บทที่ 80 การปกปิด
เรื่องนี้จะมีตอนฟรีทั้งหมด 1-200 ตอน และ....ถ้ายอดกดไลก์เพิ่ม 100 ก็จะแถมให้ฟรี 20 ตอนครับ (ปล.เริ่มนับจาก 8700 นะ เช่นขึ้นไป 8800 ก็บวกให้ 20 ตอน ถ้ายอดมันขึ้นยันจบเรื่อง ก็เปิดให้ฟรีหมดอะ)
*ครบหมื่น แถม 100 ตอนไปอีก เอาเป็นว่าจำกัดวันด้วยแล้วกัน เพราะงี้ถ้าเกิดครบขึ้นมาแบบ 2 ปีต่อมาลืมแหง เอาถึง 1/4/2568 นะครับ ก็คือ 1 เมษายน*
แฟนเพจกดไลก์ได้ที่ ยักษาแปร | Facebook
บทที่ 80 การปกปิด
เมื่อเห็นสัญลักษณ์สโมสรอัจฉริยะบดบังดวงจันทร์มืดมิด...มือใหญ่สีดำนั้นดูเหมือนไม่ได้ชี้ขึ้นฟ้า แต่กลับชี้ลงมายังตัวเองราวกับเยาะเย้ย
เมื่อครู่ หลินเสวียนยังคิดว่าในโลกอนาคตนี้ สโมสรอัจฉริยะคงล่มสลายไปแล้ว หรืออาจถูกเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างรวดเร็วทำลายไปเสียด้วยซ้ำ
แต่ผลลัพธ์กลับกลายเป็น...
พวกเขายังไม่เพียงแต่ไม่ล่มสลาย ไม่ได้ถูกยุบไป แต่กลับยิ่งบ้าคลั่งเข้าไปอีก ถึงกับเอาโลโก้ไปติดไว้บนดวงจันทร์เลยทีเดียว
“นั่นมันอะไรกัน?” หลินเสวียนชี้ไปที่ดวงจันทร์ถาม
“ดวงจันทร์ไงล่ะ!”
“ผมหมายถึงเงาดำบนดวงจันทร์นั่น นั่นมันการฉายภาพหรือเปล่า? หรือว่าบนดวงจันทร์จะมีอาคารขนาดใหญ่ขนาดนั้นจริง ๆ ถึงขั้นขวางกั้นตั้งแต่ขั้วโลกเหนือไปจนถึงขั้วโลกใต้เลย?”
“อันนั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน”
พี่แมวอ้วนส่ายหัว
“ดวงจันทร์เป็นแบบนี้มาตั้งแต่หลายร้อยปีก่อนแล้ว ฉันดูดวงจันทร์แบบนี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ ก็ไม่เห็นว่ามันจะแปลกอะไร”
“จริง ๆ แล้ววันนี้นายโชคดีนะ เป็นคืนวันเพ็ญพอดี เลยมองเห็นลวดลายชัดเจน ถ้าเป็นปกติที่ดวงจันทร์ไม่เต็มดวง...ก็จะไม่เห็นชัดขนาดนี้ บางทีมุมมองก็จะดูเหมือนกำลังชูนิ้วกลางด้วยซ้ำ”
“ปัญหาไม่ได้อยู่ตรงนั้นนี่พี่แมวอ้วน”
หลินเสวียนแหงนหน้าขึ้นไปมองดวงจันทร์ที่ดูน่าขนลุกและน่ากลัวอีกครั้ง
“ปัญหาคือ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแบบนี้มาตั้งแต่พี่เกิด ตั้งแต่หลายร้อยปีก่อนก็ตาม แต่นี่มันชัดเจนว่าเป็นฝีมือมนุษย์ ถ้าย้อนกลับไปหลายพันหรือหลายหมื่นปีก่อน ดวงจันทร์ไม่มีทางเป็นแบบนี้แน่นอน”
“งั้นก็อย่าพูดเรื่องไร้สาระสิ! ฉันจะไม่รู้ได้ยังไงล่ะ!”
