ตอนที่ 13 ทดสอบพรสวรรค์
ตอนที่ 13 ทดสอบพรสวรรค์
"เอ้อ ลืมไปเลย เดี๋ยวพาไปดูอะไร"
เฟิงชิงหยางพากลุ่มไปเดินชมรอบๆ จนถึงบริเวณหลังเขาของสำนักชิงหยุน
พอถึงที่หมายทุกคนก็ได้เห็นระฆังใหญ่ที่ดูดกลืนและปล่อยพลังแห่งมหาวิถี
"นี่คือสมบัติเซียนของสำนักชิงหยุน ระฆังมหาวิถี"
"สมบัติเซียน!"
หลิงปิงหนิงเริ่มรู้สึกว่าตนเองไม่เข้าใจสำนักชิงหยุนแล้ว พอเจอสมบัติเซียนแบบนี้แล้ว สำนักชิงหยุนเป็นสำนักซ่อนอยู่จริงๆหรือ? หรือว่ามันเป็นสำนักเซียนที่มาจากแดนเซียน?
"ระฆังนี้ยังสามารถทดสอบพรสวรรค์ได้ เอาล่ะ มาเริ่มจากเจ้าก่อนเลย สือฮ่าว"
"ใช้พลังทั้งหมดของเจ้าโจมตีมัน"
"เสียงระฆังสามครั้งถือเป็นอัจฉริยะ, เสียงห้าครั้งถือเป็นยอดอัจฉริยะ, เสียงหกครั้งถือเป็นสุดยอดอัจฉริยะ, เสียงเจ็ดครั้งคือยอดอัจฉริยะของยุค, เสียงแปดครั้งคือจะกลายเป็นมหาจักรพรรดิ! เสียงเก้าครั้ง หมายความว่าจะก้าวข้ามมหาจักรพรรดิ เป็นยอดคนแห่งสวรรค์ ผู้มีโชคชะตาสูงส่ง"
เฟิงชิงหยางกล่าวพร้อมกับแนะนำให้ทุกคนทราบ
"ขอรับ ท่านอาจารย์ ข้าจะลองดู"
สือฮ่าวเริ่มขยับร่างกายแล้วปล่อยพลังวิญญาณออกมาโจมตีระฆังมหาวิถี
หลินไป๋และหลิงปิงหนิงต่างก็มองไปด้วยความหวังว่าจะได้เห็นสิ่งที่น่าตื่นเต้น
"ปัง!"
เสียงปะทะดังขึ้น
"ตง, ตง, ตง!...!"
เสียงระฆังดังขึ้นถึงเก้าครั้งก่อนที่จะหยุดลง
"เสียงเก้าครั้ง, เกินมหาจักรพรรดิ, ยอดคนแห่งสวรรค์, ผู้มีโชคชะตาสูงส่ง!"
ทุกคนต่างก็หันไปมองสือฮ่าวด้วยความตกใจเมื่อได้ยินเสียงระฆังดังขึ้นเก้าครั้ง
"ท่านอาจารย์ เสียงระฆังดังเก้าครั้ง!"
"อืม, เป็นอย่างที่คาดไว้"
"เจ้ามีกระดูกจักรพรรดิเกิดมาเป็นยอดคน ตีระฆังดังเก้าครั้งมันย่อมเป็นเรื่องปกติ"
"หลินไป๋ เจ้าลองบ้าง"
"ขอรับ ท่านอาจารย์"
หลินไป๋พูดจบก็เดินหน้าไปอย่างไม่รอช้า แต่ก่อนเขายังไม่กล้ายืนอยู่ตรงนี้เลย แต่ตอนนี้สิ่งต่างๆเปลี่ยนไปแล้ว
หลินไป๋ระเบิดพลังวิญญาณแล้วโจมตีไปที่ระฆัง
"ตง, ตง, ตง!...!"
เสียงระฆังดังเก้าครั้งก่อนที่จะหยุดลง
เฟิงชิงหยางพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
"มิทราบว่าแม่นางหลิงอยากจะลองบ้างหรือไม่?"
