ตอนที่แล้วบทที่ 61 การข่มขู่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 63 พลังคลื่นเสียง

บทที่ 62 "กลับบ้าน"


บทที่ 62 "กลับบ้าน"

หลินเซินเดินตามเย่หวี่เจินเข้าไปในปราสาท เนื่องจากพื้นที่ของปราสาทไม่ได้กว้างขวางมากนัก โครงสร้างภายในจึงค่อนข้างกะทัดรัด

ไม่มีสวนขนาดใหญ่ แต่เต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างและระบบป้องกันต่างๆ แสดงให้เห็นว่าเจ้าของปราสาทเป็นคนที่รอบคอบและระมัดระวัง

แม้ว่าโครงสร้างจะกะทัดรัด แต่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ กลับมีการออกแบบที่น่าประทับใจ มุมกำแพงตกแต่งด้วยดอกไม้สีสันสดใส ทำให้ปราสาทเหล็กกล้าแห่งนี้ดูอบอุ่นและสวยงาม

“มันบ่งบอกว่าเจ้าของบ้านเป็นผู้ชายที่เคร่งขรึม และผู้หญิงที่อ่อนโยน เหมือพยัคฆ์กับบุปผา ช่างเป็นคู่ที่สมบูรณ์แบบ” กำแพงเหล็กกล้าและดอกไม้เล็กๆ ทำให้หลินเซินรู้สึกประทับใจเจ้าของปราสาท ก่อนที่จะได้พบพวกเขา เขาชอบสถานที่ที่ปลอดภัยและสะดวกสบายแบบนี้

อย่างไรก็ตาม แทบไม่เห็นคนรับใช้หรือสาวใช้ในปราสาทเลย มีแต่ผู้วิวัฒนาการเดินไปมา ทุกคนสวมเครื่องแบบที่ดูดี

หลินเซินเห็นเครื่องหมายดอกไม้พิเศษที่หน้าอกด้านซ้ายของชุดเครื่องแบบสีน้ำเงินเข้มที่พวกเขาใส่ แต่น่าเสียดายที่หลินเซินจำไม่ได้ว่าเป็นดอกไม้อะไร

เย่หวี่เจินพาหลินเซินไปยังอาคารที่อยู่ใจกลางปราสาท เย่หวี่เจินมองหลินเซิน สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วผลักประตูเข้าไป

ด้านในเป็นห้องนั่งเล่นที่ตกแต่งแบบโบราณ มีผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูเหมือนอายุประมาณสามสิบปี นั่งอยู่บนโซฟา อุ้มแมวสีดำสนิท ไม่มีขนสีอื่นปน ใช้นิ้วเรียวลูบหูแมวเบาๆ

“หลินเซิน ฉันจะแนะนำ…” เย่หวี่เจินพาหลินเซินมาที่หน้าผู้หญิงคนนั้น กำลังจะแนะนำ ก็ถูกหลินเซินขัดจังหวะ

“ไม่ต้องแนะนำหรอก พวกเธอหน้าเหมือนกัน สวยทั้งคู่ ดูก็รู้ว่าคุณเป็นพี่สาวของหวี่เจิน ผมชื่อหลินเซินนะครับ เป็นแฟนของหวี่เจิน…” หลินเซินพูดขึ้นก่อน

ผู้หญิงคนนั้นยิ้ม ไม่ได้พูดอะไร เย่หวี่เจินด่า “พี่สาวบ้านนายสิ นี่แม่ฉัน”

“ขอโทษครับ ขอโทษครับ ผมดูไม่ออกจริงๆ ไม่คิดว่าคุณที่ทั้งสาวและสวยขนาดนี้จะเป็นแม่ของหวี่เจิน” หลินเซินรีบขอโทษ

“หวี่เจิน แฟนเธอตลกดี คืนนี้อยู่กินข้าวที่บ้านด้วยกันนะ” ผู้หญิงคนนั้นยิ้มแล้วพูด

เย่หวี่เจินกำลังจะบอกว่าหลินเซินไม่มีเวลา ก็ถูกหลินเซินพูดแทรก “ขอบคุณครับคุณป้า”

“พวกเธอไปเล่นกันเถอะ ฉันมีธุระต้องออกไปข้างนอก ถ้าก่อนหกโมงเย็นฉันยังไม่กลับ พวกเธอก็กินข้าวกันก่อนได้เลย ไม่ต้องรอฉัน อ้อเสี่ยวเซิน ถ้าไม่มีธุระอะไร ก็อยู่ที่นี่สักสองสามวัน มีเวลาเราค่อยคุยกัน” ผู้หญิงคนนั้นลุกขึ้นพูด

