ตอนที่ 12 ปลุกกายากระบี่บัวมรกต
ตอนที่ 12 ปลุกกายากระบี่บัวมรกต
เมื่อหลิงปิงหนิงเห็นสีหน้าที่ไม่แยแสแม้แต่น้อยของเฟิงชิงหยาง นางก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรมากไปกว่านี้
เฟิงชิงหยางเองก็ไม่ได้อธิบายอะไรให้มากมายไปกว่านี้ เมื่อถึงเวลาที่สำนักชิงหยุนจะครองดินแดนภาคกลาง โลกทั้งปวงก็จะประจักษ์ถึงความแข็งแกร่งของสำนักชิงหยุนเอง
หลังจากนั้น เฟิงชิงหยางก็เริ่มตรวจดูหน้าจอระบบ
รางวัลจากระบบครั้งที่รับหลินไป๋เข้ามา ใช้ไปเกือบหมดแล้ว
บัตรอัญเชิญสีเงิน ก็ใช้ไปแล้วเช่นกัน เรียกอาวุโสสายนอกของสำนักมา ซึ่งเป็นผู้มีพลังบ่มเพาะในขอบเขตเบิกฟ้าขั้นสูงสุด นอกจากนี้ สุสานหมื่นกระบี่ ก็ได้ปรากฏขึ้นที่เขตหลังของสำนักชิงหยุนแล้ว
เขารู้สึกได้ว่าที่ภูเขาหลังนั้นมีบางสิ่งบางอย่างเพิ่มขึ้น และมีเจตจำนงกระบี่ที่ทรงพลังแผ่ออกมาจากที่นั่น แม้ว่าจะถูกระฆังมหาวิถีกดไว้จนไม่สามารถแผ่ออกมาได้อย่างเต็มที่ก็ตาม
สถานที่นั้นจะกลายเป็นสถานที่ฝึกฝนที่เหมาะสมสำหรับศิษย์ในอนาคต ส่วนศิษย์คนไหนจะได้กระบี่ศักดิ์สิทธิ์จากที่นั่น ก็ต้องขึ้นอยู่กับวาสนาของแต่ละคน
ตอนนี้เหลือเพียงการมอบเคล็ดวิชาที่เหมาะสมสำหรับหลินไป๋
“หลินไป๋ เจ้าขึ้นมานี่หน่อย”
“ท่านเจ้าสำนัก” หลินไป๋ที่ยังเศร้าใจรีบก้าวขึ้นมาข้างหน้าเมื่อได้ยินท่านเจ้าสำนักเรียก
“ข้าได้เข้าใจเหตุผลที่เจ้าติดขัดไม่สามารถก้าวหน้าได้แล้ว ข้าจะมอบสิ่งหนึ่งให้เจ้า ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหานี้
นับแต่นี้ไป เจ้าเหมือนกับสือฮ่าว จะเป็นศิษย์สายตรงของข้า”
“หา?!”
แต่เดิมหลินไป๋ดีใจจนตัวสั่นเมื่อได้ยินว่าปัญหาการฝึกฝนของตนจะถูกแก้ไข แต่เมื่อได้ยินว่าตนจะได้กลายเป็นศิษย์สายตรงเขาก็ถึงกับอึ้งไป
“ขอบพระคุณท่านอาจารย์!” หลินไป๋ที่ได้สติรีบพูดขอบคุณอย่างรวดเร็ว
หลิงปิงหนิงและหลิวเสวี่ยที่นั่งอยู่เบื้องล่างต่างรู้สึกสงสัย เหตุใดผู้แข็งแกร่งและลึกลับอย่างเฟิงชิงหยางจึงรับเอาศิษย์ที่ดูเป็นคนไร้ค่าเช่นนี้เป็นศิษย์ แน่นอนว่าเด็กหนุ่มคนนี้ต้องมีความลับบางอย่าง
“ปล่อยจิตสำนึกของเจ้าออกมา”
หลินไป๋ทำตามอย่างว่าง่าย
“ระบบ เริ่มได้เลย”
แสงสีม่วงเส้นหนึ่งพุ่งจากมือของเฟิงชิงหยางเข้าสู่จิตสำนึกของหลินไป๋
“ร่างกายของเจ้าคือ กายากระบี่บัวมรกต ซึ่งเป็นร่างกายในตำนาน สาเหตุที่เจ้าไม่สามารถก้าวหน้าได้ก็เพราะเจ้าไม่มีเคล็ดวิชาที่เหมาะสมในการหลอมรวมพลังวิญญาณ ดังนั้นพลังที่เจ้าฝึกฝนมาก็ถูกดูดกลืนโดยกายากระบี่บัวมรกต”
“ด้วยเคล็ดวิชา กระบี่บัวมรกต เล่มนี้ ร่างกระบี่ของเจ้าจะถูกกระตุ้นให้ตื่น และพลังของเจ้าจะพัฒนาอย่างก้าวกระโดด”
“กายากระบี่บัวมรกต!”
