016-018
บทที่ 16
016 การตัดสินใจ
ตราบใดที่ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวยังคงขายได้อย่างต่อเนื่อง เธอก็จะมีคะแนนสะสมที่ไหลเข้ามาไม่ขาดสาย ซึ่งหมายความว่าเธอจะไม่ขาดแคลนวัตถุดิบในการผลิตอีกต่อไป และระบบยังมีห้องปฏิบัติการปลอดเชื้อพร้อมอุปกรณ์และสถานที่พร้อมใช้งาน
พูดง่ายๆ ก็คือ ต้นทุนในการผลิตผลิตภัณฑ์บำรุงผิวทั้งหมดจะเป็นภาระของระบบ เธอไม่ต้องใช้เงินแม้แต่หยวนเดียว แต่ก็สามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ทั้งหมด รวมทั้งยังมีรางวัลพิเศษจากระบบอีกด้วย
นี่มันเหนือกว่าการใช้มือเปล่าหลอกลวงผู้คนเสียอีก
ถ้าเธอจะเข้ามาทำธุรกิจในวงการความงาม เธอไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงของการเริ่มต้นธุรกิจเลย แค่ทำผลิตภัณฑ์อย่างมั่นใจแล้วขายออกไป ก็ไม่ต้องกังวลหรือคิดมากอะไร
ดังนั้นการเปิดร้านผลิตภัณฑ์ความงามแฮนด์เมดจึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับเธอในตอนนี้
แน่นอนว่าอันหยานคิดได้แบบนี้ไม่ใช่แค่พึ่งพาระบบเท่านั้น แต่ยังมีอีกส่วนหนึ่งมาจากความตื่นตัวในจิตใจของเธอ
แม้ในความฝันนั้นจะไม่ได้เป็นเรื่องราวที่ต่อเนื่องกัน แต่ภาพที่สะท้อนออกมาก็เพียงพอที่จะให้เธอเก็บข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับอนาคตได้
ตอนนี้คือปี 2015 และในความฝันเธอได้เห็นตัวเองจากไปจากโลกนี้ในปี 2018 แต่ภาพในฝันไม่ได้หยุดแค่ตรงนั้น หลังจากนั้นยังคงมีภาพบางส่วนที่ปรากฏขึ้นมา จนกระทั่งถึงช่วงเวลาที่อันเหม่ยประสบความสำเร็จสูงสุดในชีวิต ซึ่งภาพในฝันนั้นถึงจะสิ้นสุด
และในที่สุด ภาพสุดท้ายที่แสดงในความฝันคือปี 2022 หรืออีกเจ็ดปีข้างหน้า!
หลังจากที่เธอจากไปแล้ว อันเหม่ยกลับเหมือนคนที่ได้รับพลังพิเศษ ไปจนถึงจุดสูงสุดในชีวิต ทั้งในเรื่องงานและครอบครัว เธอประสบความสำเร็จอย่างไม่น่าเชื่อ และกลายเป็นบุคคลที่ทุกคนในโลกออนไลน์ต้องยอมรับในฐานะหญิงสาวที่ประสบความสำเร็จ
เกี่ยวกับอนาคต อันหยานไม่ค่อยรู้รายละเอียดมากนัก แต่สิ่งที่เธอเห็นในความฝันเกี่ยวกับอันเหม่ย ทำให้เธอจำภาพนั้นได้อย่างแม่นยำ
อนาคตในอีกเจ็ดปีข้างหน้า คงเป็นยุคที่โลกออนไลน์เฟื่องฟูและเต็มไปด้วยผู้คนที่โด่งดังจากโลกออนไลน์
อันเหม่ยเองก็กลายเป็นหนึ่งในกลุ่มแรกๆ ที่ได้รับประโยชน์จากยุคนั้น เธอเป็นหนึ่งใน "บิวตี้อินฟลูเอนเซอร์" ที่มีชื่อเสียงและสร้างฐานแฟนๆ มหาศาลในช่วงเวลานั้น
