บทที่ 37 วางแผนสร้างอนาคต!
เพราะฤทธิ์สุราหรือเปล่าไม่แน่ใจ แต่เมื่อหลี่เหล่าซือกลับถึงบ้านพร้อมใบหน้าแดงก่ำ เขาก็เล่าให้ครอบครัวฟังว่าเขาตั้งใจจะไปทำงานเป็นผู้คุ้มกันให้กับหลิวเปียวโถว
เมื่อทุกคนได้ยินว่าเขาจะได้รับเงินถึงสิบตำลึงเงิน ต่างก็แสดงความตกใจออกมา เพราะจำนวนนี้เทียบเท่ากับรายได้จากการทำนาสองหรือสามหมู่ในปีที่เก็บเกี่ยวดีโดยไม่ต้องสงสัย
โดยเฉพาะอู๋ชุ่ยฮวา ตาของนางแทบลุกวาวด้วยความโลภ แต่พอนางจะพูดอะไรออกมา หลี่เหล่าเออร์ก็ถีบเบา ๆ เตือนสติ จำได้ถึงบทเรียนจากการถูกตีเมื่อคืน นางจึงหดคอด้วยความหวาดกลัว แม้ยังบ่นพึมพำในใจ
"เจ้าสี่... ไม่ใช่ว่าข้าไม่ไว้ใจหลิวเปียวโถว แต่... งานนี้มันปลอดภัยจริงหรือ? มันอันตรายไหม?"
ย่าหลี่เคาะกล้องยาสูบพร้อมถอนใจด้วยความกังวล เถาหงอิงนั่งเงียบอยู่ด้านข้างพร้อมอุ้มเจียอินไว้ในอ้อมแขน ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล
เจียอินยื่นมือเล็กอวบของนางไปหามารดาเหมือนจะปลอบ แต่แขนสั้นเกินไปจึงได้แต่ดึงปกเสื้อและส่งเสียงคราง
ย่าหลี่หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะรับหลานสาวมาจากเถาหงอิง พร้อมกอดปลอบด้วยการถูแก้มนุ่มของนางอย่างเอ็นดู "ฟู่หนิวเออร์กังวลเรื่องพ่อหรือ? งั้นเรามาฟังที่พ่อของเจ้าว่าเถิด"
หลี่เหล่าซือเดินเข้ามาหาลูกสาว ยิ้มก่อนจะลูบหน้าลูกอย่างอ่อนโยน "แม่วางใจเถิด! งานนี้ไปทางใต้ อากาศอบอุ่น เดินทางง่าย และไม่ลำบากอะไรเลย หลิวเปียวโถวเขาอยากช่วยให้ครอบครัวเราได้ฉลองปีใหม่อย่างสุขสบาย"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนก็รู้สึกโล่งใจขึ้นบ้าง หลิวเปียวโถวทำงานนี้มาหลายปี มีคนเก่ง ๆ อยู่ในสังกัดมากมาย และหลี่เหล่าซือเองก็กำลังจะเป็นหนึ่งในนั้น
หลังจากครุ่นคิด ย่าหลี่ก็พยักหน้า "ตกลง! ไปเถิด ทางบ้านนี่ข้ากับพี่ชายทั้งสองของเจ้าจะดูแลเอง ไม่ต้องห่วงหอิงกับฟู่หนิวเออร์!"
เถาหงอิงมองสามีด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใย แต่พอเห็นท่าทางเด็ดเดี่ยวของเขา นางก็ได้แต่พยักหน้าอย่างจำยอม
หลี่เหล่าซือยกตัวเจียอินขึ้นอุ้มก่อนจะหัวเราะลั่น "เจ้าตัวน้อยคนนี้ต้องให้โชคพ่อแน่! พ่อจะกลับมาอย่างปลอดภัย แล้วเราจะฉลองปีใหม่กันอย่างสุขสบาย!"
เจียอินเบ้หน้าทันทีเพราะเคราของเขาทิ่มหน้า นางดันเขาออกด้วยมือเล็ก ๆ ด้วยท่าทางรังเกียจ ก่อนที่เจียอี้จะตะโกนขึ้น
"ท่านย่า! ข้าอยากไปด้วย! ข้าอยากไปเป็นผู้คุ้มกันกับอาสี่! ข้าสู้กับลูกชายของลุงหลิววันนี้ เขายังแพ้ข้าเลย! ถ้าเขาไปได้ ข้าก็ต้องไปได้!"