"ศิษย์พี่ลองดูหน่อยสิ ศิษย์พี่มีกายากระดูกหยก น่าจะได้ผลลัพธ์ไม่เลว"
หลิวเสวี่ยที่ยืนอยู่ข้างๆ คอยกระตุ้น
"เอาล่ะ งั้นข้าก็ขอลองบ้าง"
หลิงปิงหนิงรู้สึกอยากลองเช่นกัน ไม่รู้ว่าจะตีได้เสียงมากขนาดไหน
ร่างกายของนางขยับ พลังวิญญาณหมุนวน แล้วมุ่งไปที่ระฆังมหาวิถี
"ตง, ตง, ตง, ตง, ตง..."
เสียงระฆังดังถึงเจ็ดครั้งก่อนจะหยุดลง แต่ทว่า ขณะนั้นก็มีเสียงดังขึ้นมาอีกหนึ่งครั้ง
"เสียงแปดครั้ง จะกลายเป็นมหาจักรพรรดิ!"
หลิงปิงหนิงรู้สึกดีใจ แม้จะไม่ถึงระดับของลูกศิษย์ทั้งสองคน ของเฟิงชิงหยาง แต่นางก็พอใจมากแล้ว
"ศิษย์พี่ ท่านมีพรสวรรค์ระดับมหาจักรพรรดิเลยนะ!"
หลิวเสวี่ยที่ยืนอยู่ข้างๆ กล่าวด้วยความชื่นชมว่า “ศิษย์พี่ของข้า ช่างเก่งกาจยิ่งนัก ขอบเขตมหาจักรพรรดิ…!”
นั่นคือขอบเขตที่สูงส่งยิ่งกว่าอาจารย์ของนางเสียอีก เป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดแห่งโลกบ่มเพาะ ผู้ที่ไม่อาจคาดเดา ไม่อาจล่วงเกิน เมื่อบารมีแห่งมหาจักรพรรดิปรากฏ เหล่าหมื่นเผ่าพันธุ์ต่างก็ต้องก้มศีรษะยอมรับ ผู้ที่เป็นเจ้าแห่งโลกนี้
บรรพชนหลี่ชิงหยุนได้จับตามองอีกครั้ง แม้ว่าระฆังมหาวิถีนั้นจะทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ แต่หลี่ชิงหยุนก็ยังคงสงสัยในความแม่นยำของการทดสอบนี้อย่างหนัก
เขาผู้ยิ่งใหญ่ในขอบเขตมหาจักรพรรดิยังอยู่ตรงนี้ แต่กระนั้นระฆังกลับดังเพียงหกครั้ง ช่างน่าประหลาดใจยิ่งนัก! หรือว่าการบ่มเพาะของเขาในขอบเขตมหาจักรพรรดินั้นได้มาด้วยโชคช่วยหรือ?
“ศิษย์น้อง เจ้าก็ลองขึ้นไปทดสอบดูบ้างสิ บางทีพรสวรรค์ของเจ้าอาจจะสูงกว่าข้าก็เป็นได้”
หลิงปิงหนิงกล่าวกับหลิวเสวี่ยด้วยรอยยิ้ม
“ได้เลย ศิษย์พี่”
หลิวเสวี่ยยิ้มและเดินไปยังระฆังมหาวิถี จากนั้นจึงรวบรวมพลังวิญญาณและทุ่มพลังใส่ลงไป
ครั้งนี้ ระฆังดังถึงเจ็ดครั้งก่อนที่จะหยุดลง มันเป็นพรสวรรค์ที่หายากประดุจอัญมณีล้ำค่าที่พบเพียงหนึ่งในล้าน เป็นที่แน่นอนแล้วว่าผู้ที่จะกลายเป็นศิษย์สายตรงของเจ้าสำนักที่ทรงอำนาจเช่นนี้ ไม่ใช่บุคคลธรรมดาเลย
“ศิษย์พี่ ระฆังมันดังถึงเจ็ดครั้งแน่ะ! ฮ่าฮ่า! พรสวรรค์ของข้าก็ไม่เลวเลยทีเดียว”
หลิวเสวี่ยพูดด้วยความยินดี
เมื่อพวกเขาทั้งหมดทำการทดสอบเสร็จแล้ว ต่างหันไปมองเฟิงชิงหยางที่ยืนอยู่ข้างๆด้วยท่าทีสงบนิ่ง มือทั้งสองข้างไพล่หลัง ทุกคนต่างคิดในใจว่า: “ไม่รู้ว่าท่านเจ้าสำนักเฟิงจะมีพรสวรรค์เพียงใด”
“ท่านอาจารย์ ไม่ทราบว่าท่านสามารถทำให้ระฆังดังได้กี่ครั้งหรือ?”
สือฮ่าวอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
นอกจากสือฮ่าวแล้ว พวกเขาทั้งหมดไม่เคยเห็นเฟิงชิงหยางแสดงพลังมาก่อน แต่ไม่มีใครสามารถมองข้ามความลึกลับและความแข็งแกร่งของเขาได้ การมองข้ามแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นเพียงดั่งมดปลวก ความสง่างามที่จัดการสิ่งต่างๆอย่างใจเย็นและเยือกเย็น
“ไม่ต้องสงสัยเลย ท่านอาจารย์ต้องทำให้ระฆังดังถึงเก้าครั้งแน่!”
หลินไป๋กล่าวออกมา ซึ่งเป็นคำตอบที่พวกเขาทุกคนเห็นพ้องต้องกัน
“เอาละ ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว ข้าก็ลองดูบ้างเถิด”
เฟิงชิงหยางมองดูพวกเขาทั้งหลายที่ทำการทดสอบเสร็จสิ้นกันแล้ว เหลือเพียงตนเอง จึงตัดสินใจลองทดสอบบ้าง แม้จะมีความอยากรู้อยู่บ้างเล็กน้อย แต่เขาก็มั่นใจอย่างยิ่งว่าระฆังเก้าครั้งจะต้องเป็นของตนแน่นอน
ข้าผู้ที่มีกายาเทพเอกะจักรวาล จะมาเล่นสนุกกับพวกเจ้าได้อย่างไร?
ด้วยท่าทีสบายๆ เขากระแทกหมัดใส่ระฆังมหาวิถีโดยไม่ใส่ใจ แต่แล้วระฆังมหาวิถีก็สั่นสะเทือนราวกับโลกสะเทือน แสงสว่างเจิดจ้าพุ่งตรงขึ้นไปบนท้องฟ้า ทำให้สวรรค์และปฐพีแปรปรวน
“ตง…ตง…ตง…!”
เสียงระฆังดังต่อเนื่องจนถึงสิบครั้ง!
“อะ…นี่มัน…”
การทดสอบที่เขาทำไปเพียงเล่นๆ กลับทำลายขีดจำกัดของระฆังมหาวิถีโดยสิ้นเชิง สิบคือความสมบูรณ์แบบ นั่นหมายความว่าพรสวรรค์ของเขาได้ถึงขีดสูงสุดแล้ว ไม่เหลือช่องว่างให้พัฒนาอีกต่อไป เขาควรจะยินดีหรือเศร้ากันแน่ นี่เป็นปัญหาที่ยากจะตอบ
“โห ท่านอาจารย์ช่างมีพรสวรรค์ที่น่าทึ่งจริงๆ ข้าเทียบไม่ติดเลย!”
สือฮ่าวและหลินไป๋ที่เมื่อครู่ยังรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย ต้องตกตะลึงกับพรสวรรค์ของอาจารย์ของตนอย่างสิ้นเชิง เสียงระฆังเก้าครั้งนั้นน่าประทับใจแล้ว แต่ท่านอาจารย์ของพวกเขากลับทำลายขีดจำกัดไปจนถึงขั้นไร้ขีดจำกัด!
“ฮ่าฮ่า ข้าแค่ลองเล่นๆเท่านั้นเอง แค่ลองเล่นๆ”
…..
หลิงปิงหนิงและหลิวเสวี่ย สองศิษย์พี่น้อง เดินเที่ยวรอบสำนักชิงหยุนอีกสักพัก ก่อนจะมาบอกลาต่อหน้าเฟิงชิงหยาง เวลาที่พวกนางออกจากสำนักมาก็ไม่ใช่น้อย หากยังไม่กลับไป อาจารย์คงจะต่อว่าพวกนางเป็นแน่
“ท่านเจ้าสำนักเฟิง หวังว่าพวกเราคงจะได้พบกันอีกครั้ง หากวันใดท่านมาเยือนภาคกลาง ขอเชิญไปเยี่ยมเยือนที่ตำหนักหยกขจีของข้า”
“แม่นางทั้งสอง โชคดี ขอให้มีวาสนาได้พบกันอีกครั้ง หากมีโอกาส เฟิงผู้นี้จะไปเยี่ยมเยียน”
“ขอลา”
เงาเดียวดายริมแม่น้ำ คนเก่าในยุทธภพ แม้จะพบเจอกันครั้งแรก ก็มิจำเป็นต้องรู้จักกันมาก่อน
หลิงปิงหนิงถือได้ว่าเป็นคนแรกในต่างโลกนี้ที่ยอมช่วยเหลือเขา (ไม่นับรวมกับหญิงร่ำรวยที่เคยให้สัญญาไว้ก่อนหน้านั้น)
สำหรับหลิงปิงหนิงและหลิวเสวี่ย สองศิษย์พี่น้องที่กำลังกลับสู่ภาคกลาง การเดินทางมายังภาคตะวันออกครั้งนี้ถือว่าไม่เสียเปล่าเลย ทุกสิ่งที่ได้พบในสำนักชิงหยุนจะจดจำไปชั่วชีวิต
“ระบบ ตรวจสอบแผงข้อมูลส่วนตัว”
หลังจากที่หลิงปิงหนิงและศิษย์น้องจากไป สือฮ่าวและหลินไป๋ก็รีบเข้าสู่หอฝึกตนและมุ่งมั่นบ่มเพาะอย่างหนัก เหลือเพียงเฟิงชิงหยางที่ยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยว
【เจ้าสำนัก: เฟิงชิงหยาง, ขอบเขตการบ่มเพาะ: ขอบเขตสร้างวิญญาณขั้นสูงสุด, ศิษย์: สือฮ่าว, หลินไป๋, ร่างกาย: กายาเทพเอะจักรวาล, สำนัก: ระดับหนึ่ง (500/10000)】
“หืม แต้มสำนักเพิ่มขึ้นแล้ว?” เขาไม่เคยสังเกตมาก่อนเลย
【“การรับศิษย์ การอัญเชิญผู้แข็งแกร่ง จำนวนผู้แข็งแกร่งในสำนัก จำนวนศิษย์ของสำนัก อิทธิพลของสำนัก และความสมบูรณ์ของสำนัก ล้วนเพิ่มแต้มสำนักได้ทั้งสิ้น”】
【“ขอให้นายท่านพยายามต่อไป การสร้างสำนักอันดับหนึ่งไม่ควรชักช้า!”】
“ที่แท้ การกระทำแบบนี้ก็เพิ่มแต้มสำนักได้” เฟิงชิงหยางคิดอยู่ว่า หรือว่าเขาควรจะไปเชิญ (หรือแย่ง) ผู้แข็งแกร่งจากภายนอกเข้ามา ล่อลวงด้วยผลประโยชน์ (หรือบีบบังคับและขู่กรรโชก) ให้พวกเขาเข้าร่วมสำนัก ไม่ใช่จะง่ายกว่าหรือ?
ตอนนี้สำนักชิงหยุนยังมีคนน้อย และยังไม่สมบูรณ์นัก หอหลอมโอสถก็ยังถูกปล่อยทิ้งไว้ รอดูวันที่มีเวลาว่างสักวันค่อยไปหาปรมาจารย์หลอมโอสถบางคนเข้ามาดูแล