ตอนนี้คือปี 2015 ซึ่งเป็นยุคของการเกิดขึ้นของสองแพลตฟอร์มใหญ่ คือ Weibo และ WeChat ก่อนที่ในไม่กี่ปีข้างหน้า การไลฟ์สดและคลิปสั้นจะกลายเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมและเติบโตอย่างรวดเร็ว มีการขายสินค้าและอีคอมเมิร์ซที่ได้ประโยชน์จากเทคโนโลยีออนไลน์และทำกำไรอย่างมหาศาล
อันหยานรู้สึกอิจฉามากกับสิ่งที่เธอเห็นในความฝัน
เธอไม่ได้อิจฉาที่อันเหม่ยกลายเป็นเน็ตไอดอลระดับประเทศ แต่เธออิจฉาคนที่ได้ประโยชน์จากยุคนั้นและสามารถประสบความสำเร็จได้อย่างง่ายดาย
ดังนั้น เธอตัดสินใจแล้วว่าจะใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์ โดยการคว้าโอกาสจากยุคของเน็ตไอดอล เพื่อสร้างฐานความมั่งคั่งให้กับชีวิตของตัวเอง
“ติ๊ง~”
ขณะที่อันหยานกำลังจินตนาการถึงอนาคตที่สวยงาม เสียงข้อความจากโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
อันหยานรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า ดูข้อความที่ส่งมาจากเพื่อนร่วมงานที่เธอมีความสัมพันธ์ที่ดีด้วยในที่ทำงาน ข้อความนั้นเตือนให้เธอระวังตัวหน่อย
เพราะเมื่อเช้าทันทีที่มาถึงที่ทำงาน ห่าวซวนก็ไปบอกหัวหน้าของพวกเขาเรื่องที่เธอทำเรื่องวุ่นวาย แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องดีอะไร และผลลัพธ์นี้อันหยานก็พอเดาได้
เธอไม่ใช่คนในแผนกของห่าวซวน แต่ก็พอรู้จักพฤติกรรมของเขาเป็นอย่างดี ห่าวซวนเป็นนักขายที่บริษัทดึงตัวมาจากบริษัทอื่น ซึ่งยอดขายส่วนใหญ่ก็จะเชื่อมโยงกับเขา ทำให้เขาได้รับความสำคัญจากฝ่ายบริหารมาก
แต่ในมุมมองของพนักงานภายใน พวกเขาก็รู้กันดีว่าห่าวซวนทำยอดขายได้อย่างไร
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายบริหารของบริษัทไม่ได้ใส่ใจในรายละเอียดเหล่านั้น พวกเขามองแค่ผลลัพธ์สุดท้ายเท่านั้น
อันหยานขยับแขนแล้วตะโกนออกมา: “ก็มาสิ! มาสู้กันสักตั้ง!”
(จบตอน)
……………………………………………………………………………………………………………………………
บทที่ 17
017 บริษัทไทคังยา
แต่ตัวเธอเองก็เป็นแค่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบยาธรรมดาคนหนึ่ง และยังเป็นนักศึกษาฝึกงานที่ทำงานได้แค่สามเดือนกว่า ๆ ดังนั้นถึงแม้เธอจะเป็นฝ่ายถูก บริษัทก็ไม่น่าจะยอมทิ้งห่าวซวน คนที่เรียกได้ว่าเป็น "บุคลากร" ที่มีคุณค่าไปหรอก
เรื่องนี้เธอก็รู้ดี เลยไม่ได้ตั้งใจจะไปพูดอะไรกับพวกนั้นอีก ก็นะ ตอนนี้ก็จบกันไปแล้ว งั้นก็แค่จัดการไปตรง ๆ เลย!
