ตอนที่แล้วบทที่ 81 ตอนดึกสงัด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 83 บรรยาย

บทที่ 82 ยานพาหนะที่หายไป


เรื่องนี้จะมีตอนฟรีทั้งหมด 1-200 ตอน และ....ถ้ายอดกดไลก์เพิ่ม 100 ก็จะแถมให้ฟรี 20 ตอนครับ (ปล.เริ่มนับจาก 8700 นะ เช่นขึ้นไป 8800 ก็บวกให้ 20 ตอน ถ้ายอดมันขึ้นยันจบเรื่อง ก็เปิดให้ฟรีหมดอะ)

*ครบหมื่น แถม 100 ตอนไปอีก เอาเป็นว่าจำกัดวันด้วยแล้วกัน เพราะงี้ถ้าเกิดครบขึ้นมาแบบ 2 ปีต่อมาลืมแหง เอาถึง 1/4/2568 นะครับ ก็คือ 1 เมษายน*

แฟนเพจกดไลก์ได้ที่ ยักษาแปร | Facebook

บทที่ 82 ยานพาหนะที่หายไป

ตู้ม!!!!!

ตู้ม!!!!!

ตู้ม!!!!!

แสงสีขาวที่ทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างมาถึงตรงเวลาเป๊ะ ไม่มีคลาดเคลื่อนแม้แต่น้อย

……

……

……

บนเตียงมุมห้อง หลินเสวียนลืมตาขึ้น

เขาหันไปทางไหล่ขวา

ก่อนแสงสีขาวจะมาถึงเพียง 0.01 วินาที หรืออาจจะพร้อมกันกับแสงสีขาวนั้น รู้สึกเหมือนมีมือวางอยู่บนไหล่เขา

แสงสีขาวเผาผลาญทุกอย่างเร็วมาก เขาไม่ทันได้เห็นอะไรเลย หัวยังไม่ทันเงย ทุกอย่างก็พังไปหมดแล้ว

จะเป็นใครกันนะ?

หลินเสวียนสูดลมหายใจเบา ๆ เหมือนได้กลิ่นอ่อน ๆ ของ【ดอกชา】

เขาทำงานในวงการเครื่องสำอางค์ ถึงจะไม่ได้อยู่ฝ่ายวิจัยและพัฒนา แต่ก็คุ้นเคยกับกลิ่นต่าง ๆ มากมาย แค่ได้กลิ่นก็รู้ทันที

“ดูเหมือนว่าในฝันนี้ ยังคงมีแสงสีขาว และมันก็ยังคงทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง มนุษย์ก็ยังคงไม่รู้เรื่องนี้เลย”

ก่อนหน้านี้เกาหยางพูดไว้ว่า

เทคโนโลยีการสังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์ของมนุษย์ก้าวหน้ามากแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคลื่นความโน้มถ่วง หรือภัยคุกคามจากนอกโลก ก็ตรวจจับได้

จะป้องกันได้หรือเปล่าเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่อย่างน้อยก็ไม่ควรจะไม่รู้ตัวเหมือนในโลกแห่งความฝัน

ตอนนี้ในฝันครั้งที่สอง เทคโนโลยีพัฒนาไปไกลถึง 600 ปี เมืองตงไห่ เมืองไซเบอร์พังค์ก็ปรากฏขึ้นมา รถยนต์บินได้ หุ่นยนต์เดินเต็มไปหมด……

ในสถานการณ์ที่เทคโนโลยีพัฒนาอย่างก้าวกระโดดขนาดนี้ มนุษย์ยังไม่มีความก้าวหน้าในด้านการสังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์เลยหรือ?

“เป็นไปไม่ได้”

หลินเสวียนส่ายหัว

จากเงาสีดำประหลาดบนดวงจันทร์ พอเดาได้ว่ามนุษย์ในโลกอนาคต—อย่างน้อยก็เมื่อหลายร้อยปีก่อน—ต้องเคยมีเทคโนโลยีสร้างสิ่งต่าง ๆ บนดวงจันทร์ในระดับมหาศาลมาแล้ว

คิดดูสิ หลายร้อยปีก่อนสร้างสิ่งมหัศจรรย์บนดวงจันทร์ได้ขนาดนี้... แล้วทำไมผ่านไปหลายร้อยปี มนุษย์กลับยังบินออกนอกระบบสุริยะไม่ได้ สร้างเมืองบนอวกาศไม่ได้... นี่มันพัฒนาทางเทคโนโลยีผิดทางหรือเปล่า?

“อืม……”

หลินเสวียนยกมือขึ้นท้าวคางครุ่นคิด:

“ลองคิดดูดี ๆ ถึงแม้ว่าหลังจากความแปรปรวนของกาลเวลาแล้ว เทคโนโลยีของโลกอนาคตจะพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว แต่มันก็ยังต่ำเกินไป”

การสร้างเมืองไซไฟ เมืองตงไห่ใหม่ ยากไหม?

หรือการสร้างเงาสีดำขนาดมหึมาบนดวงจันทร์ ยากกว่า?

แน่นอนว่าอย่างหลังยากกว่า

“แต่ก็ไม่แน่”

หลินเสวียนคิดวนไปวนมาอย่างสับสน

ถึงแม้ว่าในปี 2023 นี้ มนุษยชาติจะสูญเสียความสามารถในการลงไปเหยียบดวงจันทร์ไปแล้ว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ตั้งแต่ปี 1969 สหรัฐอเมริกาประสบความสำเร็จในการนำมนุษย์ขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์มาแล้ว

ประโยคอมตะของผู้พันอาร์มสตรองที่ว่า “นี่คือก้าวเล็ก ๆ ของฉัน แต่เป็นก้าวกระโดดครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ” ยังคงก้องกังวานอยู่ในหู

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีหลายประเทศประสบความสำเร็จในการส่งหุ่นยนต์สำรวจดวงจันทร์ไปแล้ว

ดังนั้น ในมุมมองนี้ การสร้างอาคารขนาดมหึมาด้วยวัสดุดูดกลืนแสงบนดวงจันทร์ อาจจะเป็นแค่ปัญหาเรื่องความยุ่งยากและงบประมาณ ไม่ใช่ปัญหาเรื่องความยากทางเทคนิค

“ช่างมันเถอะ ไม่คิดแล้ว”

“ลองไปดูเมืองตงไห่ใหม่เองก็ได้นี่นา หาข้อมูลจากหนังสือประวัติศาสตร์ หรือไม่ก็ไปถามนักดาราศาสตร์ดู คิดเอาเองอยู่อย่างนี้คงไม่ได้อะไรหรอก”

หลินเสวียนตัดสินใจไม่ทรมานสมองตัวเองอีกต่อไป

เขาลุกขึ้นไปห้องน้ำ

ซ่าาา……

เสียงน้ำไหลจากก๊อกน้ำในห้องน้ำ หลินเสวียนตักน้ำลูบหน้าเบา ๆ

เขานอนหลับตั้งแต่บ่ายห้าโมงกว่าจนถึงตีหนึ่ง รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ไม่มีอาการง่วงนอนเลย

กลับไปที่ห้องนอน นั่งลงที่โต๊ะเขียนหนังสือ

หลินเสวียนตัดสินใจสรุปความฝัน และวางแผนการสำรวจในลำดับต่อไป

สิ่งที่ได้จากความฝันที่ยืนยันได้ มีดังนี้:

1. หลังจากศาสตราจารย์สวี่หยุนตีพิมพ์บทความวิจัยแล้ว เทคโนโลยีในความฝันก็พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีของเมืองตงไห่ใหม่นั้นล้ำหน้ากว่าปัจจุบันอย่างน้อยหลายสิบปี

2. สโมสรอัจฉริยะยังคงมีอยู่ และยิ่งแพร่หลายมากขึ้นในยุคนั้น ถึงกับอาจจะเรียกว่ายิ่งเฟื่องฟูก็ได้

3. พ่อของพี่แมวอ้วนยังมีชีวิตอยู่ เขากำลังศึกษาวิจัยเรื่อง《ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับค่าคงที่ทางจักรวาลวิทยา》 ผลงานวิจัยชิ้นนี้อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาถูกฆาตกรรมใน “ความฝันครั้งแรก” ก็เป็นได้

4. หลังจากเวลาเปลี่ยนแปลงไปอย่างรุนแรง ไม่เพียงแต่โลกอนาคตจะเปลี่ยนไปทั้งหมด แต่ชะตาชีวิตของทุกคนก็เปลี่ยนไปด้วย มากบ้างน้อยบ้าง ทุกคนต่างเปลี่ยนแปลงไป แต่ดูเหมือนจะมีเหตุผลบางอย่างแฝงอยู่

5. ไม่ว่าจะเป็นความรู้หรือประวัติศาสตร์ ถ้าอยากเข้าใจความฝันใหม่นี้ให้ลึกซึ้ง ต้องหาทางเข้าไปในเมืองตงไห่ที่ล้อมรอบด้วยกำแพงสูงเสียก่อน เพราะที่นั่นเท่านั้นที่จะหาหนังสือและเอกสารที่เกี่ยวข้องได้

……

“เอาล่ะ ได้ข้อมูลมาคร่าว ๆ แล้ว”

หลินเสวียนลืมตาขึ้น แล้วเปิดโคมไฟตั้งโต๊ะ

โดยรวมแล้ว นี่คือการเข้าไปในความฝันใหม่เป็นครั้งที่สอง ข้อมูลที่ได้มานั้นไม่มาก แต่ก็ได้เบาะแสสำคัญแล้ว

ทีนี้

ถึงแผนการสำรวจขั้นต่อไป

หลินเสวียนจัดลำดับการสำรวจตามความสำคัญและความสนใจของตัวเอง จากสำคัญไปไม่สำคัญ คือ 【แผนการ】ดังนี้:

1. สำคัญที่สุด ต้องไปคุยกับพ่อของพี่แมวอ้วนให้ได้ เพื่อทำความเข้าใจว่า 《รู้เบื้องต้นเกี่ยวกับค่าคงที่จักรวาลวิทยา》 คืออะไร เพื่อเข้าใจว่าเขาต้องการสื่ออะไร และพยายามหาความลับและจุดประสงค์ของสโมสรอัจฉริยะให้ได้

2. ฉันต้องแอบเข้าไปในเมืองตงไห่ใหม่ เพื่อตามหาหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่แท้จริง ให้รู้ซะเลยว่า "ฝันใหม่" นี้...หรืออนาคตโลกหลังความแปรปรวนของกาลเวลา มันเกิดขึ้นได้ยังไง และวิวัฒนาการมาเป็นแบบนี้ทีละขั้นทีละตอนได้อย่างไร

3. ถ้ามีเวลาว่าง ลองไปเล่นกับพี่แมวอ้วนดูสิ ลองสังเกตดูว่าเขาแอบซ่อนอะไรไว้ แอบทำอะไรอยู่บ้าง รวมถึงเจ้านายของเขาเป็นใคร ปกติตอนกลางคืนมันไปไหนทำอะไร? ถือเป็นภารกิจเสริมที่น่าสนใจดีนะ

……

“ภารกิจหลักของฝันใหม่ ก็มีแค่สองสามอย่างนี่แหละ อันที่สามน่ะเป็นแค่ภารกิจเสริม ไม่สำคัญหรอก”

ตอนนี้พี่แมวอ้วนใช้ชีวิตอย่างมีความสุข หลินเสวียนเลยมีความสุขไปด้วย

ถึงแม้ว่าจะเป็นครั้งแรกที่พี่แมวอ้วนได้เจอหลินเสวียน แต่ในสายตาของหลินเสวียน ทั้งสองเหมือนเป็นเพื่อนเก่ากันมานานแล้ว เขาเองก็ถือว่าหัวหน้าโจรผู้ซื่อสัตย์และมีน้ำใจคนนี้เป็นเพื่อนสนิทไปแล้ว

“ก็ไม่รู้ว่าพี่แมวอ้วนมันแอบซ่อนอะไรไว้ แต่คิดว่าคงไม่ใช่เรื่องขโมยไก่ขโมยมดอะไรหรอกมั้ง”

เพราะระหว่างที่พี่แมวอ้วนพาหลินเสวียนกลับบ้าน ชาวบ้านก็ดูสนิทสนมกับเขามาก แถมลุงขายไก่ย่างยังขอให้พี่แมวอ้วนหาเวลาไปซ่อมหลอดไฟให้ด้วย

ดังนั้นหลินเสวียนจึงสงสัยว่า……ไอ้พวกนี้มันเก็บแค่ค่าส่วนกลาง ดันมาอ้างว่าเป็นค่าคุ้มครองซะงั้น

“นอนเถอะ พรุ่งนี้ยังต้องไปมหาวิทยาลัยตงไห่ หาอาจารย์ที่ปรึกษาอีก”

ปิดไฟ นอนบนเตียง

แล้วเขาก็ผล็อยนอนหลับ…

เช้าวันถัดไป หลินเสวียนถือเอกสารออกแบบสินค้าไรน์ ใหม่ล่าสุดของแมวไรน์ ไปรายงานงานให้จ้าวอิงจวิ้น

ความฝันเมื่อคืนหายไปแล้ว ร้านขายของเล่นที่หลินเสวียนไปสั่งของก็หายไปด้วย… ของในหัวใกล้จะหมดแล้วสิ

“เยี่ยมเลย ระดับฝีมือการออกแบบของคุณก็ยังคงสูงเหมือนเดิม”

จ้าวอิงจวิ้นเหลือบมองเพียงสองสามที ก็ยิ้ม พยักหน้า ดวงตาเป็นประกายด้วยความพอใจ

“เพราะแมวตัวน่ารักตัวนี้… แบรนด์ไรน์ของเราก็เลยโด่งดังไปถึงกลุ่มวัยรุ่นสาวอายุสิบกว่าขวบด้วย ถือเป็นผลพลอยได้ที่คาดไม่ถึงเลยทีเดียว”

“ถึงตอนนี้พวกเธอจะยังไม่มีกำลังซื้อมากนัก แต่ในอนาคตก็จะมี เราถือว่าได้ลูกค้าประจำไว้ล่วงหน้าแล้ว ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณเจ้าแมวน่ารักตัวนี้”

“ส่วนแบ่งผลกำไรจากลิขสิทธิ์แมวไรน์จะทำการจ่ายบัญชีเป็นรายไตรมาส และจะตรงกับการจ่ายบัญชีจากทางโรงงาน ส่วนแบ่งผลกำไรชุดแรก คุณต้องรออีกสักระยะ”

“ไม่เป็นไรครับ” หลินเสวียนตอบเรียบ ๆ

บางทีอาจยังปรับตัวกับฐานะเศรษฐีหน้าใหม่ไม่ค่อยได้ หลินเสวียนรู้สึกว่าเงินในมือเยอะจนใช้ไม่หมดแล้ว ใช้ไม่ทันได้เงินเลย

และความฝัน, สโมสรอัจฉริยะ, การตายของสวี่หยุน, ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับค่าคงที่ทางจักรวาลวิทยา, ซีซี และฉู่อันฉิง……

ปริศนามากมายวนเวียนอยู่ในหัว เขาอยากไขปริศนาเหล่านั้นมากกว่าสิ่งใด ๆ

แม้กระทั่งสัญญาที่ให้ไว้กับเกาหยางว่าจะไปรับรถ จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้ทำตามเลย

“จริง ๆ แล้วแมวตัวนี้ดังพอสมควรในกลุ่มนักศึกษาเลยนะครับ” หลินเสวียนอธิบายเหตุผลที่ต้องไปมหาวิทยาลัยตงไห่ในช่วงบ่าย

“พี่ ๆ ในภาควิชาขอให้ผมไปบรรยายให้รุ่นน้องฟัง แบ่งปันประสบการณ์การออกแบบน่ะครับ”

“นั่นเป็นเรื่องดีนี่” จ้าวอิงจวิ้นตอบ

“ถือโอกาสโปรโมทบริษัทเราไปด้วยเลย ถ้ามีใครสนใจมาทำงานกับเรา เราก็จะพิจารณาเรซูเม่ของพวกเขาก่อนเลย”

“เพราะคุณน่ะ…ตอนนี้ฉันค่อนข้างคาดหวังและประทับใจกับนักศึกษาหัวกะทิจากมหาวิทยาลัยตงไห่มาก เราต้องการคนเก่ง ๆ อย่างคุณเพิ่มอีกเยอะเลย”

พูดจบเธอก็ลุกขึ้น หยิบโค้ท

“งั้นบ่ายนี้ก็ไปมหาวิทยาลัยเลยนะ จัดการงานที่บริษัทให้เรียบร้อยก็พอ บังเอิญฉันก็ไม่อยู่บริษัทช่วงบ่าย ต้องไปงานเลี้ยง”

“งานเลี้ยงเหรอครับ?”

หลินเสวียนเงยหน้าขึ้น นึกภาพเงาสีดำที่บดบังดวงจันทร์กลมโตในความฝัน……

“อืม เป็นงานสังสรรค์เล็ก ๆ ของกลุ่มนักดนตรีน่ะ” จ้าวอิงจวิ้นสวมรองเท้าส้นสูง เดินไปยังห้องแต่งตัวเพื่อเลือกผ้าพันคอ

“ฉันอยากคุยกับนักแต่งเพลงคนหนึ่ง อยากให้เขาแต่งเพลงประกอบ MV ให้แมวไรน์”

“อิทธิพลของเจ้าแมวนี่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้เกินคาดไปไกลแล้ว สินค้าแมวไรน์ขายหมดเกลี้ยงทุกชิ้น ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศโทรมาเร่งส่งของกันตลอด โรงงานหลายแห่งทำงานล่วงเวลาแทบไม่ทัน”