“เขามีธุระ เดี๋ยวก็ไปแล้ว” เย่หวี่เจินพูดขึ้นก่อน ไม่ให้หลินเซินมีโอกาส

“คุณป้าเป็นแม่ของหวี่เจิน ในเมื่อคุณป้าให้ผมอยู่ ต่อให้มีเรื่องใหญ่แค่ไหน ก็ต้องพักไว้ก่อน ผมไม่มีธุระสำคัญอะไร ถ้าคุณป้าไม่รังเกียจผมก็พอ” หลินเซินดีใจมาก ไม่คิดว่าจะง่ายขนาดนี้ คุณนายเย่นี่ช่างเป็นผู้มีพระคุณจริงๆ

“ฉันจะให้พ่อบ้านเตรียมห้องให้พวกเธอสองห้อง พวกเธอพักที่นี่ก่อน” ผู้หญิงคนนั้นพูดพลางเดินออกไป พอถึงหน้าประตู เธอก็หยิบหมวกปีกกว้างที่มีผ้าคลุมหน้ามาใส่ ปิดบังใบหน้าที่สวยงามของเธอ

ตอนที่กำลังจะเปิดประตูออกไป ผู้หญิงคนนั้นก็หยุด หันมาพูดกับหลินเซินว่า “เรียกฉันว่าพี่อี๋ก็ได้”

พูดจบ เธอก็หันหลังเดินออกไป

หลินเซินและเย่หวี่เจินต่างก็งง ไม่เข้าใจว่าคำพูดนี้หมายความว่ายังไง

เย่หวี่เจินจ้องมองเขา “ใครใช้ให้นายตกลงอยู่ที่นี่? นายต้องการอะไรกันแน่?”

“พี่อี๋ให้ฉันอยู่นะ เธอไปถามเธอดูสิ” หลินเซินนั่งลงบนโซฟา พูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยๆ “เธอช่วยไปเตรียมห้องให้ฉันหน่อย ฉันเหนื่อยแล้ว อยากนอนพัก”

ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งผ่านการต่อสู้ ใช้พลังงานไปมากกับวิวัฒนาการก้าวข้ามขีดจำกัด บวกกับการหนีเอาตัวรอดและเดินซื้อของในตลาด เขาเหนื่อยมากจริงๆ

ถ้าไม่ใช่เพราะเกรงใจครอบครัวของเย่หวี่เจิน เขาก็คงนอนบนโซฟาไปแล้ว

“ไม่มีทาง รีบไสหัวไปเลย” เย่หวี่เจินหยิบหมอนอิงมาขว้างใส่หลินเซิน พูดอย่างเกรี้ยวกราด

“เอ่อ… คำพวกนั้นพูดว่าบ้างอะไรนะ…” หลินเซินแกล้งทำเป็นจำไม่ได้

“นายพูดได้แค่นี้รึไง?” เย่หวี่เจินกัดริมฝีปากจนเกือบเลือดออก

“ถ้าเธอคิดว่าฉันนอนห้องรับแขกไม่สะดวก ฉันก็ยอมเสียสละ ไปนอนห้องเธอด้วยก็ได้” หลินเซินรับหมอนอิง แล้วพูด

“ฝันไปเถอะ พาพวกเขาไปที่ห้องรับแขกชั้นสาม” เย่หวี่เจินจ้องมองหลินเซิน แล้วเรียกพ่อบ้านมา

พ่อบ้านเชิญหลินเซินและเว่ยหวู่ฟู่ขึ้นไปชั้นบนอย่างสุภาพ ที่นี่มีลิฟต์ด้วย

หลังจากเข้าไปในห้องแล้ว หลินเซินก็นอนหลับไปทันที วันนี้เขาเหนื่อยเกินไป

หลินเซินหลับเป็นตาย ตื่นขึ้นมาอีกทีก็มืดแล้ว เสียงเคาะประตูทำให้เขาตื่น ถ้าไม่มีคนมาเคาะประตู เขาคงนอนจนถึงพรุ่งนี้

“คุณหลิน ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว คุณหนูขอเชิญคุณลงไปทานอาหาร” หลินเซินเปิดประตู เห็นพ่อบ้านยืนอยู่อย่างสุภาพ

“คุณนายเย่กลับมาหรือยัง?” หลินเซินคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถาม

“นายหญิงยังไม่กลับ” พ่อบ้านตอบ

“ครับ ผมจะล้างหน้าแล้วลงไป” หลินเซินกลับเข้าไปในห้อง ปิดประตู แต่ไม่ได้ไปล้างหน้าที่ห้องน้ำ

เขาหยิบกระเป๋าออกมา หยิบไข่หอยทากก้นหอยที่มีโมเสกออกมา และอย่างที่คิด โมเสกหายไปแล้ว

จริงๆ แล้วไม่ต้องดูก็รู้ หลินเซินรู้ว่าโมเสกน่าจะหายไปแล้ว เพราะหลังจากที่เขาตื่น ก็มีข้อมูลประกายใหม่ปรากฏขึ้นในหัวของเขา

[ประกายแห่งวิวัฒนาการก้าวข้ามขีดจำกัดที่ล้มเหลว - วิชาปืน : ในขณะที่ยิงปืน จะมีการสะบัดข้อมือ เพื่อเพิ่มแรงเหวี่ยงหนีศูนย์กลางให้กับกระสุน ทำให้มันบินเป็นเส้นโค้ง]

“นี่มันกระสุนโค้งนี่? เหมือนในหนัง Wanted!” หลังจากที่หลินเซินคิดอย่างละเอียด ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย

วิชาปืนมีอยู่แค่ในภาพยนตร์ ในความเป็นจริง แทบจะไม่มีมนุษย์คนไหนทำได้

จริงๆ แล้ว เคยมีทีมวิจัยทำการทดลอง ไม่เพียงแต่มนุษย์จะสะบัดข้อมือเพื่อให้กระสุนบินเป็นเส้นโค้งไม่ได้ แม้แต่แขนกลที่มีพละกำลังและความเร็วมากกว่ามนุษย์ ก็ยังทำไม่ได้

นี่เป็นอีกหนึ่งทักษะที่ดูเหมือนจะสมเหตุสมผล แต่ในความเป็นจริงใช้ไม่ได้ มีอยู่แค่ในจินตนาการ

สำหรับคนทั่วไป ทักษะนี้ไม่ได้มีประโยชน์มากนัก แต่หลินเซินมีปืนพกทูตสวรรค์ที่ความเร็ว 44 วิชาปืนจึงมีประโยชน์มากสำหรับเขา

ถ้าไม่มีวิชาปืน เขาต้องยิงตรงๆ ก็จะเสี่ยงโดนโจมตี

แต่ถ้ามีวิชาปืน เขาสามารถซ่อนตัว ไม่ต้องโผล่หน้า ใช้กระสุนโค้งยิงศัตรู อีกฝ่ายจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขายิงปืนตอนไหน ยิงจากไหน เป็นทักษะที่เหมาะกับการลอบโจมตีมาก

มีวิชาปืนแล้ว ใครจะอยากเป็นมือปืนที่ต้องสู้ประชิดตัว ยิงสู้กันซึ่งๆ หน้า? ไปแอบยิง มันไม่ดีกว่าเหรอ?

แต่น่าเสียดายที่ ถึงหลินเซินจะชอบวิชาปืนมาก แต่ความสามารถประกายนี้ไม่ได้ทำให้พลังของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

“เดี๋ยวไปเดินตลาดอีก ดูว่าจะหาไข่วิวัฒนาการที่มีประกายได้อีกไหม” หลินเซินรู้ว่าถ้าอยากควบคุมโชคชะตาของตัวเอง แค่นี้ยังไม่พอ

หลินเซินล้างหน้า แล้วพาเว่ยหวู่ฟู่ลงไปที่ห้องอาหาร เห็นเย่หวี่เจินนั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหารแล้ว

บนโต๊ะ นอกจากเย่หวี่เจินแล้ว ยังมีอีกคน แต่ไม่ใช่คุณนายเย่ แต่เป็นผู้ชาย

“พี่ นี่แฟนฉัน หลินเซิน เขาเก่งมากนะ” เย่หวี่เจินเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เดินมาควงแขนหลินเซินอย่างสนิทสนม ทำท่าทางมีความสุข เหมือนคู่รักที่กำลังอินเลิฟ

หลินเซินรู้สึกว่าแขนของเขาจมอยู่ในความนุ่มนิ่ม อบอุ่นและสบาย แต่เขาก็ขมวดคิ้ว คิดในใจว่า “แปลก! เย่หวี่เจินแปลกไป ต้องมีแผนอะไรแน่ๆ”

“หลินเซินสินะ นายกล้ามาก ฉันชื่นชมนาย แต่เรื่องส่วนตัวก็คือเรื่องส่วนตัว ถึงฉันจะชื่นชมนาย แต่ฉันเคยสาบานไว้ว่า ใครที่กล้าจีบน้องสาวฉัน ต้องผ่านฉันไปให้ได้ก่อน คำสาบานนี้ คำไหนคำนั้น ในเมื่อนายกล้ามา ก็น่าจะเตรียมตัวมาแล้ว ใช่ไหม?” ผู้ชายคนนั้นเดินมาหาหลินเซิน พูดด้วยรอยยิ้ม

“ขอโทษที ผมสู้ไม่เป็น” หลินเซินดึงเก้าอี้ออกมานั่ง หยิบแก้วน้ำขึ้นมาจิบ เขาไม่อยากรับการทดสอบอะไรนั่น มันเชยเกินไป

“บังเอิญจัง ฉันก็สู้ไม่เป็นเหมือนกัน” ผู้ชายคนนั้นยังคงยิ้มอยู่

“แล้วคุณทำอะไรเป็น?” หลินเซินถามอย่างลืมตัว

“ฉัน… เป่า… ขลุ่ย… เป็น…” ผู้ชายคนนั้นพูดอย่างจริงจัง

“แค่กๆ…” หลินเซินสำลักน้ำ สำลักจนน้ำตาไหล

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด