท่าพี่ฮู

หยางตงซิงยิ้มส่ายหน้า รับคบไฟมา เดินดูทีละตัวจากด้านหน้าคอกม้า พลิกดูฟัน ยกกีบ ลูบขน สัมผัสลายกล้ามเนื้อของม้าพันธุ์ดี

สุดท้ายเขาจูงม้าสีแดงอมน้ำตาลตัวที่สามจากซ้ายไปขวาออกมา "เอาตัวนี้แหละ ม้าตัวผู้ใหญ่ นิสัยจะดุหน่อย ต้องใช้เวลาปรับตัวกันมากหน่อย"

เหลียงฉวี่ดีใจมาก "ขอบคุณอาจารย์ที่เลือกม้าให้!"

แม้จะเป็นคนไม่รู้เรื่องม้า แต่ก็มองออกในแวบเดียวว่านี่เป็นม้าพิเศษที่หายากมาก เดินทางกับคณะทูตมาเป็นเดือน ขนยังเป็นมันวาวเหมือนใหม่ ดวงตาเป็นประกาย เต็มไปด้วยความระแวดระวัง ไม่เห็นอาการเหนื่อยล้าเลยสักนิด ขนสีแดงอมน้ำตาลทั้งตัว เวลาวิ่งคงจะพลิ้วไหวเหมือนเปลวเพลิง

แม้ม้าตัวอื่นจะไม่แสดงอาการเหนื่อยล้าเช่นกัน แต่เมื่อดูจากความรู้สึก ก็ไม่มีพลังชีวิตเท่าม้าตัวนี้

"ไม่เป็นไร แต่ข้าต้องเตือนเจ้า คำพูดที่ว่า 'ม้าไม่กินหญ้ากลางคืนจะไม่อ้วน' ไม่ใช่แค่พูดเล่นๆ นะ ต้องตื่นมาให้อาหารม้าตอนกลางคืนจริงๆ แล้วยังมีสัดส่วนอาหาร ควรกินตอนไหน ไม่ควรกินตอนไหน วันละสี่หรือห้าครั้ง เจ้ารู้หรือไม่?

ตอนข้ายังหนุ่มก็เคยขี่ม้าเลือดมังกร แม้จะไม่เรื่องมากเท่าม้าธรรมดา แต่ก็ต้องเลี้ยงดูอย่างดี ทุกมื้อต้องมีไข่ เนื้อ"

การเลี้ยงม้าเป็นเรื่องยุ่งยากที่สุด มีจุดที่ต้องระวังมากมาย รวมถึงต้องตื่นมาให้อาหารม้าตรงเวลาทุกคืน ไม่ใช่คนทั่วไปจะทำได้ ไม่งั้นแค่ผอมลงนิดหน่อยก็เสียหายหลายสิบตำลึงแล้ว

ตระกูลใหญ่มักมีคนเลี้ยงม้าโดยเฉพาะ ต้องเป็นคนที่ไว้ใจได้และอดทนถึงจะทำหน้าที่นี้ได้ คฤหาสน์ตระกูลหยางมีคนเลี้ยงม้าสามคน เพื่อให้แน่ใจว่าม้าจะได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง

เหลียงฉวี่หัวเราะ "เรื่องนี้ข้ารู้ แต่บ้านข้าที่ตลาดอี้สิงยังสร้างไม่เสร็จ ไม่มีคอกม้าจะเลี้ยง เรื่องเลี้ยงม้าต้องขอให้อาจารย์ช่วยหน่อย ช่วยเลี้ยงสักเดือนสองเดือน"

"ฮ่าๆๆ" หยางตงซิงหัวเราะใหญ่ "ข้าก็รู้ว่าเจ้าเล่ห์เหลี่ยมดี เลี้ยงให้สองเดือน ถึงตอนนั้นถ้าเจ้าไม่มาจูงไป ม้าก็เป็นของข้าแล้วนะ"

"ขอบคุณอาจารย์!"

(จบบท)

เรื่องนี้เปลี่ยนมือผู้แปลนะคะ อย่างไรฝากติดตามด้วยน้าค้า

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด