บทที่ 36 จำได้แต่กิน ลืมการทะเลาะ
หลี่เหล่าเออร์โกรธมากจนต้องลากสะใภ้รองกลับไปที่เรือนของตนเอง พลางพูดอย่างเหลืออด
"ถ้าเจ้าไม่รู้จะพูดอะไร ก็เงียบเสีย! คนในครอบครัวมีน้ำใจให้ แต่กลับผิดเพี้ยนกลายเป็นคำพูดร้ายจากปากของเจ้า!"
อู๋ชุ่ยฮวาเพียงอิจฉาในชั่วขณะหนึ่ง พอตั้งสติได้ก็ตื่นตระหนก แต่ก็สายเกินไปแล้ว หลี่เหล่าเออร์ที่โกรธจัดปิดประตูเสียงดังลั่น เพื่อไม่ให้คนในบ้านได้ยินเสียงด่าอันดุเดือดและก็รู้สึกอับอาย โดยเฉพาะเจียอี้ที่เริ่มโตเป็นหนุ่มแล้ว หากต้องเห็นแม่ของตนถูกต่อว่าเช่นนี้ คงทำให้เขาลำบากใจไม่น้อย
อู๋ชุ่ยฮวาในที่สุดก็ยอมสงบลงหลังจากถูกหลี่เหล่าเออร์ดุไปหลายคำ แน่นอนว่านี่เป็นเพียงเรื่องชั่วคราว เพราะหลังจากผ่านไปหลายปี นางก็ยังคง "จำได้แต่กิน ลืมการทะเลาะ" และไม่สามารถเปลี่ยนนิสัยเสียได้
หลี่เหล่าเออร์คิดเรื่องนี้อยู่ในใจหลายวัน จนคืนหนึ่ง เขาเข้าไปพูดคุยกับแม่ของตน
"แม่ ข้าอยากจะเข้าเมืองไปหางานทำ"
ย่าหลี่ได้ยินก็ประหลาดใจเล็กน้อย แต่พอนึกดูแล้วก็ไม่ขัดข้อง
"ก็จริงอยู่ ลูกเคยทำงานเป็นเสมียนอยู่ในบ้านเกิด ถ้าไม่ต้องอพยพมาหนีภัยแล้ง ตอนนี้ก็คงมีงานดี ๆ ทำอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ครอบครัวเพิ่งตั้งตัว แม่ยังไม่ค่อยสบายใจ ถ้าจะไปก็รอให้ผ่านปีใหม่ไปก่อน พออากาศอบอุ่นขึ้น ทุกอย่างมั่นคงแล้วค่อยไปก็ยังไม่สาย"
หลี่เหล่าเออร์รู้สึกซึ้งใจจนพูดไม่ออก หลังจากพ่อเสียไป ครอบครัวก็ลำบากมาก แม่ต้องดูแลทุกอย่างด้วยตัวเอง เขาจึงไม่อยากเพิ่มความกังวลให้แม่อีก
"ก็ได้ แม่ ข้าจะรอไปดูช่วงฤดูใบไม้ผลิ"
เรื่องนี้จึงถูกเลื่อนออกไป และฤดูหนาวก็เริ่มต้นขึ้นในพริบตา คืนหนึ่งหิมะแรกตกลงมาเงียบ ๆ ทั่วทั้งหมู่บ้านปกคลุมไปด้วยหิมะบาง ๆ บางจุดยังมองเห็นพื้นดินดำ ๆ โผล่ขึ้นมา
เด็ก ๆ ในหมู่บ้านดีใจกันยกใหญ่ วิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน เจียอันและเจียซีก็ไม่พลาดที่จะออกไปสนุกด้วย เจียอินมองดูพี่ ๆ ด้วยความอยากร่วมสนุก แต่ทำได้เพียงนอนกัดนิ้วเท้าอยู่บนเตียง
"ข้าอยากโตไว ๆ โตไว ๆ ฮืออ!"
เมื่อหิมะตก หลี่เหล่าซือขึ้นเขาบ่อยขึ้น หวังจะล่าสัตว์ใหญ่เพื่อเอาหนังมาทำเสื้อคลุมกันหนาวให้ลูกสาวและหลานชาย แต่หลังจากเดินสำรวจทั่วทั้งภูเขา ก็ยังไม่พบสัตว์ใหญ่เลย ได้แต่จับกระต่ายมาเพียงหนึ่งสองตัว หนังที่ได้ก็แค่พอทำเสื้อคลุมเล็ก ๆ ให้เจียอินเท่านั้น
หลายวันมานี้หลี่เหล่าซือดูหมดกำลังใจ ย่าหลี่เห็นแล้วก็สงสารลูกชาย จึงบอกให้เขาออกไปผ่อนคลาย
"เหล่าซือ ไม่ต้องขึ้นเขาแล้ว สองสามวันนี้ออกไปเดินในเมืองเสียที ซื้อหมูสักหน่อยแล้วก็เอากระดูกใหญ่ ๆ มาทำเกี๊ยวกับซุปต้มกินที่บ้านกันหลายวัน"
ยังไม่ทันที่หลี่เหล่าซือจะตอบ เจียอี้ก็กระโดดขึ้นมาพูดอย่างตื่นเต้น
"ย่า ย่า! ข้าอยากเข้าเมืองกับอาสี่ด้วย!"