“หลัก ๆ ก็เพราะฉันไม่อยากทำลาย IP ดี ๆ อย่างแมวไรน์นี่แหละค่ะ เลยเลือกโรงงานทำตุ๊กตาที่มีคุณภาพสูง มีไม่กี่แห่งที่ตรงตามที่ฉันต้องการ”

จ้าวอิงจวิ้นหยิบผ้าพันคอสีฟ้าขึ้นมา แล้วกลับไปที่โต๊ะทำงาน มองหลินเสวียน

“คุณไม่ได้จะไปมหาวิทยาลัยตงไห่เพื่อไปบรรยายเหรอคะ? งั้นก็แจ้งฝ่ายธุรการเลยค่ะ ให้เอาตุ๊กตาแมวไรน์มาจากโกดังสักคันรถ แจกให้นักศึกษาที่ไปฟังบรรยายด้วยเลย ถือว่าไม่ไปมือเปล่า”

เธอยิ้มเล็กน้อย

“นี่ถือเป็นการกลับไปเยี่ยมมหาวิทยาลัยของรุ่นพี่ เอาของเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปฝากรุ่นน้องด้วย ก็ดูสมเหตุสมผลดีนี่นา”

“ไม่ ๆ ไม่ต้องหรอกครับ จริง ๆ” หลินเสวียนโบกมือปฏิเสธ

“นี่เป็นแค่การบรรยายเล็ก ๆ ที่อาจารย์ที่ปรึกษาจัดเอง…มากสุดก็แค่ไม่กี่สิบคน เอาตุ๊กตาไปเยอะแยะทำไมกัน”

“งั้นก็เอาไปเถอะ คุณก็ไม่มีรถนี่นา เดี๋ยวให้ฝ่ายโลจิสติกส์จัดการให้พร้อมเลย” จ้าวอิงจวิ้นเก็บของบนโต๊ะทำงานอย่างเรียบร้อย แล้วหยิบกระเป๋าถือขึ้นมา

“ถึงแม้ว่าการไปครั้งนี้คุณจะไม่ได้ไปในนามบริษัท แต่หน้าตาของบริษัทเราก็ต้องคำนึงถึง เราจะจัดรถตู้รับส่งคุณให้หนึ่งคัน และรถกระบะเล็กขนตุ๊กตาแมวไรน์ไปให้หนึ่งคัน ถือเป็นการโฆษณาไปในตัว ฟรีเลยก็ได้”

ปฏิเสธยากเหลือเกิน ยิ่งจ้าวอิงจวิ้นรีบร้อนไปอีก หลินเสวียนจึงจำใจรับความหวังดีครั้งนี้

ปัง

ประตูห้องทำงานแบบสองชั้นที่มีรหัสปิดลง หลินเสวียนกลับไปที่ห้องทำงานตัวเอง หยิบสมุดโน๊ตสีดำที่เขียนหัวข้อการพูดไว้แล้ว เดินลงมา

……

ขณะนั่งอยู่บนรถตู้ มองวิวข้างทาง ระยะนี้เขาใช้เส้นทางนี้มาหลายรอบแล้ว ทุกครั้งที่มามหาวิทยาลัย ก็ต้องเดินทางไปกลับเส้นนี้เสมอ

น่าเสียดาย… ต่อไปนี้คงไม่มีโอกาสได้เจออาจารย์สวี่หยุนอีกแล้ว

ทุกครั้งที่นึกถึงอาจารย์คนนี้ หลินเสวียนก็รู้สึกคิดถึงเหลือเกิน เขาเป็นคนดีจริง ๆ ถึงแม้จะมีคนเข้าใจผิดเขาเยอะ แต่ก็ไม่ทำให้ความเป็นนักวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์ของเขาลดน้อยลงเลย

จนถึงทุกวันนี้ คนร้ายที่ทำให้สวี่หยุนเสียชีวิตก็ยังไม่ถูกจับ ในโลกออนไลน์เต็มไปด้วยคำด่า ตำรวจเมืองตงไห่ก็กดดันมาก แต่หาไม่เจอก็คือหาไม่เจอ ทำอะไรไม่ได้ รถสองคันนั้นก็หายไปราวกับลอยหายไปในอากาศ ไม่รู้ว่าทำกันได้ยังไง นี่มันเมืองตงไห่ที่มีกล้องวงจรปิดอยู่ทุกหนทุกแห่งนะ…

หลินเสวียนคางเกยอยู่บนฝ่ามือ ครุ่นคิดอยู่นาน:

“รถสองคันนั้น……หายไปได้ยังไงกันนะ?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด