บทที่ 45 การค้นพบ
แสงสีเงินอันแหลมคมค่อยๆ ส่องประกาย พลังงานแห่งชีวิตอันมหาศาลกำลังกระเพื่อมกราดเกรี้ยว ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นพลังยุทธ์ที่แท้จริง
อัศวินที่ยืนอยู่ตรงหน้าเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังงานอันน่าสะพรึงกลัวที่เหนือกว่าพลังชีวิต ใบหน้าของเขาก็พลันเปลี่ยนสีอย่างรวดเร็ว “เป็นไปไม่ได้! เจ้าเป็นอัศวินผู้ยิ่งใหญ่!!”
ในดวงตาของเขาปรากฏความไม่เชื่อและความหวาดกลัว ท่าทีเหมือนไม่อาจยอมรับข้อเท็จจริงตรงหน้าได้
โดยปกติแล้ว อัศวินทั่วไป ต่อให้จะเป็นผู้มีพรสวรรค์เพียงใด กว่าจะฝึกฝนจนร่างกายแข็งแกร่งพอจะก้าวสู่ระดับอัศวินได้ ก็ต้องรอจนร่างกายเจริญเติบโตเต็มที่
ผู้ที่สามารถเป็นอัศวินได้ก่อนวัยบรรลุนิติภาวะ ย่อมเป็นอัจฉริยะในหมู่ผู้คน เช่นเดียวกับอาคาดิลา อัศวินอันดับหนึ่งแห่งแดนเหนือในปัจจุบัน
แต่สำหรับอาเดียร์ ผู้ที่สามารถก้าวสู่ระดับอัศวินผู้ยิ่งใหญ่ได้ในวัยเพียง 13-14 ปีนั้น เป็นเรื่องที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ต่อให้เขาเป็นครึ่งเอลฟ์ก็ยังเป็นเรื่องที่น่าตกตะลึงเกินไป น่าหวาดกลัว
จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึง แต่ดาบของอาเดียร์ไม่มีวันที่จะหยุดเพียงเพราะความรู้สึกของใคร
ประกายแสงสีเงินค่อยๆ ปรากฏบนดาบสีดำ เส้นสายของรอยดาบแผ่ซ่านออกมาพร้อมพลังงานอันมหาศาล
ในชั่วพริบตา โลกเบื้องหน้าของอาเดียร์ในระยะไม่กี่เมตรเปลี่ยนเป็นสีเงิน พลังต่อสู้แผ่ซ่านในอากาศ พลังทำลายอันน่าสะพรึงกลัวโจมตีเป้าหมายทั้งหมดในทันที
ซิลเวอร์ไลท์!!
เทคนิคลับของอัศวินที่อาเดียร์พัฒนาขึ้นระเบิดพลังออกมาให้เห็นเป็นครั้งแรก
โครม!!!
เสียงร่างล้มกระแทกพื้นดังชัดเจนและหนักแน่นในโสตประสาทของอาเดียร์
ขณะนี้ ในเบื้องหน้าของเขาไม่มีผู้ใดยืนหยัดอยู่อีกแล้ว ทุกคนล้วนถูกกวาดล้มลงด้วยดาบเพียงครั้งเดียวของเขา ร่างทั้งหลายกระจัดกระจายเกลื่อนพื้นอย่างไร้การเคลื่อนไหว
นี่เป็นครั้งแรกที่อาเดียร์ได้นำทักษะที่เขาคิดค้นขึ้นมาใช้งานจริงในสนามรบ และดูเหมือนผลลัพธ์จะน่าพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง
สำหรับอัศวินทั่วไป ต่อให้เป็นอัศวินผู้ยิ่งใหญ่ หากไม่สามารถหลบพ้นการโจมตีครั้งนี้ได้ทัน เพียงแค่สัมผัสโดนก็มีแต่ทางเลือกเดียวคือบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิต
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพลังของทักษะนี้จะรุนแรงขึ้นอย่างมาก แต่การใช้พลังชีวิตก็เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย
อาเดียร์ยืนนิ่งอยู่กับที่เพื่อสัมผัสถึงพลังงานีชีวิตในร่างกาย
หากเขาปล่อยพลังเต็มที่ เทคนิคลับนี้สามารถใช้งานได้เพียงห้าถึงหกครั้งเท่านั้น หลังจากนั้นพลังชีวิตในร่างกายจะเริ่มลดลง ส่งผลให้พลังทำลายลดน้อยลง ไม่สามารถดึงศักยภาพสูงสุดออกมาได้อีก
ถึงกระนั้น สำหรับเขา เพียงแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
ทักษะลับของอัศวินถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้เป็นไพ่ตาย ท่าสำหรับการสังหาร ไม่ใช่สิ่งที่ควรใช้ในสถานการณ์ปกติ