ปกติเด็กคนนี้ชอบติดตามเจียเหริน แต่พอเจียเหรินไปเรียนที่สำนัก เจียฮวนก็อยู่แต่ในครัว ส่วนเจียซีและเจียอันก็ไม่ค่อยเล่นอะไรสนุก ๆ เขาจึงรู้สึกเหงา
ย่าหลี่เห็นดังนั้นและไม่มีงานเร่งอะไรในบ้าน จึงพยักหน้าอย่างง่ายดาย
"ได้สิ ไปกับอาสี่ของเจ้าก็แล้วกัน"
หลี่เหล่าซือคิดถึงหลิวเปียวโถวอยู่แล้ว เขาจึงหยิบกระต่ายรมควันตัวหนึ่งและไก่ป่าตัวหนึ่งจากโกดัง พอเข้าเมือง เขาก็พาเจียอี้ไปที่สำนักงานของหลิวเปียวโถวทันที
"โอ้ น้องชาย! เมื่อครู่นี้ข้ายังพูดถึงเจ้ากับคนอื่นอยู่เลย แล้วเจ้าก็โผล่มาพอดี!"
เมื่อหลิวเปียวโถวเห็นหลี่เหล่าซือก็ยิ้มกว้าง ดึงแขนเขาเข้าไปในบ้าน
"มาสิ ไปบ้านข้า เดี๋ยวบอกให้พี่สะใภ้เจ้าเตรียมอาหารดี ๆ ไว้ พวกเราจะดื่มกันหน่อย!"
หลิวเปียวโถวเป็นชายรูปร่างสูงใหญ่ แต่ภรรยาที่เขาแต่งด้วยกลับตัวเล็กอ่อนโยน ดูงดงามประณีตเหมือนหญิงชาวเจียงหนาน...
"พี่สะใภ้ ขอโทษที่มารบกวนท่านแล้ว" หลี่เหล่าซือยกมือคาราวะภรรยาของหลิวเปียวโถวด้วยท่าทางเกรงใจ "น้องชาย เชิญนั่งเลย ข้าได้ยินท่านพี่พูดถึงท่านบ่อยๆ วันนี้ได้พบกันเสียที คิดเสียว่าบ้านนี้เหมือนบ้านของท่านาเอง ไม่ต้องเกรงใจ"
ภรรยาของหลิวเปียวโถวชงน้ำชาให้หลี่เหล่าซือ พร้อมกับเรียกลูก ๆ ในบ้านออกมาเล่นเป็นเพื่อนเจียอี้ ขณะที่หลี่เหล่าซือกับหลิวเปียวโถวนั่งจิบน้ำชาในห้องโถงใหญ่ พลางพูดคุยเรื่องเล็กน้อยในบ้าน เสียงหัวเราะจากลานหน้าบ้านดังเข้ามาเป็นระยะ ทำให้ทั้งสองต้องชะโงกหน้าดู
ปรากฏว่าเป็นเจียอี้กับเด็กชายตัวอ้วนในบ้านของหลิวเปียวโถวที่กำลังต่อสู้กันอยู่ เด็กทั้งสองอายุไล่เลี่ยกัน แม้เด็กชายของหลิวเปียวโถวจะฝึกวรยุทธ์มาตั้งแต่เด็กและมีกำลังแข็งแรงตามธรรมชาติ แต่เจียอี้ก็สู้ไม่ถอย ทั้งสองสูสีกันจนไม่มีใครชนะ
หลิวเปียวโถวเห็นเจียอี้เล่นเพียงไม่กี่กระบวนท่า ก็เรียนรู้และประยุกต์ใช้ท่วงท่าของอีกฝ่ายได้อย่างคล่องแคล่ว จึงยิ้มชื่นชม
"เด็กคนนี้ไม่ธรรมดา ถ้าครอบครัวเจ้าไว้ใจ ส่งเขามาฝึกวิชากับข้าแค่สองปี รับรองว่าจะได้วรยุทธ์ดี ๆ ไปใช้หาเงินเลี้ยงครอบครัว หรือแม้แต่เข้าสอบวรยุทธ์ในอนาคต ก็ย่อมไม่ยากที่จะก้าวหน้า!"