พี่แมวอ้วนลูบแขนตัวเอง หยิบบุหรี่ที่แนบไว้ข้างหูมาอม แล้วจุดไฟด้วยไม้ขีด: “ลวดลายสีดำบนดวงจันทร์นั่นต้องเป็นฝีมือมนุษย์แน่ ๆ แต่ว่าเป็นฝีมือของใคร ประเทศไหน นั่นแหละไม่มีใครบอกได้ชัดเจน”
“เอาเป็นว่ามีข่าวลือหลายเวอร์ชันมาก บางคนก็ว่าเป็นประเทศไหนสักประเทศที่อยากจะโอ้อวดอำนาจ เลยสร้างสิ่งก่อสร้างสีดำขนาดใหญ่บนดวงจันทร์ ทำให้ดูเหมือนมือขวาที่ชี้ขึ้นฟ้า”
“แต่ก็มีข่าวลือว่าเป็นฝีมือของศิลปินมหาเศรษฐีคนหนึ่ง เขาใช้สารดูดแสง หรืออะไรก็ไม่รู้ที่ไม่สะท้อนแสง มาปูบนพื้นผิวดวงจันทร์เป็นลวดลายแบบนั้น……เพื่อให้คนบนโลกเห็น”
“ก็มีอีกข่าวที่บอกว่าเป็นฝีมือของมนุษย์ต่างดาว……แต่ฮ่า ๆ ๆ เด็ก ๆ ถึงจะเชื่อเรื่องแบบนี้! มนุษย์ต่างดาวก็มีมือขวาแบบนี้ด้วยเหรอ? มนุษย์ต่างดาวก็มีนิ้วห้าเช่นกันเหรอ? ฉันไม่เชื่อหรอก”
……
หลินเสวียนฟังพี่แมวอ้วนพูดพร่ำเพรื่อ ข้างหูซ้ายเข้าข้างหูขวาออก เพราะเขาเข้าใจดี และความจริงก็ชัดเจนอยู่แล้ว เงาสีดำประหลาดบนดวงจันทร์นั่น มีโอกาสสูงมากที่จะเป็นฝีมือของสโมสรอัจฉริยะ ประหลาด และเย่อหยิ่ง ตรงกับภาพลักษณ์ที่หลินเสวียนมีต่อองค์กรลึกลับนี้ แต่โครงการลงจอดบนดวงจันทร์ โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่นี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีบันทึกทางประวัติศาสตร์:
“พี่แมวอ้วน ในหนังสือประวัติศาสตร์ไม่มีบันทึกเรื่องนี้เลยเหรอครับ?”
“หนังสือประวัติศาสตร์?” พี่แมวอ้วนหัวเราะเยาะอย่างไม่ใส่ใจ: “【พวกเราแบบเนี่ยนะ แม้แต่สิทธิ์ที่จะรู้ประวัติศาสตร์ก็ยังไม่มีเลย……】”
เขาชี้ไปยังเมืองตงไห่ที่อยู่ไกลออกไปหลายกิโลเมตร แสงไฟระยิบระยับสุกสกาว
“ประวัติศาสตร์และความรู้ ทั้งหมดอยู่ในกำมือพวกนั้น ถ้าอยากอ่านตำราประวัติศาสตร์จริง ๆ ต้องเข้าไปในเมืองตงไห่ให้ได้ ที่นั่นมีทั้งร้านหนังสือและเทคโนโลยีไฮเทคมากมาย”
“เพราะฉะนั้นล่ะน้องชาย……”
พี่แมวอ้วนพ่นควันบุหรี่เป็นวง มองหลินเสวียนด้วยแววตาซับซ้อน:
“ไม่ใช่ว่าพี่ไม่สนับสนุนให้ลูกสาวเรียนต่อนะ ถ้าเธอได้ไปเรียนที่เมืองตงไห่ พี่ถึงกับยอมขายข้าวของทุกอย่าง แม้แต่ตัวพี่เองก็ยอม!”
“แต่การเรียนที่หมู่บ้านเรา……มันจะมีความหมายอะไรล่ะ? ที่นี่ไม่มีความรู้ที่แท้จริง ไม่มีประวัติศาสตร์ที่แท้จริง…แม้จะได้เรียน สิ่งที่ได้มาก็ไร้ค่า”
เอาล่ะ
สมจริงเลย เรื่องครอบครัว คนนอกอย่างเราไม่เข้าใจ อย่าไปตัดสินดีกว่า
หลินเสวียนตบไหล่พี่แมวอ้วนเบา ๆ :
“พี่แมวครับ ผมขอโทษ”
เขายิ้ม:
“ถ้าสักวันผมได้ไปเมืองตงไห่ ผมจะทุบกำแพงเหล็กนั่นให้เป็นรูโหว่ ถึงตอนนั้น…พี่ก็พาชาวบ้านบุกเข้าไป ยึดของดี ๆ จากข้างในมาให้หมด!”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ได้ ๆ พูดแต่เรื่องเพ้อเจ้อ! ไป กลับบ้านไปดื่มเหล้ากันเถอะ!”
พี่แมวอ้วนตบหลังหลินเสวียนเบา ๆ :
“รู้แล้วว่าชอบคุยโว! ไป กลับบ้านไปดื่มเหล้ากัน!”
……
ทั้งสองเดินลงบันได หลินเสวียนหันกลับไปมองเมืองตงไห่เป็นครั้งสุดท้าย เมืองที่ดูล้ำยุคราวกับเมืองไซเบอร์พังก์ เงยหน้ามองดวงจันทร์ประดับสัญลักษณ์สโมสรอัจฉริยะ ก่อนจะก้มหน้าเข้าบ้าน
ในห้องนั่งเล่น ภรรยาของพี่ใหญ่และลูก ๆ ทั้งลูกสาวและลูกชายตัวน้อย ทานข้าวเสร็จแล้ว ต่างก็ลุกออกจากโต๊ะไปหมดแล้ว
หลินเสวียนและพี่แมวอ้วนดื่มต่ออีกสักหน่อย เขาถามพี่แมวอ้วนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์หลายเรื่อง แต่ก็ไม่ได้คำตอบอะไรที่เป็นประโยชน์เลย
ไม่ว่าจะถามอะไร พี่แมวอ้วนก็ตอบแค่ประโยคเดียว ว่า “โลกนี้มันก็เป็นแบบนี้มาตลอด”
เขาไม่รู้เรื่องประวัติศาสตร์อะไรเลย ราวกับว่าโลกนี้ไม่มีประวัติศาสตร์มาก่อน เรื่องราวในช่วงหลายสิบหรือหลายร้อยปีที่ผ่านมา เขายังพอรู้บ้าง แต่ก่อนหน้านั้น เขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย
แม้แต่ในร้านหนังสือ ก็ไม่มีหนังสือประวัติศาสตร์หรือข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องราวเมื่อร้อยปีก่อนเลย นี่ทำให้หลินเสวียนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
ตามหลักแล้ว ไม่ว่าที่ไหน โลกไหน ก็ต้องมีนักประวัติศาสตร์สิ ต้องมีบันทึกอะไรบ้างสิ!
แต่พอคิดดูดี ๆ โลกในความฝันครั้งแรก ก็ไม่สามารถค้นหาข้อมูลประวัติศาสตร์ในอดีตได้เช่นกัน นี่เป็นสาเหตุเดียวกันหรือเปล่านะ?
……
ไม่นานนัก พี่แมวอ้วนเงยมือขึ้นดูนาฬิกา ยิ้มบาง ๆ แล้วโอบไหล่หลินเสวียน
“คืนนี้เข้านอนแต่เนิ่น ๆ นะน้อง ห้องข้างบนมีเยอะแยะ พี่ให้ภรรยาพี่จัดห้องให้แล้ว อย่าเกรงใจเลย”
“ใครจะนอนเร็วขนาดนั้นล่ะครับ?” หลินเสวียนส่ายหน้า “ผมก็ไม่ใช่เด็ก ๆ นี่เพิ่งจะเกือบสามทุ่มเอง”
“พี่แมวอ้วน พี่ต้องมีอะไรปิดบังผมแน่ ๆ ใช่ไหม? วันนี้อาจวงทุกคนบอกว่าพวกพี่มีกิจกรรมกันตอนเย็น ผมก็เป็นน้องชายพี่แล้วนี่นา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้ายก็ไม่ควรลืมผมไปสิครับ?”
หลินเสวียนจับมือพี่แมวอ้วนไว้:
“ผมเป็นคนของพี่แล้ว จะเกิดก็เกิดด้วยกัน จะตายก็ตายด้วยกัน! บอกผมมาเถอะพี่แมวอ้วน... พี่แอบทำธุรกิจใหญ่โตอะไรอยู่?”
