ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป004-006

001-003


บทที่ 1

001 กฎลับ

“อันหยาน  นี่เธอเป็นอะไรของเธอ?”

“ก็แค่ไปดื่มกับผู้จัดการเฉิน  แล้วเต้นด้วยนิดหน่อยหน่อย ทำไมต้องทำเหมือนมันเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้น?”

“แค่ให้เขาโอบเอวนิดหน่อย เธอทำเหมือนเขาจะฆ่าเธอ มันจำเป็นขนาดนั้นเลยหรือไง!”

“นี่มันยุคไหนแล้ว ยังจะทำตัวเป็นหญิงศักดิ์สิทธิ์ใครเขาดูกัน?”

“ฉันบอกเลยนะว่างานของผู้จัดการเฉินครั้งนี้สำคัญกับบริษัทมาก ไม่ว่าเขาจะทำอะไรกับเธอคืนนี้ เธอก็ต้องทำให้เขาเซ็นสัญญาให้ได้!”

ในมุมหนึ่งของทางเดินยาว ชายร่างผอมคนหนึ่งกำลังทำหน้าเคร่งเครียดและตวาดใส่เด็กสาวคนหนึ่งด้วยท่าทางเอาเรื่อง เขาชี้นิ้วไปที่เธอจนแทบจิ้มเข้าหน้าผากหลายครั้ง

เด็กสาวคนนั้นดูอายุราวๆ 20 ต้นๆ แต่งตัวเรียบง่ายและสุภาพ ผอมสูงโปร่ง ผมดำยาวเหมือนหมึกมัดเป็นหางม้าต่ำ เผยให้เห็นลำคอที่เรียวระหง

แม้จะก้มหน้าลงเล็กน้อย แต่ใบหน้าที่สวยโดดเด่นและงดงามก็ไม่อาจมองข้ามได้ คิ้วเรียวบางดั่งจันทร์เสี้ยวขมวดเล็กน้อย ผิวขาวเนียนดุจเครื่องเคลือบ ตอนนี้กลับยิ่งขาวซีดจนแฝงความเย็นชา

ผู้จัดการห่าวระบายความโกรธออกมาจนหมด แต่เมื่อเขามองเด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างอันหยาน เธอกลับก้มหน้าเงียบไม่พูดจา ท่าทางเหมือนคนไม่มีชีวิตจิตใจ ทำให้เขาเดือดดาลยิ่งกว่าเดิม

“ฉันกำลังพูดกับเธออยู่นะ ไม่ได้ยินหรือไง? ตอนนี้กลับไปขอโทษผู้จัดการเฉินเดี๋ยวนี้! อยู่กับเขาให้ดี ให้เขาสนุกให้เต็มที่ พอเซ็นสัญญาเสร็จ ผลประโยชน์ก็จะตกอยู่ที่เธอ”

“เธออย่าไปคิดมากเรื่องหน้าตาศักดิ์ศรีอะไรพวกนั้นเลย เงินมันสำคัญกว่า! โลกนี้มันก็เป็นแบบนี้แหละ คนเราต้องรู้จักปรับตัว อย่าโง่ให้มาก!”

อันหยานที่ก้มหน้าอยู่กัดฟันแน่น ปลายนิ้วเย็นเฉียบจิกเข้าฝ่ามือลึกจนเป็นรอย เธอเต็มไปด้วยความอับอายและโกรธจนตัวสั่น

สถานการณ์เมื่อครู่มันแค่ดื่มนิดหน่อย โอบเอวนิดเดียวงั้นเหรอ?

เธอเองก็มีศักดิ์ศรีและมีหลักการเหมือนกันนะ ครั้งก่อนที่เธอยอมกินข้าวกับพวกเขายังพอทำใจได้ แต่ครั้งนี้มันมากเกินไป!

พวกเขาเห็นเธอเป็นอะไร ของเล่นให้พวกเขาปั่นหัวเล่นเหรอ?

คนอื่นทำยังไงเธอไม่รู้ แต่เธอเป็นคนที่ไม่รู้จักปรับตัวแบบนั้น

จะหาว่าเธอดื้อด้านหรือยังไงก็ช่าง หัวใจเธอไม่อาจยอมรับและเรียนรู้สิ่งแบบนี้ได้จริงๆ

ผู้จัดการห่าวพูดเสียงเย็นชา “ยังยืนโง่อยู่ตรงนี้ทำไม? ไม่กลับไปห้องวีไอพีอีก! ฉันบอกเธอไว้เลยนะ ถ้าคืนนี้สัญญาไม่ได้เซ็น เธอก็อย่าคิดอยู่ในบริษัทต่อได้เลย รีบไสหัวออกไปซะ!”

ได้ยินแบบนี้ อันหยานอดทนต่อไปไม่ไหว เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขา เสียงเย็นชาและหนักแน่น

“ผู้จัดการห่าว ฉันเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบ ไม่ใช่พนักงานฝ่ายขายหรือประชาสัมพันธ์ นี่มันไม่ใช่หน้าที่ของฉัน ฉันมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธ”

ผู้จัดการห่าวหัวเราะเยาะทันที “สิทธิ์ที่จะปฏิเสธ? นานแล้วนะที่ฉันไม่ได้ยินอะไรตลกๆ แบบนี้”

อันหยานยังคงนิ่ง สายตามั่นคงจ้องตอบกลับโดยไม่หลบหนี

เมื่อเห็นท่าทีนี้ ผู้จัดการห่าวหมดความอดทนทันที เขาเองก็ไม่อยากให้ผู้จัดการเฉินรอนาน สัญญานี้เขาต้องได้มา

เขาเชิดหน้าขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง มองอันหยานราวกับเธอไม่มีค่าอะไร

“ฉันไม่สนว่าเธออยู่แผนกไหน แต่ตราบใดที่เธอยังทำงานที่ไท่คังยา (บริษัทเกี่ยวกับยา) เธอก็ต้องฟังคำสั่งผู้บังคับบัญชา เธอควรจะรู้ไว้ว่า เธอได้เงินจากไท่คังยา เธอก็ต้องทำงานให้ไท่คังยา นี่มันคือความรับผิดชอบของเธอ!

ฉันไม่มีเวลามาอธิบายอะไรมาก คืนนี้เธอต้องทำให้ผู้จัดการเฉินพอใจ ถ้าเธอทำให้เขาโกรธล่ะก็ อย่าว่าแต่ว่าเงินเดือนโบนัสเลย แม้แต่อาชีพในวงการนี้ก็อย่าคิดว่าตัวเองจะมีโอกาสอีก เข้าใจไหม?”

(จบบท)

……………………………………………………………………………………………………….

บทที่ 2

002 การต่อต้าน

เมื่อได้ยินคำพูดนั้น อันหยานยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย ท่าทางกลับดูสงบนิ่งยิ่งกว่าเดิม ในใจเธอรู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อยลมหายใจยาว ราวกับว่านี่คือสิ่งที่เธอคาดไว้อยู่แล้ว

บางทีตั้งแต่ตอนที่เธอถูกหลอกให้มาที่ห้องวีไอพี เธอก็อาจจะเตรียมใจไว้สำหรับสถานการณ์แบบนี้แล้ว

“เพราะฉะนั้น ในฐานะพนักงานของไท่คังยา ฉันต้องทำตามคำสั่งของบริษัททุกอย่างงั้นเหรอคะ? แม้กระทั่งหลังเลิกงานต้องไปดื่มเหล้าและยิ้มขายหน้าตากับลูกค้า?”

ผู้จัดการห่าวหัวเราะเยาะออกมา เขาดูถูกเด็กฝึกงานคนนี้อย่างชัดเจน คิดจะทำตัวมีศักดิ์ศรีในสถานการณ์แบบนี้น่ะเหรอ?

เขาไม่เชื่อเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะไม่เคยใช้หน้าตาของตัวเองทำอะไรเลย

พื้นเพครอบครัวของเธอ ฐานะของเธอเป็นเรื่องที่รู้กันตั้งแต่เธอเข้าบริษัทได้ไม่กี่วัน

เด็กสาวที่ไม่มีครอบครัวหรือเบื้องหลังอะไรเลย ต้องทำงานพิเศษไปด้วยเรียนไปด้วยจนจบมหาวิทยาลัย แล้วค่าใช้จ่ายตลอดหลายปีที่ผ่านมานี่ เธอไม่เคยพึ่งพาผู้ชายคนไหนเลยจริงๆ เหรอ?

การทำตัวเหมือนเป็นหญิงบริสุทธิ์ต่อหน้าคนอื่นแบบนี้ ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากการเล่นละครเพื่อยกระดับตัวเองให้ดูมีค่าเท่านั้น

เฮอะ คิดจะเล่นตัวกับเขาน่ะเหรอ ยังอ่อนหัดนัก แต่ไม่ว่าอย่างไรขอแค่เธอสามารถทำให้ผู้จัดการเฉินพอใจก็พอ

“พอแล้ว อย่ามากเรื่อง รีบเข้าไปในห้องซะ เดี๋ยวสัญญาเซ็นเสร็จแล้ว ฉันจะพูดให้ดีๆ กับบอร์ดบริหาร เธอก็จะได้ผลประโยชน์เต็มที่”

พูดจบผู้จัดการห่าวก็ไม่สนใจอันหยานอีก เขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง แล้วหมุนตัวเดินกลับไปทางห้องวีไอพี

อันหยานที่ถูกเมินเฉยยกยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา

——

ผู้จัดการห่าวเหลือบตามองอันหยานที่เดินตามมาแล้วหัวเราะเยาะ จากนั้นจึงเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้าง เปิดประตูห้องวีไอพีเข้าไป

“ขอโทษนะครับที่ทำให้ทุกคนรอนาน เสี่ยวอันคนนี้ดื่มนิดดื่มหน่อยก็เมาหัวหมุนไปซะแล้ว”

ผู้จัดการเฉินเห็นอันหยานเดินเข้ามาอย่างว่าง่ายก็ดูพอใจมาก “ไม่เป็นไรๆ เด็กสมัยนี้ดื่มเหล้ายังไม่เก่งเท่าไหร่ ดื่มบ่อยๆ เดี๋ยวก็ชินเองแหละ”

ผู้จัดการห่าวยื่นแก้วเหล้าให้กับอันหยาน แล้วส่งสายตาเป็นนัย “เสี่ยวอัน ยังไม่รีบยกแก้วให้ผู้จัดการเฉินอีก ผู้จัดการเฉินของเราใจดีมาก เขาไม่ถือสาเรื่องเล็กน้อย ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่ง่ายแบบนี้หรอก”

อันหยานรับแก้วเหล้าอย่างสงบนิ่ง เดินตรงไปหาผู้จัดการเฉิน “ผู้จัดการเฉิน ดิฉันขอชนแก้วให้คุณค่ะ”

“ดีๆ เราดื่มกันสักแก้ว”

ผู้จัดการเฉินจ้องมองใบหน้าสวยๆ ของอันหยาน ดวงตาเต็มไปด้วยความลุ่มหลง เขากำลังจะยื่นมือไปจับมือเล็กๆ ของเธอ แต่ทันใดนั้น ไวน์แดงทั้งแก้วกลับราดลงมาบนหัวเขา

“อ๊าก!”

“ผู้จัดการเฉิน!”

สถานการณ์พลิกผันจนทุกคนในห้องตกใจวุ่นวาย

ไวน์แดงไหลเปรอะเปื้อนเต็มหัวของผู้จัดการเฉิน แม้แต่เสื้อเชิ้ตก็เปียกเป็นรอยแดงดูน่าหวาดหวั่น

อันหยานอาศัยจังหวะที่ทุกคนกำลังตกใจ รีบหาจังหวะคว้ากระเป๋าส่วนตัวของเธอออกมา

ถ้าพวกเขาไม่ขโมยกระเป๋าของเธอตอนเผลอ เธอคงไม่ต้องอยู่ทนพวกน่าขยะแขยงนี่แม้แต่วินาทีเดียวหรอก

“อันหยาน แก!”

จางเจียซินที่ดูแลกระเป๋าของอันหยานรีบเข้าไปขวางด้วยความตกใจกลัวว่าตัวเองจะโดนตำหนิจากผู้จัดการห่าว

“หลีกไป!”

อันหยานมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชา เต็มไปด้วยความรังเกียจ ถ้าไม่ติดว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม เธอจะต้องเอาคืนเพื่อนร่วมงาน "แสนดี" คนนี้ให้สาสมแน่นอน

เธอผลักจางเจียซินออกอย่างแรง แล้วเปิดประตูห้องวิ่งออกไปทันที ก่อนที่คนอื่นจะทันตั้งตัว

“รีบจับตัวเธอไว้! บ้าชิบ! อีผู้หญิงไร้ยางอาย!”

อันหยานวิ่งออกจากสถานที่หรูหรานี้ด้วยความรีบร้อน ระหว่างทางเธอหันเลี้ยวตรงมุมอย่างรวดเร็ว แต่กลับชนเข้ากับใครบางคนจนกระเป๋าผ้าหลุดจากมือร่วงลงพื้น

(จบตอน)

……………………………………………………………………………………………………….

บทที่ 3

003 หนีเอาตัวรอด

“ขอโทษค่ะ” อันหยานก้มหน้าขอโทษทันที เพราะรู้ตัวว่าเธอไม่ทันระวังจนชนเข้ากับอีกฝ่าย

“ไม่เป็นไรครับ” เสียงทุ้มต่ำและนุ่มนวลของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นในทางเดิน

แต่ตอนนี้อันหยานไม่มีเวลาจะใส่ใจว่าเสียงนั้นน่าฟังหรือเปล่า แม้แต่ใบหน้าของอีกฝ่ายเธอยังไม่ได้มองชัดๆ รีบก้มลงหยิบกระเป๋าผ้าของตัวเองขึ้นมาแล้วพุ่งตรงไปยังประตูทางออกของคลับทันที

ชายหนุ่มมองตามแผ่นหลังของเธอที่วิ่งหายออกไปทางประตู สีหน้าดูตกใจเล็กน้อย เป็นเธอเหรอ?

ทันใดนั้นเอง เสียงโวยวายก็ดังขึ้นจากด้านหลัง “รีบหน่อย อย่าให้เธอหนีไปได้!”

เขาดึงสติกลับมา เหลือบเห็นชายสามคนในชุดสูทที่กำลังวิ่งตรงมาทางเขาอย่างเร่งรีบ และในใจก็เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

“ขอโทษครับ ขอทางหน่อย”

ชายหนุ่มแกล้งทำเป็นหลบไม่ทัน จงใจยืนขวางทางเดินเอาไว้ พร้อมกับถามพวกเขาก่อน “พวกคุณจะไปทางไหนกันแน่?”

ชายสามคนที่กำลังรีบตามตัวคน ถูกการโยกหลบซ้ายขวาของเขาทำเอาสับสนจนวุ่นวาย

“คุณครับ หลบไปทางนี้ก่อน” หนึ่งในชายกลุ่มนั้นตั้งสติได้รีบพูดขึ้น

ชายหนุ่มยิ้มบางๆ ที่มุมปาก ก่อนจะเดินทอดน่องไปอีกทางหนึ่งในทางเดินราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

——

อีกด้านหนึ่ง อันหยานวิ่งออกจากคลับมาได้แล้ว เธอก็ไม่รอช้ามุ่งหน้าไปยังถนนคนเดินที่เต็มไปด้วยผู้คน ทันทีที่เธอเข้าสู่ฝูงชน เธอก็เหมือนกับหายตัวไปในทันใด

เธอไม่กล้าประมาท วิ่งซอกแซกไปในกลุ่มคนเรื่อยๆ จนกระทั่งแรงเริ่มหมด ความเร็วของฝีเท้าจึงค่อยๆ ช้าลง

