ตอนที่ 15 ทำลายตระกูลหวังด้วยการดีดนิ้ว
ตอนที่ 15 ทำลายตระกูลหวังด้วยการดีดนิ้ว
“ผู้นำตระกูลหลิน ไม่ต้องมากพิธีไป
หลินไป๋เป็นศิษย์ของสำนักชิงหยุน และยังเป็นศิษย์สายตรงของข้า ดังนั้นพวกเราก็เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน
ว่าแต่ ตระกูลหวังใช่หรือไม่? ในวันที่ข้าสังหารหวังเทียน ข้าก็ได้บอกไปแล้วว่าตระกูลหวังไม่ควรมีอยู่ในโลกนี้อีกต่อไป
ตอนนี้ปล่อยให้พวกมันรอดมาได้สองสามวัน ก็ถึงเวลาที่จะทำตามสัญญาแล้ว”
คำพูดของเฟิงชิงหยางทำให้ทุกคนในตระกูลหลินตกตะลึงอย่างถึงที่สุด
ตระกูลหวังซึ่งเป็นหนึ่งในตระกูลทรงอำนาจระดับสูง เพียงแค่คำพูดเบาๆของชายหนุ่มตรงหน้า ก็สามารถตัดสินชะตากรรมของพวกมันได้?
สำนักชิงหยุนคือสำนักระดับไหนกันแน่! หรือจะเป็นสำนักระดับจ้าวเหนือหัวแห่งแดนนี้?
“ท่านเจ้าสำนักเฟิง ตระกูลหวังได้ร่วมมือกับตระกูลไป๋ และพวกเขามีถึงสี่คนในขอบเขตผู้ไร้มลทิน เกรงว่าควรพิจารณาให้รอบคอบก่อนจะลงมือ”
( ขอบเขตการบ่มเพาะ
1. หลอมรวม
2. ก่อตั้งรากฐาน
3. แกนทองคำ
4. วิญญาณแรกกำเนิด
5. แปรวิญญาณ
6. สร้างวิญญาณ
7. ผู้ไร้มลทิน
8. เบิกฟ้า
9. ปราชญ์
10. ปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์
11. มหาปราชญ์
12. ราชันปราชญ์
13. จักรพรรดิ
14. มหาจักรพรรดิ
)
ตระกูลหลินเองก็มีผู้ไร้มลทินเพียงสองคน ตระกูลหวังและตระกูลไป๋ต่างก็มีสองคนเช่นกัน ทั้งสามตระกูลร่วมกันควบคุมเมืองเทียนอู่เพื่อสร้างสมดุลกัน และตอนนี้ไม่รู้ว่าตระกูลหวังได้สัญญาอะไรกับตระกูลไป๋ ทำให้พวกเขาร่วมมือกันเช่นนี้
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว ท่านเจ้าสำนักเฟิง ตระกูลหวังเป็นพวกเจ้าเล่ห์มาก เราเคยเสียเปรียบพวกมันมาแล้ว”
“ท่านพ่อ ไม่ต้องกังวลไป สำนักชิงหยุนของพวกเราเต็มไปด้วยยอดฝีมือ ตระกูลหวังเล็กๆน้อยๆ กล้าที่จะท้าทายสำนักของเรา ถือเป็นเรื่องน่าหัวเราะสิ้นดี”
หลินไป๋พูดอย่างมั่นใจ สายตาของเขามั่นคงแสดงถึงความเชื่อมั่นในพลังของสำนักชิงหยุน
หลินไป๋ซึ่งเคยผ่านประสบการณ์มากมายมาแล้ว กลับมานั่งอย่างใจเย็น
“สิ่งที่ศิษย์ข้าพูดนั้นไม่ผิด ตระกูลหวังเล็กๆเพียงแค่ดีดนิ้วก็สามารถทำลายล้างได้”
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าในฐานะผู้นำตระกูลหลิน ขอประกาศ ณ ที่นี้ว่า ตระกูลหลินทั้งหมด ยินดีอยู่ภายใต้คำสั่งของท่านเจ้าสำนักเฟิง”
“ยินดีอยู่ภายใต้คำสั่งของเจ้าสำนักเฟิง!”
ผู้นำตระกูลหลินจ้านลุกขึ้นพร้อมออกคำสั่ง น้ำเสียงของเขาแสดงถึงความมุ่งมั่น ขณะที่บรรดาผู้อาวุโสของตระกูลต่างก็กล่าวเสียงดังเพื่อสนับสนุน
“ไม่จำเป็นต้องให้ทุกท่านลำบาก”
“เย่ไป๋ ไปที่ตระกูลหวังซะ”
เฟิงชิงหยางดีดนิ้วอย่างเบาๆ แล้วหันไปออกคำสั่ง
“รับคำสั่ง ท่านเจ้าสำนัก!”
เสียงของชายวัยกลางคนดังมาจากที่สูง ไม่มีความรู้สึกถึงพลังแม้แต่น้อยที่เล็ดลอดออกมา
หลินจ้านมองไปยังเฟิงชิงหยางที่นั่งดื่มชาอย่างใจเย็นด้วยความตกใจ ทว่าดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเคารพและหวาดเกรง
“อาจารย์ของหลินไป๋เป็นยอดคนผู้ใดกันแน่!”
หลินจ้านซึ่งมีพลังระดับผู้ไร้มลทินขั้นกลาง ยังไม่สามารถรับรู้ถึงการมีอยู่ของใครบางคนที่ซ่อนอยู่ในความมืดได้ แสดงว่าพลังของชายที่แฝงตัวอยู่ต้องสูงกว่าเขาอย่างมหาศาล
หรือว่าจะเป็น… ขอบเขตเบิกฟ้า!
และผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ยังต้องอยู่ภายใต้คำสั่งของชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้า ช่างน่าหวาดกลัวเหลือเกิน!
…..
ณที่ตระกูลหวัง
ในห้องโถงใหญ่ของตระกูลหวัง เต็มไปด้วยเหล่าคนสำคัญของตระกูล
"ผู้นำตระกูลหวัง อย่าลืมนะว่า หากพวกเราทำลายตระกูลหลินได้ ทรัพยากรทั้งหมดของตระกูลหลินจะตกเป็นของตระกูลข้าทั้งหมด"
"แน่นอน ผู้นำตระกูลไป๋ ตราบใดที่เราทำลายตระกูลหลินได้ ของทุกอย่างย่อมตกเป็นของเจ้า"
"น่ารังเกียจนัก ตระกูลหลินกล้ามากที่สังหารอาเทียนของข้า ข้าแค้นนัก อยากจะฉีกเนื้อและถลกหนังของพวกมันให้ได้!"
หวังเจียมีบุตรชายเพียงคนเดียวคือ หวังเทียน ซึ่งมีพรสวรรค์อันยอดเยี่ยมในหมู่คนรุ่นเดียวกัน เขาเคยคุยโอ้อวดกับทุกคนไว้ว่า...
"บุตรข้า หวังเทียน มีศักยภาพเป็นมหาจักรพรรดิ!"
"ผู้นำตระกูลไป๋ การโจมตีครั้งก่อนของพวกเราสร้างความสูญเสียแก่ตระกูลหลินไม่น้อย หากครั้งนี้เราสองตระกูลลงมือเต็มกำลัง ตระกูลหลินต้องพินาศแน่นอน"
ในห้องโถงใหญ่ของตระกูลหวัง ขณะที่ผู้นำตระกูลหวังและผู้นำตระกูลไป๋กำลังถกเถียงถึงแผนการทำลายตระกูลหลิน พวกเขาหารู้ไม่ว่าหายนะกำลังจะมาเยือน
"คนของตระกูลหวังทุกคน จงออกมารับความตายซะ!"
เสียงกึกก้องดังขึ้นจากท้องฟ้าเหนือคฤหาสน์ตระกูลหวัง
"ใคร! ใครมันบังอาจถึงเพียงนี้!"
"ไอ้คนไม่รู้จักตายคนไหนที่กล้ามาก่อเรื่องในตระกูลข้า!"
เหล่าศิษย์ตระกูลหวังต่างพากันโกรธเกรี้ยว พวกเขาไม่เคยถูกใครท้าทายมาก่อน มีแต่ตระกูลของพวกเขาที่มักจะรังแกผู้อื่น นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนกล้าทำเช่นนี้กับพวกเขา
ในอดีต หากมีปัญหาใดในเมืองที่ยากจะจัดการ เพียงแค่เอ่ยชื่อบิดาของเขา “บิดาข้าคือ หวังเอ้อร์เหอ!” ทุกอย่างก็จะถูกคลี่คลายอย่างง่ายดาย
แต่ครั้งนี้ แตกต่างออกไป…
เมื่อผู้นำตระกูลหวังและเหล่าผู้อาวุโสได้ยินเสียงท้าทาย พวกเขาต่างโกรธจัดและรีบรุดออกจากห้องโถงใหญ่เพื่อดูว่าใครกันที่บังอาจมากล้าก่อเรื่องถึงหน้าประตูตระกูล
ทันทีที่ออกมา ก็พบเห็น เย่ไป๋ ลอยตัวอยู่กลางอากาศเหนือคฤหาสน์
“เจ้าคนไร้ชื่อ! เจ้ามันหาเรื่องตาย!”
ผู้นำตระกูลหวังซึ่งกำลังโกรธอยู่เป็นทุนเดิม เมื่อเห็นว่ามีเพียงคนเดียวบังอาจมาก่อกวนถึงที่ คำรามออกมาด้วยความโกรธแค้น
แต่เย่ไป๋เมื่อเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามไม่เพียงไม่ยอมมอบตัว ยังกล้าตอบโต้กลับอีก เขาก็ลงมือทันที
พลังวิญญาณระดับ ขอบเขตเบิกฟ้าขั้นสูงสุดอันน่าสะพรึง ทำให้ท้องฟ้าเปลี่ยนสี ดวงอาทิตย์ถูกบดบังด้วยเมฆหมอก
เหล่าคนของตระกูลหวังที่มีพลังอ่อนด้อยกว่า ต่างถูกพลังมหาศาลนั้นบดขยี้จนสิ้นชีวิตในชั่วพริบตาเดียว
ส่วนผู้นำตระกูลหวังและเหล่าผู้อาวุโสทั้งหลาย ก็ไม่อาจขยับตัวได้ ต้องทนรับแรงกดดันมหาศาลที่ทำให้พวกเขาแทบหายใจไม่ออก
“ผู้นำตระกูลหวัง เจ้าไปทำอะไรให้ยอดฝีมือเช่นนี้โกรธเกรี้ยวกัน? หากเจ้าคิดจะตาย ก็อย่าดึงข้าตระกูลไป๋ไปตายด้วย!”
สีหน้าอันซีดเผือดของผู้นำตระกูลหวังเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เมื่อเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งระดับนี้ เขากล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ท่านผู้สูงส่ง ข้าไม่เคยล่วงเกินท่านเลย เหตุใดท่านจึงลงมือกับตระกูลข้า?”
เย่ไป๋ตอบกลับอย่างเย็นชา
"เจ้าได้ล่วงเกินบุคคลที่เจ้าไม่ควรล่วงเกิน"
คำพูดนี้ทำให้ผู้นำตระกูลหวังรู้สึกสิ้นหวัง แต่เย่ไป๋ยังคงใจเย็นพอที่จะบอกถึงสาเหตุของการล้างแค้น เพื่อให้พวกเขารู้เหตุผลก่อนตาย
“เดี๋ยวก่อน! ท่านผู้อาวุโส! เป็นเพราะตระกูลหวังที่ทำให้ท่านโกรธแค้น ข้าเป็นคนของตระกูลไป๋ พวกเราไม่เกี่ยวข้อง! ข้ายินดีมอบทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้ท่าน ขอเพียงท่านละเว้นพวกเราเถิด” ผู้นำตระกูลไป๋กล่าวพร้อมกับคุกเข่าขอชีวิต
เย่ไป๋หรี่ตาลงและกล่าวอย่างเย้ยหยัน
"หืม? เจ้าเป็นคนของตระกูลไป๋งั้นหรือ?"
ดวงตาของผู้นำตระกูลไป๋มีแสงแห่งความหวัง แต่ในทันใดนั้น เย่ไป๋กลับหัวเราะเย็นชา
"ดีเลย! ฆ่าทีเดียวสองตระกูล ไม่ต้องเสียเวลาข้าไปอีกที่หนึ่ง!"
ทันทีที่เสียงของเขาจบลง มือขนาดยักษ์ที่แผ่พลังอันน่าสะพรึงกลัวก็บดขยี้ลงมาจากท้องฟ้า ตระกูลหวังถูกทำลายราบเป็นหน้ากลองในชั่วพริบตา
ข่าวการล่มสลายของตระกูลหวังแพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองในเวลาไม่นาน
“เจ้าได้ยินข่าวหรือยัง? ตระกูลหวัง ตระกูลชั้นนำ ถูกทำลายล้างจนสิ้น!”
“ข้าเพิ่งรู้มาหยกๆ บอกว่าตระกูลหวังล่วงเกินผู้แข็งแกร่งลึกลับ แม้แต่ตระกูลไป๋ยังถูกกวาดล้างไปด้วย ผู้นำตระกูลไป๋และผู้อาวุโสถูกสังหารจนหมด ตอนนี้ตระกูลไป๋เหลือเพียงชื่อเท่านั้น!”
ในเมืองเทียนอู่ โรงน้ำชาและโรงเตี๊ยมทุกแห่งต่างถกเถียงถึงเหตุการณ์นี้
เมื่อพิจารณาถึงการที่ตระกูลหวังและตระกูลไป๋เคยร่วมมือกันโจมตีตระกูลหลิน ผู้คนต่างคาดเดาว่าผู้แข็งแกร่งลึกลับนั้นอาจจะเป็นผู้ที่ตระกูลหลินเชิญมาเพื่อแก้แค้นก็เป็นได้
ณ ตระกูลหลิน
ในห้องโถงใหญ่ของตระกูลหลิน เฟิงชิงหยางได้รับเชิญให้นั่งบนที่นั่งอันทรงเกียรติสูงสุด ทุกคนในตระกูลหลินต่างก็รู้ข่าวเรื่องการล่มสลายของตระกูลหวังทันที
ข่าวนี้ทำให้พวกเขาประจักษ์ถึงความน่าสะพรึงกลัวของสำนักชิงหยุน—เพียงดีดนิ้ว ตระกูลหวังก็ถูกทำลายล้างได้อย่างง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือ
“ท่านเจ้าสำนักเฟิง นี่คือทรัพยากรทั้งหมดของตระกูลหวังและตระกูลไป๋ ขอท่านโปรดรับไว้”
หลินจ้านส่งแหวนเก็บสมบัติที่บรรจุทรัพยากรทั้งหมดไปให้ด้วยความเคารพ ตอนนี้เมื่อตระกูลหวังและตระกูลไป๋ถูกทำลาย ตระกูลหลินก็กลายเป็นตระกูลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในเมืองเทียนอู่
เฟิงชิงหยางรับแหวนไว้โดยไม่ลังเล ทรัพยากรนั้นไม่เคยพอสำหรับสำนักใดก็ตาม
“จริงสิ ท่านเจ้าสำนักเฟิง พวกเรามีคำขออีกเรื่องหนึ่ง”
“พวกเราตระกูลหลินยินดีที่จะเป็นกองกำลังสาขาของสำนักชิงหยุน หวังว่าท่านจะอนุญาต”
หลินจ้านพร้อมกับเหล่าผู้อาวุโสในตระกูลหลินโค้งคำนับด้วยความจริงใจ
เฟิงชิงหยางตอบรับคำขออย่างง่ายดาย ตระกูลหลินไม่ได้มีนิสัยลอบกัดเหมือนตระกูลอื่นๆ พวกเขามีความสามัคคีและแข็งแกร่งอย่างแท้จริง การได้ตระกูลหลินมาเป็นพันธมิตรจะไม่ลดเกียรติของสำนักชิงหยุนแต่อย่างใด
หากในอนาคตหลินไป๋เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ตระกูลหลินก็อาจจะกลายเป็นตระกูลระดับมหาจักรพรรดิได้ในที่สุด
[ขอแสดงความยินดีแก่นายท่านที่ทำภารกิจลับสำเร็จ การได้กองกำลังสาขาจะเพิ่มแต้มสำนักขึ้นอีกหนึ่งพัน]
“โอ้! นี่ถือว่าเป็นโบนัสลับหรือเนี่ย!”
“ระบบ การได้กองกำลังสาขาทุกครั้งจะแต้มสำนักหรือไม่?”
“แน่นอน ระบบจะประเมินระดับของกองกำลังสาขาและมอบแต้มที่เหมาะสม แต่เพื่อป้องกันการโกง กองกำลังที่ถูกบีบบังคับให้เข้าร่วมจะไม่มีผล”
ระบบตอบเพียงประโยคเดียว ทำให้เฟิงชิงหยางยกเลิกความคิดจะใช้วิธีบีบบังคับทันที
“ข้าเนี่ยนะจะบังคับใคร?” เฟิงชิงหยางยิ้มขำ “ข้าน่ะเน้นใช้การล่อให้เข้ามาเองต่างหาก!”
…
ในขณะนี้เอง
“ท่านผู้นำตระกูล! คนของตระกูลเนี่ยนมาขอเข้าพบ!”