พี่แมวอ้วนยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มหมดแก้วแล้วจิบปาก:
“น้องชาย เออ...ฉันยอมรับ ฉันมีเรื่องปิดบังนายอยู่จริง”
พี่แมวอ้วนเป็นคนซื่อสัตย์และมีน้ำใจ นี่แหละคือเหตุผลที่หลินเสวียนไม่รังเกียจเขา
“ฉันมีเรื่องปิดบังนายอยู่จริง”
พี่แมวอ้วนพูดซ้ำอีกครั้ง แล้วเทเหล้าที่เหลือในขวดใส่ลงในแก้วของหลินเสวียน ส่วนตัวเองก็เทที่เหลือลงในแก้วของตนเอง:
“แต่ฉันไม่ได้คิดจะปิดบังนายไปตลอด”
เขาเงยหน้ามองหลินเสวียน:
“ฉันเห็นนายตั้งแต่แรกแล้วว่านายไม่ใช่คนเลว ฉันเชื่อในสายตาของตัวเอง”
“งั้นวันนี้ก็จะ——”
“แต่อันนี้ไม่ได้นะ” พี่แมวอ้วนตาแน่วแน่ ยกแก้วเหล้าขึ้นชนกับหลินเสวียน:
“ฉันอยากพานายไปด้วย แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ฉันจะตัดสินใจเองได้ ไม่ใช่เรื่องที่ฉันจะกำหนดเองได้”
“ดังนั้น... วันนี้ก็ฟังฉันนะ นอนพักผ่อนให้เต็มที่ พรุ่งนี้ฉันจะพานายไปพบเจ้านาย แล้วแนะนำนายให้เขา”
“นายวางใจได้เลย พี่แมวอ้วนคนนี้มีอิทธิพลมากนะ มีฉันค้ำประกันแล้ว เจ้านายต้องรับนายเข้าทำงานแน่ ๆ”
“แต่ก่อนหน้านั้น นายอย่าถามอะไรมากนักเลย แต่ละที่ก็มีกฎระเบียบของมัน ฉันดูออกว่านายเป็นคนเก่ง แต่คนเก่งก็ไม่ใช่ว่าจะแหกกฎได้ทุกอย่าง”
……
หลินเสวียนจึงไม่ขัดขืนอีก เมื่อพี่แมวอ้วนพูดขนาดนี้แล้ว
เขาไม่เคยคิดเลยว่า ในความฝันครั้งก่อน เขาใช้คำว่า “พรุ่งนี้” หลอกพี่แมวอ้วนไว้……โลกหมุนเวียนเปลี่ยนไปจริง ๆ วันนี้พี่แมวอ้วนก็ใช้ “พรุ่งนี้” ตอบโต้เขากลับบ้าง
แต่หลินเสวียนก็ไม่รีบร้อน
ตราบใดที่ไม่ทำให้เกิดความปั่นป่วนใหญ่ในช่วงเวลา ความฝันนี้จะอยู่ไปนานแค่ไหนก็ได้ เรื่องพวกนี้ค่อย ๆ สำรวจทีหลังก็ได้ ตอนนี้แค่เก็บข้อมูลก็พอแล้ว
หลินเสวียนยกแก้วขึ้นมา:
“ข้างบนพี่ยังมีพี่ใหญ่คนอื่นอีกเหรอ?”
“ไม่ใช่พี่ใหญ่ เป็นเจ้านาย พวกเราทำงานให้เขา”
แก้วกระทบกันดังตุ๊บ
ทั้งสองคนยกแก้วดื่มหมดแก้ว
พี่แมวอ้วนพาหลินเสวียนทำความคุ้นเคยกับบ้าน รวมถึงห้องน้ำด้วย หลังจากดูหลินเสวียนอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็พาเขาไปส่งที่ห้องนอนที่เตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว
“คืนนี้เข้านอนดี ๆ นะ อย่าออกไปวิ่งเล่นข้างนอกเด็ดขาด ข้างนอกไม่ปลอดภัย”
พี่แมวอ้วนเตือน
“ครับ พี่แมวอ้วน” หลินเสวียนตอบ
“วางใจได้เลยครับ”
(ส่วนในใจเขาก็คิดว่า) ฉันจะต้องออกไปแน่ ๆ !
พี่แกช่วยบอกใบ้มาขนาดนี้แล้ว……ถ้ายังไม่ออกไปดูสักหน่อย ก็เสียดายความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองเกินไปแล้วล่ะนะ
ยิ่งกว่านั้น ตัวเองก็แค่คนกำลังฝันอยู่ด้วยซ้ำ จะนอนต่อได้ยังไง
เขาลองมาแล้ว ในฝันน่ะ นอนไม่หลับหรอก
“ราตรีสวัสดิ์ พี่แมวอ้วน”
“ราตรีสวัสดิ์ น้องชาย”
……
นอนอยู่บนเตียงหิน หลินเสวียนลืมตาโพลง ฟังเสียงต่าง ๆ ภายในห้อง
พี่สะใภ้เหมือนกำลังหั่นแครอทในครัว เตรียมดองผักไว้กินเช้าพรุ่งนี้
ลูกสาวคนโตกับลูกชายคนเล็กเล่นกันจนหลับไปแล้ว
ไม่มีเสียงอะไรจากพี่ชายแมวอ้วนเลย เขาคงออกไปข้างนอกแล้วแน่ ๆ
ในที่สุด……
จนกระทั่งห้องเงียบสนิท พี่สะใภ้ก็หลับไปแล้ว……
หลินเสวียนลุกขึ้นนั่ง
แล้วผลักประตูออกไป——