หลี่เหล่าซือรักหลานชายคนนี้มาก เพราะเจียอี้มีพรสวรรค์เหมือนกับเขา และรู้ว่าเจียอี้ชอบฝึกวรยุทธ์จนยากที่จะกักตัวไว้ในบ้าน แต่เพราะเจียอี้เป็นลูกของพี่ชาย เขาจึงไม่อาจตัดสินใจเองได้
"ข้ายินดีส่งเขามาฝึกกับพี่หลิวอยู่แล้ว แต่เขาเป็นลูกของพี่รอง ข้าต้องกลับไปปรึกษากับพี่ชายและพี่สะใภ้ก่อน หากพวกเขาเห็นด้วย ข้าจะส่งเขามาแน่นอน"
คำพูดของเขาทำให้หลิวเปียวโถวยิ่งพอใจ
"ไม่ต้องห่วง หากเด็กคนนี้อยู่ในมือข้า เจ้าจะไม่มีวันผิดหวังแน่นอน!"
ระหว่างที่พี่น้องทั้งสองคุยกัน ภรรยาของหลิวเปียวโถวก็เดินเข้ามาพร้อมอาหาร
"อาหารพร้อมแล้ว พวกเจ้าดื่มไปก่อน ข้าจะไปเรียกเด็ก ๆ มากินในครัว"
"แม่! ข้าจะกินเนื้อ!" เด็กชายตัวอ้วนของหลิวเปียวโถวที่เกือบแพ้เจียอี้ รีบตะโกนขอกินเนื้อพลางอาศัยจังหวะนี้ยุติการต่อสู้ ทำให้ทุกคนหัวเราะ
หลี่เหล่าซือยิ้ม ลูบไหล่เจียอี้ด้วยความภูมิใจ
ที่โต๊ะอาหาร หลี่เหล่าซือกับหลิวเปียวโถวดื่มเหล้าพูดคุยอย่างออกรส อาหารกับแกล้มที่จัดมานั้นก็ช่างล้ำเลิศ ทั้งสองดื่มกันไปจนเริ่มเมาเล็กน้อย
หลังจากดื่มไปสามรอบ หลี่เหล่าซือที่เริ่มมึนเมาก็พรั่งพรูความในใจให้หลิวเปียวโถวฟัง เขาอยากมอบชีวิตที่ดีที่สุดให้ลูกสาว แต่กลับล่าสัตว์ใหญ่ไม่ได้เลย
หลิวเปียวโถวได้ยินดังนั้นจึงวางจอกเหล้าลงเสียงดัง
"เจ้าน้องชายซื่อบื้อ มีเรื่องอะไรบ้างที่เงินแก้ไม่ได้?"
เขาโน้มตัวเข้าไปใกล้หลี่เหล่าซือและกระซิบว่า
"ข้ากำลังจะออกเดินทางไปทางใต้ งานนี้ไม่ลำบากนักเพราะทางใต้นั้นอากาศไม่หนาวเกินไป แถมค่าจ้างก็สูง"
พูดจบก็เห็นสายตาหลี่เหล่าซือเป็นประกาย
"ใช้เวลาเดินทางไปกลับราวหนึ่งเดือน คนหนึ่งจะได้ค่าจ้างถึงสิบตำลึงเงิน!"
"มากถึงเพียงนี้!" หลี่เหล่าซือที่เมามายกลับได้ยินตัวเลขนี้ ก็ตกตะลึงจนเกือยสร่างเมา
"ใช่แล้ว! เป็นงานดี ๆ แถมได้เงินมากมาย หากวันนี้เจ้าไม่มาหาข้า ข้าก็คิดจะไปชวนเจ้าถึงบ้านอยู่เหมือนกัน!" หลิวเปียวโถวพูดด้วยความภาคภูมิใจ
"เขายังชื่นชมชื่อเสียงของสำนักงานเรา ดังนั้น งานนี้เจ้าไปกับข้าเถอะ หาเงินสักก้อน ช่วยให้ครอบครัวของเจ้าได้อยู่กันอย่างสุขสบายในปีใหม่นี้"
หลี่เหล่าซือถือจอกเหล้าอยู่ในมืออยู่นานก่อนจะดื่มจนหมด เขาเลียริมฝีปากแห้งผาก แล้วพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
"ตกลง! พี่หลิว ข้าจะกลับไปบอกครอบครัว แล้วข้าจะไปกับท่าน!"
"ฮ่า ๆ ดีมาก น้องชาย ข้ารอเจ้าอยู่ตั้งนานแล้ว!"
หลิวเปียวโถวหัวเราะอย่างมีความสุข เมื่อได้ผู้ช่วยคนสำคัญมาร่วมทางสมใจ