เมื่อคิดเช่นนั้น อาเดียร์จึงหมุนตัวเดินตรงไปข้างหน้า
เบื้องหน้าของเขาเต็มไปด้วยซากศพนอนเรียงรายอยู่บนพื้น ไม่มีผู้ใดส่งเสียงหรือลุกขึ้นมาอีก บางร่างที่ถูกแรงของเทคนิคลับซัดเข้าไปนั้นอยู่ในสภาพที่น่ากลัวยิ่งนัก ร่างกายถูกพลังต่อสู้ที่แหลมคมเฉือนจนแทบเเยกขาดเป็นสองท่อน
เมื่อมองไปที่ศพบนพื้น อาเดียร์เดินลึกเข้าไปยังส่วนลึกที่สุด จนมาถึงบริเวณที่ร่างของอัศวินในชุดเกราะหนังสีเขียวนอนนิ่งอยู่
อัศวินผู้นี้ในยามนี้นอนสงบนิ่งบนพื้น ชุดเกราะหนังสีเขียวของเขามีรอยแตกหลายแห่ง แสดงให้เห็นถึงแรงกระแทกที่ลึกถึงร่างกาย
เมื่อมองดูสภาพของร่างนั้น อาเดียร์อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
ก่อนหน้านี้เเม้ว่า อัศวินคนนี้จะตกอยู่ในจุดศูนย์กลางของการโจมตี แต่แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ใช้พละกำลังทั้งหมดใส่ในการโจมตีครั้งนั้น ด้วยสมรรถภาพของร่างกายระดับอัศวินของเขา มันไม่น่าจะทำให้เขาถึงขั้นเสียชีวิตได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้
"กินยาพิษฆ่าตัวตายงั้นหรือ?"
อาเดียร์ย่อตัวลงเพื่อสังเกตสภาพร่างของอีกฝ่าย หลังจากตรวจสอบและวิเคราะห์อย่างละเอียดผ่านชิปในสมอง สุดท้ายเขาก็ได้ข้อสรุปเช่นนี้
เมื่อเห็นภาพดังกล่าว อาเดียร์ก็ได้แต่ส่ายหัวเบาๆ
เดิมที เขาตั้งใจจะไว้ชีวิตของอีกฝ่ายเพื่อสอบถามข้อมูลบางอย่าง แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะตัดสินใจเด็ดเดี่ยวถึงเพียงนี้ เลือกจบชีวิตตัวเองในทันที
การกระทำครั้งนี้ทำให้เขาสูญเสียโอกาสในการเก็บเกี่ยวข้อมูลไปโดยสิ้นเชิง ปากที่มี่ชีวิตไม่มีชีวิตอีกต่อไป ต่อให้เขาต้องการสอบถามอะไรก็ไม่มีใครให้ถามอีกแล้ว
เขาจึงทำได้เพียงย่อตัวลงและค้นหาสิ่งของจากศพที่ไร้ลมหายใจเหล่านั้น หวังว่าจะเจอหลักฐานหรือเบาะแสที่สำคัญ
อาเดียร์ไม่รังเกียจความสกปรกแต่อย่างใด เขาเริ่มค้นหาอย่างละเอียดจากศพที่เปื้อนเลือดทีละร่าง จากนั้นรวบรวมสิ่งที่พบมาวางไว้รวมกัน
"คนจากอาณาจักรอื่น?"
หลังจากเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง อาเดียร์ก็มองดูสิ่งของตรงหน้าพร้อมพูดกับตัวเองเบาๆ
ตรงหน้าของเขาคือเหรียญทองและเหรียญเงินจำนวนหนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่มีลักษณะไม่เหมือนกับเหรียญเงินตราของอาณาจักรแอเรีย
โลกใบนี้กว้างใหญ่มาก แต่ละอาณาจักรต่างก็มีสกุลเงินของตัวเอง แม้ว่าส่วนใหญ่จะยึดตามมาตรฐานทองคำและเงิน แต่รายละเอียดของแต่ละอาณาจักรนั้นมีความแตกต่างกัน
เหรียญเงินตราของอาณาจักรแอเรียมักมีการแกะสลักลวดลายดอกไม้เจ็ดกลีบและเถาวัลย์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของราชวงศ์แอเรีย แสดงถึงอำนาจในการปกครองอาณาจักร
แต่เหรียญเงินตราที่เขาพบกลับต่างออกไป บางเหรียญมีลวดลายของหมีป่ายักษ์ บางเหรียญมีลวดลายของนกอินทรีกำลังบิน อีกทั้งน้ำหนักของเหรียญก็แตกต่างกันเล็กน้อยด้วย
</br ></br ></br >
<br ><br ><br ><br >"บางส่วนเหมือนกับลักษณะของอาณาจักรทางตอนเหนือ"
หลังจากพิจารณาอย่างละเอียด รอบคอบ อาเดียร์ก็ได้ข้อสรุปเช่นนี้
สัญลักษณ์บนเหรียญเงินตราส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับตราประจำราชวงศ์ของกษัตริย์ หรือไม่ก็เป็นรูปแกะสลักของผู้ก่อตั้งอาณาจักร ซึ่งสามารถระบุได้อย่างง่ายดาย
ในช่วงที่อาเดียร์พักอยู่ที่ปราสาทของท่านเคานต์โบเรีย เขาเคยอ่านหนังสือมากมาย และหนึ่งในนั้นคือหนังสือที่อธิบายเกี่ยวกับตราประจำตระกูลขุนนางโดยเฉพาะ ซึ่งบันทึกข้อมูลของตระกูลขุนนางและราชวงศ์ต่างๆ ที่มีชื่อเสียงในพื้นที่ใกล้เคียง
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาจึงหันไปหยิบตราประจำตระกูลสองชิ้นจากกองสิ่งของ
นี่คือตราประจำตระกูลขุนนาง ซึ่งอาเดียร์เองก็มีตราหนึ่งเช่นกัน แสดงถึงสถานะของชนชั้นขุนนาง
ตราสองชิ้นนี้ถูกค้นพบจากร่างของอัศวินสองคนที่เสียชีวิต และยังยืนยันตัวตนของพวกเขาในฐานะอัศวินขุนนางได้อย่างชัดเจน
สำหรับผลลัพธ์นี้ อาเดียร์ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจเลยแม้แต่น้อย
การฝึกฝนอัศวินและการเลี้ยงดูบุคคลในระดับนี้ ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะสามารถเข้าถึงหรือจัดการได้ง่ายๆ
ยังไม่นับเรื่องพรสวรรค์ของอัศวินซึ่งเป็นข้อจำกัดเบื้องต้น สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือวิชาลมหายใจของอัศวิน ซึ่งถือเป็นศาสตร์ลับที่ไม่สามารถส่งต่อให้คนธรรมดาได้ รวมถึงทรัพยากรที่ต้องใช้ในการฝึกฝน เเละเงื่อนไขอื่นๆ
แม้แต่ในหมู่ขุนนางเอง ก็มีเพียงตระกูลที่มีรากฐานเก่าแก่และประวัติอันรุ่งโรจน์ในอดีตเท่านั้นที่จะครอบครองวิชาลมหายใจเหล่านี้
"ลวดลายดอกไม้สีม่วงและงูมานร์ลา ตรานี้เป็นของขุนนางจากอาณาจักรโบเด"
อาเดียร์พิจารณาตราสองชิ้นอย่างละเอียด ระมัดระวังอีกครั้ง พร้อมกับใช้ชิปในสมองวิเคราะห์และเปรียบเทียบข้อมูลอย่างรวดเร็ว สุดท้ายเขาก็ได้คำตอบที่ชัดเจน
ความสงสัยต่างๆ ที่เขามีในหัวก่อนหน้านี้เริ่มคลี่คลาย แม้จะยังมีบางส่วนที่ยังไม่ชัดเจน แต่ก็เพียงพอให้เขาเริ่มคาดเดาสถานการณ์ปัจจุบันได้
เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาจึงลุกขึ้นยืนและกวาดตามองไปรอบๆ
ของที่ค้นพบมีทั้งเหรียญทองและเงิน รวมถึงสิ่งของมีค่าขนาดเล็กอื่นๆ อีกหลายชิ้น
แน่นอนว่า ชุดเกราะและอาวุธของกลุ่มนักรบ แม้จะเสียหายไปบ้าง แต่หากนำไปขายก็ยังสามารถทำเงินได้ไม่น้อย
โดยเฉพาะชุดเกราะและดาบของอัศวินสองคนที่โดดเด่นที่สุด นับว่าเป็นผลงานชั้นเลิศ หากนำไปขายแยกกันจะสามารถทำเงินเทียบเท่ากับรายได้จากที่ดินของอัศวินธรรมดาหลายปีเลยทีเดียว
อาเดียร์ยืนคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเก็บดาบสองเล่มนั้นไว้กับตัว แล้วนำไปผูกติดกับหลังม้าของเขา จากนั้นเขาก็ขึ้นขี่ม้าและมุ่งหน้าไปยังที่ไกลออกไป
เขาไม่ได้เลือกที่จะกลับไปยังค่ายเดิม เพราะหากการคาดเดาของเขาถูกต้อง ค่ายนั้นคงกลายเป็นสนามรบที่เต็มไปด้วยศพ และคนส่วนใหญ่ในนั้นอาจถูกกวาดล้างจนหมดสิ้น
อาเดียร์จึงเร่งม้าของเขา มุ่งหน้าไปยังปราสาทของท่านเคานต์โบเรีย โดยไม่หยุดพักแม้แต่น้อย