“กายาในตำนาน ผู้เกิดมาเพื่อเป็นหนึ่งเดียวกับกระบี่ เมื่อฝึกฝนถึงจุดสูงสุด เพียงกระบี่เดียวก็สามารถแยกฟ้าออกได้!”
หลิงปิงหนิงตกตะลึงอีกครั้ง วันนี้นางตกใจบ่อยครั้งจนนับรวมแล้วคงจะพอเพียงให้ตกใจไปถึงสิบปี
นางเคยได้ยินจากอาจารย์ว่า ในยุคกลางเคยมีผู้บ่มเพาะที่บ่มเพาะกายากระบี่บัวมรกตจนสำเร็จ ซึ่งในตอนนั้นยังเป็นเพียงยอดฝีมือขอบเขตราชันปราชญ์ เท่านั้น แต่กลับสามารถสังหารจักรพรรดิได้อย่างน่าอัศจรรย์ จนได้รับการเคารพยกย่องเป็น เทพกระบี่
ไม่นึกเลยว่ากายาเทพเช่นนี้ จะมาปรากฏในเขตภาคตะวันออกในวันนี้
…
นอกหอชิงหยุน
หนึ่งชั่วยามต่อมา หลินไป๋ที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นก็ลืมตาขึ้นด้วยความยินดี
“ท่านอาจารย์ ข้าทะลวงขอบเขตได้แล้ว!”
ทันทีที่ฝึกเคล็ดวิชากระบี่บัวมรกตในขั้นแรกเสร็จ พลังที่หยุดนิ่งอยู่นานก็ดุจดั่งน้ำที่เจอทางระบาย พุ่งทะลักออกมาและฝ่าทะลุขอบเขตอย่างบ้าคลั่ง
“ขอบเขตหลอมรวม ขั้นต้น...กลาง...ปลาย...จุดสูงสุด!”
“ขอบเขตก่อตั้งรากฐาน ขั้นต้น...กลาง...ปลาย...จุดสูงสุด!”
พลังพุ่งทะยานขึ้นเจ็ดขั้นในชั่วพริบตาเดียว จนกระทั่งหยุดอยู่ที่จุดสูงสุดของขอบเขตก่อตั้งรากฐาน
“ขอบเขตก่อตั้งรากฐานขั้นสูงสุด!”
เมื่อหลินไป๋เอ่ยจบ ทันใดนั้นฟ้าก็เกิดปรากฏการณ์ประหลาด ผืนดินก็เผยให้เห็นบัวมรกตปรากฏขึ้นรอบๆตัวหลินไป๋ บัวสีมรกตแต่ละดอกฟื้นฟูร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่อง
ปรากฏการณ์นั้นไม่นานก็เลือนหายไป ตอนนี้หลินไป๋รู้สึกราวกับตนเองได้รับการชำระล้างร่างกายใหม่อย่างสิ้นเชิง
หลินไป๋ ณ ขณะนี้รู้สึกอยากจะร่ายบทกวีสักบท
"สิบปีที่ผ่านมาฝึกฝนอย่างเหนื่อยล้า"
"ทนทุกข์ถูกดูหมิ่นและคำถากถางมากมาย"
"กายาเทพในตัวตื่นขึ้นในที่สุด"
"บัวเขียวสถิตกาย ระดับพลังทะลุผ่าน"
ณ เวลานี้
“ไม่เลวเลย ร่างกระบี่ถูกปลุกตื่นแล้ว ระดับพลังของเจ้าก็ได้ทะลวงผ่านไปหลายขั้น
ไม่เสียแรงที่ข้าเลือกเจ้าเป็นศิษย์ของข้า การทะลวงขั้นของเจ้าช่างง่ายดายดุจดื่มน้ำ แต่เมื่อเทียบกับข้า เจ้าก็ยังห่างไกลอยู่”
หลินไป๋กำลังจะกล่าวอะไรสักอย่าง แต่จู่ๆก็มีเจตจำนงกระบี่อันทรงพลังแผ่พุ่งมาจากหลังเขา
“ท่านอาจารย์ นั่นเป็นผู้อาวุโสผู้เชี่ยวชาญวิถีกระบี่ของสำนักเรา กำลังฝึกกระบี่อยู่ที่หลังเขาหรือ?”
“ช่างเป็นเจตจำนงกระบี่ที่ทรงพลังจริงๆ!”
ศิษย์พี่ใหญ่สือฮ่าวถามขึ้น เขาคาดว่าน่าจะเป็นผู้อาวุโสด้านวิถีกระบี่ที่กลับมาจากการเดินทางอยู่โลกภายนอก
เฟิงชิงหยางใช้พลังจิตสำนึกตรวจสอบ และพบว่ามันเกิดจากการเคลื่อนไหวของสุสานหมื่นกระบี่ เมื่อเขามองไปที่หลินไป๋ที่เพิ่งปลุกกายากระบี่ในตัวได้สำเร็จ เขาก็พอเข้าใจเหตุการณ์ จึงยิ้มโดยไม่พูดอะไร
ขณะที่สือฮ่าวและหลินไป๋กำลังพูดถึงเจตจำนงกระบี่อันทรงพลังนั้น
กระบี่เล่มหนึ่งที่ยาวหนึ่งเมตรก็พุ่งแหวกอากาศมาหาพวกเขา เจตจำนงกระบี่ที่แผ่ออกมาช่างเยือกเย็น มันหมุนวนรอบตัวหลินไป๋สองสามรอบก่อนจะตกลงไปในมือของเขาอย่างมั่นคง
“ท่านอาจารย์ นี่มัน...”
ปรากฏว่าความรู้สึกทรงพลังนั้นมาจากกระบี่เล่มนี้
“กระบี่บัวมรกต!”
หลิงปิงหนิงผู้ซึ่งมีความรู้มากมายได้อุทานออกมาอีกครั้ง
นางเคยเห็นกระบี่เล่มนี้ในคัมภีร์กระบี่ มันมีนามว่ากระบี่บัวมรกต เป็นกระบี่ประจำกายของเทพกระบี่ในยุคกลางซึ่งเคยสังหารจักรพรรดิและมหาจักรพรรดิได้ ในคัมภีร์กระบี่มันจัดเป็นอันดับหนึ่ง!
บังเอิญว่าเทพกระบี่คนนั้นก็มีกายากระบี่บัวมรกต จึงตั้งชื่อกระบี่นี้ตามร่างของตนว่า "กระบี่บัวมรกต"
“อ้อ แม่นางหลิงรู้จักกระบี่เล่มนี้ด้วยหรือ?”
เฟิงชิงหยางได้ยินนางเอ่ยชื่อของกระบี่เล่มนี้ได้ จึงถามขึ้น
เขาเองก็ไม่รู้จักกระบี่เล่มนี้ เพียงรู้ว่าระบบบอกว่าในสุสานหมื่นกระบี่นั้นซุกซ่อนกระบี่อันทรงพลังของสวรรค์ไว้มากมาย
“ใช่แล้ว ข้าเคยบังเอิญเห็นกระบี่เล่มนี้ในคัมภีร์ มันมีชื่อว่ากระบี่บัวมรกต เป็นกระบี่ของเทพกระบี่ในยุคกลาง
กระบี่เล่มนี้เคยใช้สังหารสังหารจักรพรรดิและมหาจักรพรรดิ มันอยู่ในอันดับหนึ่งของคัมภีร์กระบี่
บังเอิญว่าเทพกระบี่ในคัมภีร์กระบี่ก็มีกายากระบี่บัวมรกต จึงตั้งชื่อกระบี่นี้ตามร่างของตน”
“ใช่แล้ว กระบี่เล่มนี้เป็นของเจ้าสำนักคนที่สองร้อยห้าสิบของสำนักชิงหยุนเราในยุคกลาง ข้าเชื่อว่ากระบี่นี้มีชะตาผูกพันกับศิษย์ของข้า จึงบินมาเอง” เฟิงชิงหยางกล่าวโกหกโดยไม่กระดากหน้า
“ยุคกลาง! จากยุคนั้นถึงปัจจุบันมีอายุนับล้านปี สำนักชิงหยุนคงเป็นสำนักโบราณที่ซ่อนเร้นอย่างแท้จริง ความแข็งแกร่งของมันไม่ธรรมดาจริงๆ!”
“ศิษย์ของข้า เจ้าก็ได้ยินแล้วสินะ ในเมื่อกระบี่บัวมรกตนี้มีชะตาผูกพันกับเจ้า ข้าก็จะมอบมันเป็นของขวัญให้เจ้าเข้ามาเป็นศิษย์ของข้า”
“ขอบคุณท่านอาจารย์!”
“ท่านอาจารย์วางใจได้ ข้าจะไม่ทำให้ชื่อเสียงของกระบี่เล่มนี้และชื่อเสียงของเทพกระบี่ต้องเสื่อมเสียแน่!”
“กระบี่บัวมรกตสินะ...”
“จากนี้ไปเราสองคนจะช่วยกันปกป้องสำนักและญาติพี่น้องของเราเอง”
หลินไป๋เอามือลูบไปตามคมกระบี่ เขาพึมพำกับตนเอง
ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป เรื่องราวของหลินไป๋ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว...
กระบี่เทพที่มีวิญญาณในตัวเริ่มสั่นระริก ราวกับกำลังตอบรับกับคำพูดของหลินไป๋
ส่วนบรรพชนหลี่ชิงหยุนกลับรู้สึกหงุดหงิด
ในสำนักมักมีปรากฏการณ์สวรรค์และดันเกิดขึ้นบ่อยๆ จนเขาชินชาและแทบไม่แปลกใจอีกแล้ว
ในสมัยก่อน ตอนที่เขาฝึกฝนขึ้นมาไม่ได้มีพรสวรรค์เช่นนี้ เขาต้องผ่านความยากลำบากและการต่อสู้มากมาย จนได้บรรลุถึงขอบเขตมหาจักรพรรดิ
เมื่อเขาไปยังสุสานหมื่นกระบี่ที่อยู่หลังเขาในทันทีที่รู้สึกถึงพลังกระบี่อันแข็งแกร่ง ตอนแรกเขายังไม่รู้ว่ามันคืออะไร คิดว่าต้องเป็นสิ่งที่เจ้าสำนักเฟิงชิงหยางไปได้มา
แต่เมื่อพลังกระบี่พุ่งพล่าน เขาจึงไปดูและพบว่ามีกระบี่ล้ำค่ามากมายฝังอยู่ แต่เขากลับเข้าไปใกล้ไม่ได้ เขาได้แต่รู้สึกอิจฉา
เมื่อเขาเห็นศิษย์ใหม่ของเจ้าสำนักสร้างปรากฏการณ์ขึ้นมา และกระบี่เทพบินไปหาเด็กคนนั้น เขาก็ทนไม่ไหว
“ในที่สุดแล้ว ข้าซึ่งอยู่ในขอบเขตมหาจักรพรรดิก็ไม่คู่ควรจริงๆ หรือ…”