อันหยานยิ้มมุมปากออกมาเย็นชา เธอเก็บมือถือแล้วเดินเข้าไปในครัว ทำบะหมี่ไข่ใส่ชามใหญ่ ๆ ให้ตัวเอง ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้เธอยังไม่ได้ทานอะไรเลย บ่ายนี้เธอยังต้องต่อสู้ครั้งใหญ่ ท้องต้องอิ่ม ถึงมีแรงสู้สิ
——
เวลาบ่ายสองโมง อันหยานเดินตรงไปที่บริษัทไทคังยาอย่างมั่นใจ
"โอ๊ะ! ดูนั่นสิ นี่ใครมาถึงแล้วเนี่ย?"
จางเจียซินสังเกตเห็นอันหยานทันที แล้วก็พูดขึ้นมาเสียงดังอย่างสนุกปาก
เมื่อคืนที่อันหยานหนีไปหลังจากที่เกิดเรื่อง เธอถูกผู้จัดการห่าวซวนด่าจนหัวหมุนแทบตาย ตอนนั้นสถานการณ์มันยุ่งเหยิงมาก เธอไม่ได้เตรียมตัวเลย ใครจะรู้ว่าอันหยานจะทำตัวโกรธขนาดนั้น
ที่ทำให้เธอรู้สึกแย่ที่สุดก็คือ เธอบอกว่าอยากจะไปแทนอันหยาน นั่งดื่มเป็นเพื่อนกับคุณเฉิน แต่กลับโดนผู้จัดการหห่าวซวนปฏิเสธ
มันโคตรน่าหงุดหงิดเลย
ทำไมเป็นแบบนั้นล่ะ? ตอนนี้เธอเป็นคนในแผนกประชาสัมพันธ์การขายอยู่แล้ว งานพวกนี้ควรจะเป็นหน้าที่ของเธอสิ แต่ผู้จัดการห่าวซวนดันไปเลือกอันหยานจากแผนกตรวจสอบยาแทนซะได้
แค่เพราะอันหยานหน้าตาดีงั้นเหรอ?
จางเจียซินไม่เข้าใจ อันหยานนอกจากหน้าตาจะดีแล้ว มีอะไรดีอีกรึไง? ทั้งเย็นชา ไม่เห็นน่าสนใจเลย ซึม ๆ ตลอดเวลา พูดก็แข็ง ๆ เหมือนหุ่นไม้ จะมีเสน่ห์ผู้หญิงตรงไหนกันล่ะ
จางเจียซินเห็นหน้าของอันหยานแล้วรู้สึกราวกับมีไฟไหม้ในท้อง ตอนนั้นเธอพลาดโอกาสดี ๆ ไปอีกแล้ว
"เธอยังจะมีหน้ามาทำงานที่นี่เหรอ? ที่เธอทำไว้ทำให้คนอื่นลำบากไปหมด ไม่อายบ้างเหรอ?"
อันหยานแค่ยิ้มเย็น ๆ แล้วตอบกลับมา "เธอที่ทำท่าทางแบบนั้นยังไม่อายเลย แล้วฉันจะอายทำไม?"
"เธอ!"
จางเจียซินโดนพูดตรง ๆ แบบนั้นไปก็เสียหน้าจนหน้าตาแดงก่ำ แต่พอนึกถึงการตัดสินใจของบริษัทแล้ว ก็รู้สึกดีขึ้นมาทันที
"ฮึ! เธอก็แค่พูดแก้ตัวไปเรื่อย สักวันต้องโดนคุณเฉินลงโทษแน่"
"ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันคงจะดีกว่าเธออยู่แล้ว" อันหยานยิ้มเย้ยเบา ๆ แล้วเดินผ่านไป
จางเจียซินนี่แหละ ที่ตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัยก็ไม่ถูกกับเธอเลย พูดจาไม่เคยมีมารยาทเลยสักครั้ง มักจะกัดกันอยู่ตลอดเวลา
ไม่น่าเชื่อว่าจะได้มาเจอกันที่ที่เดียวกันอีก พวกเรานี่เหมือนจะเป็นคู่เวรคู่กรรมจริงๆ
เรื่องที่เธอทำหลัง ๆ มาหรือว่าไปพูดอะไรกับคนอื่น ที่จริงอันหยานก็รู้ดี แต่ไม่ได้อยากจะไปยุ่งกับเรื่องพวกนั้น แค่อยากจะทำงานและหาเงิน เลยไม่สนใจจะไปเล่นสงครามน้ำลาย
ปากยาวๆ ไปเถอะ เธอก็ไม่ได้อยากจะมาติดตามตรวจสอบตลอดหรอก เรื่องแบบนี้ก็แค่เรื่องเล็ก ๆ ถ้าเธอจะยุ่งเรื่องของตัวเองทั้งวัน คงจะตายไปนานแล้ว
"ฮึ" จางเจียซินเก็บคำพูดของตัวเองลงคอ อยากจะด่าออกมาแต่ก็ไม่สามารถทำได้ แค่ส่งสายตาเกลียดชังไว้ที่อันหยาน แล้วทำได้แค่รอให้เธอพลาดท่า
อันหยานเดินไปไม่สนใจสายตาที่จ้องมองจากทั้งสองข้างทาง แล้วตรงไปที่ห้องทำงานของหัวหน้าแผนก ส่งจดหมายลาออกของตัวเองไปอย่างเด็ดขาด
(จบตอนนี้)
……………………………………………………………………………………………………………………………
บทที่ 18
018 ข้อกล่าวหา
"อันหยาน.. เอ่อ ลาออกแล้วเหรอ? จดหมายลาออกของเธอฉันรับแล้วนะ แต่เงินเดือนและโบนัสของเธอเมื่อเดือนที่แล้ว บริษัทคงไม่สามารถจ่ายให้เธอได้หรอก"
หัวหน้าฝ่ายตรวจสอบยาแสดงสีหน้าลำบากใจ รู้สึกเกรงใจมากที่ต้องทำแบบนี้กับสาวน้อยคนหนึ่ง มันไม่ใช่ความตั้งใจของเขาเลยจริงๆ
อันหยานทำงานได้ดีมาตลอดเดือนที่แล้ว ไม่ว่าจะยังไงก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องหักเงินเดือนและโบนัสของเธอ การกระทำแบบนี้มันเป็นการใช้อำนาจอย่างไร้เหตุผลเกินไป
แต่เพราะมันเป็นคำสั่งจากเบื้องบน เขาก็เป็นแค่ลูกน้องที่ต้องทำตาม ใครจะไปขัดห่าวชวนที่เป็นคนเอาแต่ใจในแผนกประชาสัมพันธ์การขายล่ะ
"ห่าวซวนเป็นคนต้นคิดสินะคะ?"
เมื่อได้ยินคำถามนี้ อันหยานก็ไม่ได้ตกใจอะไร เธอรู้จักนิสัยของหัวหน้าตัวเองดีอยู่แล้ว ดังนั้นเธอไม่อยากพูดเรื่องนี้มากนัก แค่ขอคำตอบที่ชัดเจนก็พอ
"..." หัวหน้าหมดคำพูด ดูท่าทางไม่รู้จะตอบยังไงดี
ตอนนั้นเอง เสียงที่หยิ่งยโสก็ดังขึ้นมา "มันเป็นความคิดของฉันเอง แล้วไงล่ะ? ถ้ามีกล้าที่จะทำ ก็ต้องพร้อมรับผลที่ตามมาด้วยสิ"
ห่าวชวนเดินเข้ามาออฟฟิศมาอย่างมั่นใจ มองอันหยานด้วยท่าทีทะนง "ถ้าเธอขอโทษฉันตอนนี้ ฉันอาจจะช่วยเธอขอร้องเรื่องเมื่อคืนนี้ให้ ทุกอย่างเรียบร้อย เป็นยังไง?"
ถ้าไม่ใช่เพราะผู้จัดการเฉินดันทุรังจะเรียกตัวอันหยานมาปรนนิบัติ ห่าวชวนคงไม่ต้องมาคอยยุ่งยากเรื่องนี้หรอก
คิดถึงเมื่อคืนที่อันหยานทำแบบนั้น เขาก็โกรธขึ้นมา คิดถึงท่าทางของเธอที่ดูเหมือนจะไม่มีใครแตะต้องได้ ยิ่งทำให้เขาอยากจะบดขยี้เธอให้จมดินไป
เมื่อได้ยินคำพูดแฝงความหมาย อันหยานก็ยิ้มเย็น ๆ ที่มุมปาก "ไม่เอาหรอกค่ะ"
ห่าวชวนที่จัดการเรื่องต่างๆ มักจะเป็นเรื่องไม่ดีที่ไม่ควรเปิดเผย เมื่อคืนเธอก็แสดงท่าทีชัดเจนขนาดนี้ เขายังจะพยายามลากเธอลงไปในหลุมพรางอีก
ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริงๆ
ในฝันที่เธอเคยประสบกับชีวิตที่มืดมน เธอรู้ว่ามันเริ่มต้นจากตรงนี้ จนกระทั่งเธอตกลงไปถึงจุดต่ำสุด
ในฝันนั่น เธอเองก็ทำให้ห่าวชวนพลาดสิ่งดี ๆ แต่ในทางกลับบ้าน เธอกลับไม่ได้เจออุบัติเหตุอะไร ในเช้าวันถัดมาเธอก็ยังมาถึงที่ทำงานและยื่นใบลาออกตามปกติ
แค่บริษัทอ้างว่าเธอละเมิดระเบียบการทำงาน บริษัทจึงหักเงินเดือนและโบนัสของเธอ เธอไม่พอใจและสร้างเรื่องใหญ่ขึ้นที่บริษัท
จากนั้นห่าวชวนก็ยื่นเอกสารบางอย่างที่แกล้งตั้งข้อหาว่าเธอละเมิดความลับของบริษัท และเรียกร้องให้เธอชดใช้ค่าเสียหายจากการผิดสัญญา
เธอไม่รู้ว่าเอกสารนั้นมาจากไหน แต่เพราะเธอทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจสอบยา งานของเธอมักเกี่ยวข้องกับการตรวจสอบยาและลงชื่อในเอกสารการตรวจทดสอบต่าง ๆ
ในฝันนั้นเธอก็รู้สึกสับสนจนไม่ทันตั้งตัว และด้วยความที่เธออยู่คนเดียว ไม่มีใครช่วยเธอ เธอก็ไม่สามารถสู้กับห่าวชวนได้
ถึงแม้จะไปแจ้งตำรวจ แต่ด้วยหลักฐานไม่พอ เธอก็ไม่สามารถพิสูจน์ตัวเองได้
จากนั้นเธอก็พบเจอกับความยากลำบาก ทุกที่ที่ทำงานก็ไม่เหมาะสม เธอไม่สามารถหางานที่เหมาะกับตัวเองได้ นอกจากนั้นชื่อเสียงที่เสียหายของเธอถูกโปรยไปทั่ว เป็นป้ายชื่อที่ถูกติดแน่นไว้กับตัวเธอเอง
ตอนนี้เส้นทางชีวิตของเธอได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว เธอจะไม่ให้พวกเขาหาตัวการเพื่อมาเอาผิดเธอได้อีก
"อันหยานเธอหมายความยังไง? ฉันบอกเลยนะ อย่ามาทำเป็นเก่งดีกว่า! ฉันให้โอกาสสุดท้ายแล้ว เธอคิดดี ๆซะ"
ห่าวชวนโกรธมาก ไม่มีใครทำให้เขารู้สึกอับอายแบบนี้มานานมาก ตั้งแต่เข้ามาในสังคมใหญ่ เขาเจอผู้หญิงหลากหลายมากมาย
(จบตอนนี้)