หลี่เหล่าซือหัวเราะพลางช่วยพูดเสริม "หลิวเปียวโถวชมเจียอี้ว่ามีพรสวรรค์ในการฝึกยุทธ์ บอกว่าอนาคตอาจจะสอบผ่านสายวรยุทธ์ได้ ทำไมไม่ให้เขาไปกับข้าด้วยเล่า?"
ย่าหลี่มองไปที่หลี่เหล่าเออร์ เมื่อเห็นเขาพยักหน้าเบา ๆ นางจึงไม่ห้าม
"ก็ได้ เจียอี้ไปกับอาสี่ได้ แต่ต้องจำไว้ว่าต้องเชื่อฟังอาสี่กับลุงหลิว อย่าทำอะไรเกินตัว!"
เจียอี้ดีใจจนกระโดดตัวลอย พยักหน้ารับคำอย่างกระตือรือร้น
ดังนั้นเรื่องที่หลี่เหล่าซือและเจียอี้จะออกเดินทางไปพร้อมกับหลิวเปียวโถวจึงตกลงเป็นที่เรียบร้อย
ย่าหลี่สั่งกำชับทุกคนไม่ให้บอกอู๋ชุ่ยฮวาเรื่องนี้ เพราะกลัวว่าจะเกิดปัญหา
วันต่อมา ทุกคนต่างอำลาหลี่เหล่าซือและเจียอี้ที่หน้าหมู่บ้านด้วยความอาลัย ขณะที่อู๋ชุ่ยฮวายังงง ๆ ว่าเหตุใดต้องพาเจียอี้ไปส่งที่สำนักคุ้มกัน
"อะไรของพวกเจ้า! อาสี่ก็ใช่ว่าจะหลงทาง ทำไมต้องลากเจียอี้ไปด้วย? จะทำเป็นเรื่องใหญ่โตไปทำไม?"
ก่อนที่นางจะเข้าไปดึงตัวลูกชาย หลี่เหล่าเออร์ก็เข้ามาขวางไว้ ไม่ยอมให้นางทำอะไรได้อีก...
“เจียอี้จะไปเป็นผู้คุ้มกันกับเจ้าสี่ เจ้าอย่าได้ยุ่งเกี่ยวอะไรอีก”
“อะไรนะ? เขาจะไปด้วยหรือ?” อู๋ชุ่ยฮวาเบิกตากว้างก่อนจะตะโกนเสียงดังด้วยความร้อนรน
“ช่างไร้ยางอายจริง ๆ! ยังเด็กขนาดนี้ก็คิดจะไล่ลูกข้าไปหาเงินแล้ว! นี่หมายความว่าจะส่งเขาไปตายหรืออย่างไร? ไม่มีทาง! ข้าไม่ยอมเด็ดขาด!”
“หุบปากเสีย!” หลี่เหล่าเออร์หน้าแดงด้วยความโกรธก่อนจะเอามือปิดปากอู๋ชุ่ยฮวาไว้
ทุกคนในตระกูลหลี่รู้สึกอับอาย โดยเฉพาะเถาหงอิง หลี่เหล่าซือเพิ่งจะออกเดินทางไปแท้ ๆ แต่อู๋ชุ่ยฮวาก็พูดจาไม่ดีออกมาเสียแล้ว
“เพ้ย! หากเจ้าพูดอะไรเหลวไหลอีก ข้าจะเย็บปากเจ้าเสีย! หากเจ้าไม่กลับบ้าน เจ้าจะเจอดีแน่!” ย่าหลี่ดุด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
นางโกรธจนต้องอุ้มเจียอินหันหลังเดินกลับบ้าน ส่วนหลี่เหล่าซือรีบก้าวเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ไม่ทันไรก็หายไปจากสายตาแล้ว
ท้ายที่สุด อู๋ชุ่ยฮวาก็นั่งทำท่าทางน่าสงสารอยู่ที่ปากหมู่บ้าน แต่ไม่มีใครสนใจนางเลยแม้แต่น้อย...
เวลาผ่านไปสามถึงสี่วันโดยไม่ทันรู้ตัว วันครบร้อยวันของหลี่เจียอินก็มาถึง
ในยามนี้ ฤดูหนาวเพิ่งเริ่มต้น ลมหนาวกัดผิวหน้าจนเจ็บ แม้แต่เจียอินที่ร่าเริงที่สุดยังต้องนั่งอยู่บนคังแทนที่จะอ้อนออกไปเล่นข้างนอก
ทว่า หลี่เจียเหรินซึ่งเรียนหนังสืออยู่ในตัวอำเภอ กลับฝ่าหิมะและลมหนาวกลับบ้าน ร่างกายของเขาเย็นจนชา
เมื่อเข้ามาถึงห้องทางทิศตะวันออก เขาโค้งคำนับย่าหลี่อย่างเรียบร้อยก่อนจะยืนอยู่ห่าง ๆ และยิ้มมองดูน้องสาวของเขา
เจียอินกำลังพยายามพลิกตัวอย่างหนัก ใบหน้าแดงเพราะเกร็งตัว แต่ทันทีที่นางทำสำเร็จ ก็พบว่ามีตุ๊กตาผ้าสวยงามปรากฏอยู่ตรงหน้า
เจียอินยื่นมือเล็ก ๆ ไปคว้าตุ๊กตาด้วยรอยยิ้ม แสดงให้เห็นเหงือกสีชมพูอ่อน ก่อนจะจับตุ๊กตาแกว่งไปมาอย่างมีความสุขให้พี่ชายดู
“ย่า นี่เป็นของขวัญวันครบร้อยวันที่ข้าเตรียมให้เจียอิน มันไม่ได้มีค่าอะไรหรอก”
ย่าหลี่ยิ้มก่อนจะดึงหลานชายขึ้นมานั่งบนคัง “ตราบใดที่เจ้ามีน้องอยู่ในใจ ของอะไรก็มีค่า ถ้าน้องชอบ”
นางพูดพลางหยิกแก้มอ้วนของหลานสาวอย่างเอ็นดู ก่อนจะอุ้มเจียอินส่งให้หลานชายอุ้ม
“อุ้มน้องสาวสิ รับโชคดีจากเจ้าตัวน้อยผู้นำโชคของเราไป!”
เจียเหรินกลัวว่าความเย็นจากตัวเขาจะทำให้น้องสาวหนาว จึงต้องยกตัวน้องขึ้นอย่างระมัดระวัง
เจียอินชอบการถูกยกขึ้นสูงมาก นางหัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนาน
แต่พอเงยหน้ามอง ก็สังเกตเห็นว่าเท้าของพี่ชายกลายเป็นสีม่วงเพราะความหนาวเย็น นางรู้สึกปวดใจอย่างที่สุด
น่าสงสารนัก!
โลกนี้ไม่มีถุงเท้าฝ้ายอุ่น ๆ หรือรองเท้าบูตกันหิมะมากพอ รองเท้าฝ้ายของพี่ชายเพิ่งตัดเย็บใหม่ แต่ไม่มีถุงเท้าสวมอยู่ข้างใน
จะไม่หนาวได้อย่างไร ในเมื่อทั้งวันต้องนั่งเรียนในห้องเย็นและพึ่งพาแค่เตาถ่านเพื่อความอบอุ่น?
เจียอินคิดอย่างหนัก นางต้องหาวิธีให้พี่ชายอบอุ่นขึ้น
ย่าหลี่ถามไถ่หลานชายถึงเรื่องปัจจัยการดำรงชีวิตในสำนักศึกษา ในขณะเดียวกันเจียอินก็สำรวจในมิติสวนของนาง แล้วพบว่ามีขวดน้ำร้อนยางอยู่สองขวด
แต่ขวดน้ำร้อนเป็นของจากโลกปัจจุบัน การนำออกมาใช้อาจมีความเสี่ยง
หลังจากครอบครัวทานอาหารเย็นเสร็จ ทุกคนก็แยกย้ายกันกลับเข้าบ้าน
เจียอินอยู่กับย่าหลี่ เมื่อสบโอกาส นางจึงแอบนำขวดน้ำร้อนออกมาจากมิติ วางไว้ข้างหมอนของย่า
เมื่อย่าหลี่เห็นขวดน้ำร้อนปรากฏขึ้นอย่างไม่มีที่มา นางถึงกับตกใจจนเงียบไปนาน
เจียอินเริ่มกระวนกระวาย นางชี้ไปที่ขวดน้ำร้อนและส่งเสียงอ้อแอ้เหมือนพยายามอธิบาย
ในที่สุด ย่าหลี่ก็ได้สติกลับมา นางลูบอกตัวเองเพื่อสงบใจ ก่อนจะถามหลานสาวด้วยเสียงแผ่วเบา
“ฟู่หนิวเออร์... เจ้าให้สิ่งนี้แก่ครอบครัวของเราหรือ?”