อันหยานเหลียวมองไปด้านหลังอย่างระมัดระวัง พอแน่ใจว่าไม่มีใครตามมาแล้ว เธอถึงรู้สึกโล่งใจและเริ่มเดินทอดน่องไปตามถนนที่คึกคัก

เวลานี้เป็นช่วงสองทุ่มครึ่ง ซึ่งเป็นเวลาที่ถนนสายหลักมีชีวิตชีวามากที่สุด อีกทั้งอีกสองวันจะถึงวันแรงงาน ทำให้ทั่วทั้งเมืองอบอวลไปด้วยบรรยากาศของเทศกาล

อันหยานหย่อนตัวลงนั่งที่ม้านั่งข้างถนน พลางเปิดกระเป๋าผ้าเพื่อตรวจดูของข้างใน เมื่อเห็นว่าเอกสารสำคัญยังอยู่ครบ เธอก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

แต่พอคิดถึงเรื่องที่เพิ่งเจอมาหมาดๆ เธอก็อดรู้สึกหงุดหงิดไม่ได้ คนพวกนั้นมันไร้ยางอายจริงๆ!

“เฮ้อ ความพยายามของฉันหลายเดือนหายไปหมดเลย~”

อันหยานถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้ เธอเป็นนักศึกษาสาขาเภสัชศาสตร์ และตอนนี้กำลังอยู่ในเทอมสุดท้ายของมหาวิทยาลัย ซึ่งหมายความว่าเธอกำลังอยู่ในช่วงฝึกงานที่ทุกคนต้องผ่านไปให้ได้

บริษัทไท่คังยา เป็นสถานที่ฝึกงานที่ทางมหาวิทยาลัยจัดให้ ซึ่งต้องฝึกงานเป็นเวลาหกเดือน เมื่อได้ใบรับรองการจบการศึกษาแล้ว เธอจะสามารถบรรจุเป็นพนักงานประจำของบริษัทได้

แม้ผลการเรียนของเธอจะไม่ได้โดดเด่นที่สุด แต่ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี จึงได้สถานที่ฝึกงานที่ใช้ได้ อย่างน้อยไท่คังยาก็เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับหนึ่งในเมืองนี้

แต่น่าเสียดายที่ภายในมีคนชั่วแฝงอยู่ สภาพแวดล้อมการทำงานไม่ค่อยดีนัก คล้ายกับสนามรบแห่งการแก่งแย่งชิงดี โดยเฉพาะในแผนกที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์อย่างฝ่ายขายและแผนกต้อนรับ

เดิมทีเธอเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบคุณภาพ ซึ่งไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับฝ่ายขายหรือแผนกต้อนรับเลย แต่เพราะหน้าตาของเธอที่สะดุดตา ตั้งแต่เข้าบริษัทได้ไม่ถึงสัปดาห์ เธอก็ถูกชักชวนให้ย้ายไปทำงานในแผนกนั้นหลายครั้ง โดยบอกว่าแผนกนั้นเหมาะกับเธอมากกว่า

ฟังดูน่าขำ เธอเรียนจบเภสัชศาสตร์มา ยังจะมีตำแหน่งไหนเหมาะกับเธอมากกว่าการทำงานในสายที่เรียนมาอีกเหรอ?

เป้าหมายของเธอคือการเป็นเภสัชกรที่มีใบรับรองวิชาชีพ แต่การสอบใบรับรองนี้จำเป็นต้องมีประสบการณ์ทำงานหนึ่งปีเต็ม นี่เป็นเหตุผลที่เธอต้องทนทำงานที่นี่ต่อไป

งานนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยให้เธอมีหลักฐานการทำงาน แต่ยังช่วยให้เธอมีรายได้เพียงพอสำหรับชีวิตประจำวัน และสอบใบรับรองระดับประเทศได้ ไม่ใช่แค่ใช้เวลาและความพยายาม แต่ยังต้องใช้เงินในการหาข้อมูลและเอกสารอ้างอิงอีกด้วย

ในยุคนี้ การจะทำอะไรก็ล้วนต้องใช้เงิน หากไม่มีเงิน ทุกอย่างแทบจะหยุดชะงักไปหมด

(จบบท)

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด