บทที่ 424 ความจริงและความงาม…
บทที่ 424 ความจริงและความงาม…
สตีฟหน้าเครียด มองอะไรไม่ค่อยเห็น เขาตามบัคกี้ไปตามทางที่หายไปอย่างไม่ลังเล
พลังเหนือมนุษย์จากเซรุ่มซูเปอร์โซลเจอร์ทำให้ร่างกายของเขามีความแข็งแกร่งเหนือกว่าคนทั่วไปมาก แค่เร่งความเร็วธรรมดาก็เร็วเท่าคนวิ่งสุดแรงแล้ว ยิ่งตอนนี้ความกังวลใจที่บัคกี้ปรากฏตัวขึ้นมา ทำให้ฝีเท้าของสตีฟเร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัว
นาตาชาตามมาด้านหลัง เห็นสตีฟวิ่งห่างออกไปเรื่อย ๆ เธอกัดฟัน เร่งฝีเท้าตามอย่างไม่ยอมแพ้
แต่ถึงแม้พลังของนาตาชา ในฐานะสายลับระดับสูงของชีลด์ จะอยู่ในระดับสูงสุดของมนุษย์ปกติแล้วก็ตาม ก็ยังเทียบกับกัปตันอเมริกาไม่ได้ ดังนั้น เมื่อสตีฟเร่งความเร็วขึ้น เธอก็เหลือบเห็นเพียงเงาของเขาที่ค่อย ๆ เลือนหายไป
เธอมองเงาของสตีฟที่เลือนหายไป ขมวดคิ้วแน่น
นาตาชาหยุดวิ่ง หายใจเข้าลึก ๆ เพื่อปรับลมหายใจ ก่อนหันไปมองสนามบินนานาชาติด้านหลัง
สตีฟไม่รู้ว่านาตาชากำลังเป็นอย่างไร เขาเร่งฝีเท้าต่อไป ไม่สนใจเสียงคนเดินถนนที่บ่นด่าเพราะเขาชนไป
สุดท้าย ห่างจากสนามบินไปมากกว่าสามกิโลเมตร เขาก็เห็นเงาที่เคยเห็นวาบไปที่สนามบิน ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
เมื่อเห็นเงาปรากฏขึ้น สตีฟตะโกนเสียงดัง “บัคกี้!”
เพียงแต่คำพูดนั้นยังไม่ทันตกไปถึงพื้น สตีฟก็ถึงกับตาสว่างทันทีว่าตัวเองพลาดอย่างมหันต์
จากการพบเจอกันหลายครั้งก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดว่าบัคกี้ยังคงเกลียดชังสตีฟอย่างมากมาย เพราะการล้างสมองจากไฮดร้า การที่เขาพูดออกไปโดยไม่คิดเช่นนั้น นับเป็นการกระทำที่เสี่ยงต่อการทำให้บัคกี้ตกใจวิ่งหนีไป หรืออาจทำให้บัคกี้หนีไปอีกครั้งก็เป็นได้
คิดได้ดังนั้น ใบหน้าของสตีฟจึงเผยให้เห็นถึงความเสียใจ
“สตีฟ?”
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นกลับเกินความคาดหมายของกัปตันอเมริกาเสียเหลือเกิน
เมื่อเสียงเรียกของเขาดังขึ้น บัคกี้ที่อยู่ไม่ไกลกลับไม่หนีไปอย่างที่เขาคิด
แต่กลับหันตัวมา มองเขาด้วยสีหน้าที่ดูงง ๆ
“เยี่ยมไปเลย บัคกี้ นายจำได้แล้ว!”
เมื่อเห็นใบหน้าทรงผมสั้นที่คุ้นเคย และได้ยินชื่อตัวเองหลุดออกมาจากปากอีกฝ่าย ในพริบตาเดียว สตีฟก็รู้สึกถึงอารมณ์ที่ซับซ้อนอย่างบอกไม่ถูก เขาตื้นตันใจจนพูดไม่ออก พยายามกลั้นความตื้นตันในใจไว้ “ฉันรู้ว่านายต้องกลับมา ต้องกลับมาแน่!”
สูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อให้จิตใจสงบลงบ้าง สตีฟมองบัคกี้ตรงหน้า ซึ่งหน้าตาเหมือนกับในความทรงจำครั้งสุดท้ายของเขาเป๊ะ ๆ “ฉันดีใจมากบัคกี้ ที่ได้เจอนายอีกครั้ง ฉันเคยคิดว่าจะไม่ได้เจอนายอีกแล้ว”
“นายพูดอะไรของนายเนี่ย สตีฟ”
มองหน้าสตีฟที่กำลังตื่นเต้นจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ บัคกี้ก็ยิ่งขมวดคิ้วเข้าไปใหญ่ “เราเพิ่งแยกกันไปไม่นานนี่นา”
“ไม่นานเหรอ?”
ได้ยินคำตอบของบัคกี้ สีหน้าของสตีฟเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่แล้วก็ฉุกคิดได้ว่า บัคกี้คงถูกไฮดร้าล้างสมองจนอาจจะเสียความรู้สึกเรื่องเวลาไปแล้ว หรืออาจจะจำอะไรได้แค่ช่วงที่พวกเขาทำภารกิจครั้งสุดท้าย จึงเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะอธิบายด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย “ที่จริงแล้ว บัคกี้ สงครามโลกครั้งที่สองจบลงแล้วนะ จำภารกิจครั้งสุดท้ายที่เราทำด้วยกันได้ไหม? ตอนนั้นนายตกจากรถไฟ เราทุกคนคิดว่านายเสียชีวิตไปแล้ว แต่ที่ไหนได้ ไฮดร้ากลับพบเจอนาย และก็ดัดแปลงแขนของนาย…”
พูดถึงการดัดแปลงของไฮดร้า สตีฟก็เผลอมองไปที่แขนของบัคกี้
ทว่า ภาพตรงหน้ากลับทำให้กัปตันอเมริกาอึ้งไปชั่วขณะ
แตกต่างจากที่สตีฟคาดการณ์ไว้ แขนของบัคกี้ตรงหน้าไม่ใช่แขนโลหะสีดำอย่างที่เขาเคยเห็น แต่กลับเป็นแขนที่ดูเหมือนปกติ
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย?”
ภาพตรงหน้าเกินกว่าจินตนาการจะคาดเดาได้ ทำให้สีหน้าของสตีฟเปลี่ยนไปชั่วขณะ
เขาพึมพำเบา ๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมอง “บัคกี้” ตรงหน้าอย่างตั้งใจ ในที่สุดก็พบความแตกต่างระหว่าง “บัคกี้” คนนี้กับบัคกี้ที่เขาเคยต่อสู้ด้วยมาก่อน
ถึงแม้จะหน้าตาเหมือนกัน แต่ “บัคกี้” ตรงหน้าดูอ่อนกว่า บุคลิกโดยรวมก็แตกต่างจากบัคกี้ที่ถูกไฮดร้าชักใย คนนี้ดูสดใสกว่า และดูเหมือนจะเป็นบัคกี้ในความทรงจำของสตีฟมากกว่า
“เดี๋ยวก่อน ความทรงจำงั้นเหรอ?!”
สีหน้าเปลี่ยนไปอีกครั้ง สตีฟมอง “บัคกี้” ที่ทั้งคุ้นเคยและแปลกหน้า นึกถึงเรื่องที่โทนี่ติดต่อมาบอก ความคิดหนึ่งเริ่มก่อตัวขึ้นในหัว
“บางที ‘บัคกี้’ ตรงหน้าอาจจะ…”
ความคิดของสตีฟเพิ่งผุดขึ้นมา
ทันใดนั้น เสียงคำรามดังสนั่น ตัดความคิดของสตีฟไป
ต่อมา ในสายตาของเขา ก็เห็น “ตัวเอง” อีกคนหนึ่ง แต่งตัวเต็มยศ ขี่มอเตอร์ไซค์พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
บัคกี้: “???”
“สตีฟ! สตีฟ!”
……
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
บัคกี้หันหน้าไปมา มองสตีฟสองคนที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าพร้อมกัน
ใบหน้าของ “บัคกี้” แสดงออกถึงความสับสนอย่างชัดเจน
“ดูเหมือนว่าฉันเดาไม่ผิด”
สตีฟสูดหายใจเข้าลึก ๆ กดอารมณ์ผิดหวังและเสียดายลงไป เขามองตัวเองในชุดกัปตันอเมริกาตรงหน้า รอยยิ้มขม ๆ ผุดขึ้นบนใบหน้า
“แน่ล่ะ เพราะพลังของยันต์นั่นเองสินะ?”
“นี่มันเซอร์ไพรส์ที่ทำให้หัวเราะไม่ออกจริง ๆ ด้วย”
เมื่อกัปตันอเมริกาอีกคนปรากฏตัว สตีฟเข้าใจทันที ไม่ว่าจะเป็น “บัคกี้” หรือ “ตัวเขาเอง” ตรงหน้า ล้วนเป็นสิ่งจัดแสดงที่ฟื้นคืนชีพเพราะพลังของยันต์อย่างที่โทนี่ว่าไว้
ก่อนหน้านี้ เพราะภารกิจบางอย่าง สตีฟเคยแอบเข้าไปดูสิ่งจัดแสดงเกี่ยวกับตัวเองในห้องจัดแสดงอนุสรณ์สงครามโลกครั้งที่สองของพิพิธภัณฑ์ แต่ไม่เคยคิดว่าสักวันสิ่งจัดแสดงเหล่านั้นจะฟื้นคืนชีพ และปรากฏตัวต่อหน้าเขาแบบนี้
……
“นี่คือขนหนวดแมวดำและแมวขาวที่คุณต้องการ”
บริษัทสตาร์คอินดัสตรีส์ ตึกนวัตกรรมพลังงานใหม่
แบนเนอร์ลูบไล้รอยข่วนจากอุ้งเท้าแมวที่ยังเจ็บอยู่บนใบหน้า เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วเหยียดมือออก เผยให้เห็นขนแมวสีขาวดำก้อนเล็ก ๆ ที่กำแน่นอยู่ในฝ่ามือ
ตอนแรก เมื่อได้ยินโทนี่สั่งการ แบนเนอร์อยากหันหลังกลับไปอินเดีย กลับไปฝึกโยคะต่อเลย
แต่แบนเนอร์ไม่ใช่ฮัลค์ที่โมโหง่าย ๆ
ถ้าไม่โกรธ แบนเนอร์ก็เป็นคนน่าเชื่อถือและใจดี ทั้งในด้านการวิจัยและนิสัยส่วนตัว
แม้ใจจะอึดอัดไม่น้อย แต่แบเนอร์ก็ทำตามคำขอของป๋า เก็บขนหนวดแมวมาให้ครบถ้วนตามที่ต้องการ
“เหนื่อยหน่อยนะ ด็อกเตอร์”
โทนี่เงยหน้ามองแบนเนอร์ที่ตัวเต็มไปด้วยขนแมว ดูแล้วน่าสงสาร จนถอยหลังไปสองสามก้าวโดยไม่รู้ตัว
กระบวนการเก็บขนหนวดแมวไม่ยุ่งยากอะไร ด้วยฐานะและทรัพย์สินของโทนี่ แมวแค่ไม่กี่ตัวไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ว่าป๋าต้องการขนหนวดแมว พอด็อกเตอร์แบนเนอร์มา เลยคิดว่าไม่ใช้ก็เสียดาย จึงให้ไปเก็บมา
“สบายใจเถอะครับ ผมยังไม่ถึงกับนั้นหรอก”
เห็นโทนี่ถอยหลัง แบนเนอร์เข้าใจผิด คิดว่าอีกฝ่ายเป็นห่วงฮัลค์ จึงพูดว่า “ถึงระหว่างทางผมจะโมโหอยู่หลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ ไม่ได้ปล่อยให้ฮัลค์โผล่ออกมา”
แบนเนอร์ไม่คิดว่า ถ้าฮัลค์โผล่ออกมา จะยอมทำตามคำสั่งไปดึงขนหนวดแมวหรอก
ถ้าเป็นมือหยาบ ๆ ของฮัลค์ ไม่ฉีกหัวแมวออกมาถือว่าบุญแล้ว
“ไม่ใช่! ฮัลค์ชอบแมว ฮัลค์จะไม่ทำร้ายแมวซะหน่อย!”
ลึก ๆ ในใจ เมื่อได้ยินแบนเนอร์พูดดูถูก เสียงทุ้ม ๆ ก็ดังขึ้นในหัวแบนเนอร์
“ฮัลค์…เริ่มมีมนุษยธรรมมากขึ้นแล้วสินะ”
ได้ยินเสียงก้องอยู่ในหัว สีหน้าแบนเนอร์เคร่งขรึมขึ้นทันที
เขาหุบมือลง รอยข่วนจากแมวบนหน้าหายไปอย่างรวดเร็ว
ความจริงแล้ว แม้ปัจจุบันแบนเนอร์ใช้รูปลักษณ์มนุษย์ กระทำการอย่างมีเหตุผล แต่ฮัลค์ก็ยังไม่ได้ถูกกดทับอยู่ในจิตใจเขาหมดไป
เขายังคงรู้สึกถึงความเดือดดาลของฮัลค์ที่คุกรุ่นอยู่ภายในราวกับจะระเบิดออกมาเมื่อไรก็ได้ รวมถึงอิทธิพลของร่างกายที่แข็งแกร่งของฮัลค์ที่มีต่อตัวเองด้วย
ถึงแม้ตอนนี้แบนเนอร์จะดูผอมบางและอ่อนแออยู่ก็ตาม
“เธอดูเหมือนจะกังวลใจนะ”
ป๋าเอื้อมมือไปรับขนหนวดที่แบนเนอร์ยื่นให้ เขาตรวจสอบอย่างละเอียด ยืนยันว่าขนหนวดเหล่านี้มาจากแมวขาวและแมวดำที่ต้องการจริง ๆ จึงเก็บอย่างระมัดระวังลงในกล่องที่เตรียมไว้ แล้วเงยหน้าขึ้นมองแบนเนอร์ที่ยังคงทำหน้าบึ้งตึงอยู่ ก่อนจะถามออกไป
“เพราะปัญหาเรื่องร่างกายของเธอใช่ไหม?”
แบนเนอร์รู้จักป๋าน้อยมาก เพราะเขาไม่ได้เข้าร่วมภารกิจ【จ้าวศักดิ์สิทธิ์】 จึงไม่รู้เรื่องความสามารถของป๋า
แต่จากคำอธิบายของโทนี่ ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเป็นนักเวทย์ที่ใช้เวทมนตร์ประหลาด
กระทั่งขนหนวดแมวที่เขาเก็บรวบรวมมา ตามที่โทนี่อธิบาย ก็เป็นเพราะเวทมนตร์ของอีกฝ่ายต้องการใช้
ถึงแม้แบนเนอร์จะไม่รู้ว่าเวทมนตร์เกี่ยวข้องกับขนหนวดแมวอย่างไร
แต่เมื่อป๋าพูดตรงประเด็นปัญหาของเขาได้ แบนเนอร์อดไม่ได้ที่จะถามออกไปว่า “คุณดูออกว่าผมมีปัญหาเรื่องร่างกายเหรอครับ?”
“แน่นอน”
ป๋ายิ้มมุมปาก ความสนใจของแบนเนอร์ถูกดึงดูดได้สำเร็จ ใบหน้าของเขายังคงแสดงท่าทีรู้ทันทุกอย่าง เขาขยับแว่นเล็กน้อย พูดด้วยสีหน้ามั่นใจว่า “ก่อนจะเรียนเวทมนตร์ ป๋าเคยเปิดร้านขายของโบราณ ไม่ว่าจะเป็นของโบราณหรือคน ก็ไม่มีใครรอดพ้นสายตาป๋าได้”
พูดพลาง ป๋าก็ลูบเคราตัวเองพลางเดินวนรอบ ๆ แบนเนอร์อยู่หลายรอบ ระหว่างนั้นก็โน้มตัวเข้าไปดึงแก้มอีกฝ่ายเบา ๆ ก่อนจะพยักหน้าแล้วพูดต่อพลางมือไขว้หลังว่า “แน่จริงด้วย ภายในตัวเธอซ่อนพลังอันน่าสะพรึงกลัวเอาไว้ ถึงจะมองไม่เห็นหน้าตาของพลังนี้ แต่ป๋าก็สัมผัสได้ถึงความโกรธแค้นที่ซ่อนอยู่ มันเป็นพลังที่น่ากลัวมาก นับตั้งแต่ป๋ามีชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้ ยกเว้นแต่【จ้าวศักดิ์สิทธิ์】แล้ว พลังนี้ก็เป็นพลังที่ทรงพลังที่สุดที่ป๋าเคยเห็นมา ถึงแม้เธอจะพยายามระงับพลังนี้เอาไว้ แต่เห็นได้ชัดว่ามันไม่ง่ายอย่างที่คิด”
“ยิ่งไปกว่านั้น อีกไม่นาน ความโกรธแค้นนี้ก็จะระเบิดออกมา ถึงตอนนั้น เธออยากจะระงับมันเหมือนอย่างที่เคยทำมา มันก็คงไม่ง่ายเหมือนตอนนี้ หรืออาจจะระงับไม่ได้อีกเลยก็ได้ พลังนี้มันเหมือนสปริงขนาดยักษ์ ยิ่งเธอกดมันลงไปในใจนานเท่าไหร่ พลังที่มันจะระเบิดออกมา ก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น”
คำพูดของป๋าฟังดูลึกซึ้ง แต่แบนเนอร์ก็เข้าใจดีว่าที่อีกฝ่ายพูดถึงคือฮัลค์ที่อยู่ภายในตัวเขา
เมื่อได้ยินป๋ากล่าวถึงสภาพร่างกายของตัวเอง สีหน้าของแบนเนอร์ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
ความจริงแล้ว ดังที่ป๋ากล่าวไว้ ถึงแม้จะพยายามเรียนรู้โยคะและวิธีการต่าง ๆ เพื่อควบคุมอารมณ์ของตัวเองอยู่เสมอ แต่แบนเนอร์ก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า ลึก ๆ ในใจของเขา ความโกรธแค้นของฮัลค์กำลังเพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ บางครั้ง ในฝัน แบนเนอร์จะฝันว่าตัวเองตื่นขึ้นมาแล้วกลายเป็นฮัลค์ไปเสียแล้ว และไม่สามารถกลับมาเป็นมนุษย์ได้อีก
เพราะความหวาดกลัวที่ฝังลึกอยู่ในใจ บรูซ แบนเนอร์จึงพยายามอย่างหนักที่จะหาวิธีควบคุม หรือแม้แต่กำจัดฮัลค์ในตัวเขาให้สิ้นซาก
แน่นอนว่า ความหวาดกลัวฮัลค์และความปรารถนาที่จะกำจัดมันของแบนเนอร์ กลับยิ่งทำให้ความโกรธแค้นของฮัลค์เพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ
ทั้งหมดนี้เป็นเหมือนวงจรอุบาทว์ แบนเนอร์หวาดกลัวพลังของฮัลค์ จึงพยายามกำจัดมัน แต่ฮัลค์ก็ยิ่งโกรธแค้นและเสียการควบคุมมากขึ้น เพราะความคิดนั้นของแบนเนอร์
เดิมที แบนเนอร์เตรียมใจไว้แล้วสำหรับสถานการณ์เลวร้ายที่สุด นั่นคือการพบกับด็อกเตอร์แบลนอีกครั้ง เพื่อดูว่าด็อกเตอร์แบลนจะคิดค้นเซรั่มแก้ปัญหาฮัลค์ในตัวเขาได้หรือไม่
ทว่า เมื่อได้ฟังป๋าเล่าสถานการณ์ของเขาอย่างตรงไปตรงมา
ความหวังใหม่ก็ผุดขึ้นในใจแบนเนอร์ทันที
หากวิทยาศาสตร์กำจัดฮัลค์ไม่ได้ง่าย ๆ แล้วพลังเวทย์มนต์ล่ะ
เขาจะใช้พลังเวทย์มนต์ควบคุมฮัลค์ได้หรือไม่……
ก่อนหน้านี้ แบนเนอร์ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้ เพราะไม่เคยสัมผัสพลังเวทย์มนต์มาก่อน จึงไม่สามารถเชื่อมโยงปัญหาฮัลค์เข้ากับเวทย์มนต์ได้
แต่เพียงชั่วครู่ที่ผ่านมา ป๋าได้ชี้ให้เห็นสภาพร่างกายของเขา
ทำให้แบนเนอร์เริ่มไว้ใจป๋าบ้าง อย่างไรเสีย สถานการณ์ของเขาก็เลวร้ายอยู่แล้ว จะมีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้ได้อีก
ด้วยความคิดเช่นนั้น แบนเนอร์จึงสูดหายใจเข้าลึก ๆ พยายามสงบอารมณ์ มองไปที่ป๋าผู้ผอมแห้ง แต่กลับรู้สึกแปลก ๆ ที่ภายใต้สายตาของเขา ป๋ากลับดูสูงใหญ่ขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ “บางที คุณอาจจะมีวิธีแก้ปัญหาฮัลค์ในตัวผมอยู่ใช่ไหมครับ?”
(จบตอน)