บทที่ 32 พวกเรามีเรื่องจะคุยด้วยหน่อย!
บทที่ 32 พวกเรามีเรื่องจะคุยด้วยหน่อย!
"จิ่วซือ มันระเบิดแล้ว! หมู่บ้านของเรามันระเบิดแล้ว!"
"ห๊ะ อะไรระเบิด?!" เฉินจิ่วซือรีบหันกลับไป
"ชื่อเสียง! ชื่อเสียงของเราดังระเบิดแล้ว! ไม่รู้ว่าใครมาถ่ายฉากที่พวกเรากำลังจ่ายเงินแล้วเอาไปโพสต์! ตอนนี้มันมีคนดูเยอะมาก มันขึ้นไปติดอันดับคำค้นหายอดนิยมของ TikTok แล้ว ที่แพลตฟอร์มอื่นๆ ก็เริ่มที่จะมีการพูดถึงแล้วด้วย ฉันคิดว่าวันนี้พวกเราอาจจะมีโอกาสขึ้นไปติดอันดับคำค้นหายอดนิยมของที่อื่นๆ อีก หมู่บ้านของพวกเราดังแล้ว!"
เฉินจิ่วซือชะงักไปเล็กน้อย
แต่ในไม่ช้าเขาก็ตอบสนองได้
เมื่อก่อนก็เคยมีเรื่องราวคล้ายๆ แบบนี้เกิดขึ้นในอินเทอร์เน็ตไม่น้อย
หมู่บ้านที่มีการทำอุตสาหกรรมบางแห่ง เมื่อแจกเงิน ก็มักจะติดอันดับคำค้นหายอดนิยม
แต่เขาไม่คิดว่าเรื่องของวันนี้จะถูกนำไปเผยแพร่ในอินเทอร์เน็ต
อีกอย่าง พวกเขาไม่ได้แจกเงินนะ! พวกเขาแค่ทำธุรกรรมตามปกติเท่านั้น!
สิ่งเหล่านี้เป็นผลมาจากการทำงานอย่างหนักของชาวบ้านเองทั้งสิ้น!
แต่ในอนาคต เมื่อบริษัทหยุนซีโวลเคโนเริ่มบินได้ บางทีก็อาจจะมีการแจกเงินจริงๆ ก็ได้ แต่นั่นก็จะเป็นเรื่องของอนาคตอีกยาวไกล
"เธอรีบเข้าไปอธิบายเลย บอกไปว่าพวกเราได้รับเงินจากการขายกล้วยไม้สกุลหวาย อย่าให้คนเข้าใจผิด"
"..หือ แค่นี้เหรอ" ฝูจือหยินงงไปนิดหน่อย
เธอนึกว่าเฉินจิ่วซือกำลังคิดว่าจะใช้ประโยชน์จากความนิยมนี้ยังไง แต่ไม่คิดว่าเขาจะให้เธอทำเพียงแค่ชี้แจงเท่านั้น
"ก็แค่นี้น่ะสิ หรือว่าเธออยากจะทำอะไรอีกล่ะ" เฉินจิ่วซือพยักหน้า "สิ่งเหล่านี้เป็นผลมาจากความพยายามของพวกเรา ถ้าถูกคนเข้าใจผิดว่าเป็นของฟรีแล้วล่ะก็ ถ้าพวกชาวบ้านของเราเห็นเข้าก็คงจะต้องรู้สึกไม่ดีแน่ๆ"
"ฉันหมายถึง นี่มันเป็นกระแสที่มาแรงมากๆ เลยนะ นายไม่คิดจะใช้ประโยชน์จากมันหน่อยเหรอ ให้มันช่วยเพิ่มชื่อเสียง หรือช่วยประชาสัมพันธ์กระถางหินภูเขาไฟอะไรแบบนี้ไง มันน่าจะมีประโยชน์มากเลยนะ"
"ไม่จำเป็น ไม่มีความหมายด้วย"
เฉินจิ่วซือรู้สึกว่าถ้าใช้ประโยชน์จากกระแสนี้ มันก็อาจจะถูกผลักดันกลับได้ง่ายๆ
อย่าไปคิดถึงมันเลยจะดีกว่า
แต่การได้ออกไปปรากฏตัวสักหน่อย แสดงให้เห็นว่ามีตัวตนก็ถือว่าไม่เลว
กระแสในอินเทอร์เน็ตยังคงดำเนินต่อไป
หลังจากที่ได้เห็นคลิปชี้แจงของเฉินจิ่วซือแล้ว หลายคนก็แน่ใจแล้วว่าเหตุการณ์แจกเงินนั้นเกิดในหมู่บ้านหยุนซีจริงๆ!
และความสนใจก็เพิ่มขึ้นในทันที
หลังจากที่หลายๆ บัญชีการตลาดได้รับข่าว พวกเขาก็เริ่มที่จะเขียนข่าวเพื่อเกาะกระแสกันอย่างหนัก
มีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับหมู่บ้านหยุนซีอยู่ทุกที่
และในเวลาประมาณ 2 ทุ่ม เรื่องนี้ก็แทบจะครอบคลุมอันดับคำค้นหายอดนิยมในทุกแพลตฟอร์ม
จำนวนผู้ติดตามของเฉินจิ่วซือก็เริ่มเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
ในตอนนี้ หมู่บ้านหยุนซีก็ได้ปรากฏตัวต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกแล้ว
ประติมากรรมกล้วยไม้สกุลหวายหินภูเขาไฟเองก็ถูกกล่าวถึงเล็กน้อย
ในช่วงเวลาหลายวันต่อมา ความนิยมของเฉินจิ่วซือแทบจะไม่ได้ลดลงเลย
จำนวนผู้ติดตามของเขาทะลุ 3 ล้านคนไปแล้ว
ในแพลตฟอร์มอื่นๆ ก็เริ่มที่จะมีคนให้ความสนใจมากขึ้น
เมื่อรวมกันทั้งหมด จำนวนผู้ติดตามของเขาก็อยู่ที่ประมาณ 4 ล้านคน
ก็ไม่รู้ว่ามีคนติดตามจากหลายแพลตฟอร์มซ้ำกันอยู่เท่าไหร่
แต่ความสนใจของเฉินจิ่วซือตั้งแต่ต้นจนจบนั้นก็ไม่ได้อยู่ที่เรื่องในอินเทอร์เน็ตแต่อย่างใด
หลังจากที่ได้เงินมาแล้ว เขาก็เริ่มที่จะรับสมัครคน ติดต่อผู้ผลิต เริ่มที่จะเตรียมสร้างโรงงานแปรรูปกล้วยไม้สกุลหวายในทันที และพร้อมกันนั้น เขาก็เริ่มที่จะส่งคนไปเคลียร์เขาวงกตถ้ำจากทางถ้ำวูหลง 'ถ้ำมังกรหลับ'
น้ำตกลาวา เขาวงกตถ้ำ สวนพฤกษศาสตร์หินภูเขาไฟ รวมถึงบันได ถนน ร้านอาหาร และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมาจะถูกรวมกันเป็นสวนภูเขาไฟ
ในส่วนของน้ำตกลาวา สิ่งที่ต้องทำก็คือการเปลี่ยนแปลงภูมิประเทศบางส่วน ซึ่งเป็นสิ่งที่ง่ายที่สุด แต่ก็เป็นการลงทุนที่มากที่สุดด้วยเช่นกัน
ส่วนเขาวงกตถ้ำ สิ่งที่ต้องทำก็แค่ทำความสะอาดถ้ำทั้ง 72 ถ้ำ ปรับทางให้เรียบให้ได้มากที่สุด ติดตั้งไฟ ราวกันตก และสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นอื่นๆ ซึ่งจะเป็นโครงการที่ใช้งบประมาณน้อยที่สุด
สำหรับในส่วนของสวนพฤกษศาสตร์หินภูเขาไฟนั้นเป็นโครงการที่ซับซ้อนที่สุดในบรรดาทั้งหมด
ในแผนการ เขาต้องปลูกพืชกว่า 1,200 ชนิด ซึ่งครอบคลุมถึงพืชจากป่าฝนเขตร้อน ป่าดิบชื้นกึ่งเขตร้อน พุ่มไม้และหญ้าที่ขึ้นในบริเวณที่มีต้นไม้กระจัดกระจาย พุ่มไม้และหญ้าที่ขึ้นตามโขดหิน รวมถึงพืชเศรษฐกิจเขตร้อนต่างๆ
กล้วยไม้สกุลหวาย กระบองเพชร องุ่น ลิ้นจี่ ทุเรียน ขนุน กล้วย มะพร้าว และผลไม้อื่นๆ ก็รวมอยู่ในนั้นทั้งหมด
ที่น่าตกใจกว่านั้นก็คือ มันมีพืชที่ได้รับการคุ้มครองระดับ 1-2 อีกมากมาย เช่น ยางน่อง ไทรใบขน หว้า ต้นมะค่าโมง และชิงชัน
แต่โชคดีที่เมล็ดพันธุ์ทั้งหมดนั้นมีให้ในภารกิจแล้ว สิ่งที่ต้องทำก็แค่ทำตามแผนที่วางไว้ จัดการและปลูกพวกมัน เขาก็จะสามารถทำภารกิจได้สำเร็จ แต่ถึงอย่างนั้น นี่ก็เป็นโครงการที่ซับซ้อนและยากที่สุด
มันเป็นส่วนที่ยากที่สุดในบรรดาส่วนประกอบทั้งหมดของสวนภูเขาไฟ
หลังจากที่คิดอย่างรอบคอบแล้ว เฉินจิ่วซือก็ตัดสินใจที่จะพัฒนาในส่วนของเขาวงกตถ้ำก่อน และถ้ายังพอมีแรงเหลือ เขาก็จะเริ่มปรับสภาพแวดล้อมของบริเวณน้ำตกลาวาต่อ
เมื่อทำสองสิ่งนี้เสร็จแล้ว ก็ค่อยไปวางแผนสร้างสวนพฤกษศาสตร์หินภูเขาไฟและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
เมื่อทำแบบนี้ การดำเนินงานก็จะไม่ขัดกัน
พูดตามตรง การที่จะทำอะไรมากมายขนาดนี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อน เฉินจิ่วซือคงจะยากที่จะชักชวนคณะกรรมการหมู่บ้านให้ร่วมมือได้
แต่ในวันนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว
ชาวบ้านสองร้อยกว่าครอบครัวต่างก็ได้เงินไปกว่าหมื่นหยวน หรือหลายแสนหยวนจากเฉินจิ่วซือ
ในอนาคต รายได้ที่เพิ่มขึ้นในแต่ละเดือนก็จะอยู่ที่หลายหมื่น หรือหลายแสน
ภายใต้แรงกระตุ้นนี้ ชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของเฉินจิ่วซือก็สูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
พวกเขาเกือบทั้งหมดเชื่อว่าสิ่งที่เฉินจิ่วซือทำนั้นมีเหตุผลแน่นอน
พวกเขารู้สึกว่าเฉินจิ่วซือมีวิสัยทัศน์
ไม่อย่างนั้น ก็คงจะไม่มีกล้วยไม้สกุลหวายมูลค่า 50 ล้านหยวนในวันนั้น
และภายใต้อารมณ์ความรู้สึกแบบนี้ของเหล่าชาวบ้าน โครงการเขาวงกตถ้ำก็สำเร็จลุล่วงไปได้ โดยไม่มีอุปสรรคใดๆ
แถมยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่แสดงความจำนงจะทำงานให้ฟรีโดยไม่ต้องการเงิน
แน่นอน.. เฉินจิ่วซือปฏิเสธ
นี่เป็นงานที่ต้องใช้แรงกายอย่างหนัก แถมยังต้องทำต่อไปอีกระยะหนึ่ง การที่จะทำด้วยใจอย่างเดียวมันเป็นไปได้ยากแน่ๆ
ยิ่งไปกว่านั้น แรงงานในหมู่บ้านก็มีไม่พออยู่แล้ว หลังจากที่โครงการเริ่มเป็นรูปเป็นร่างได้ไม่นาน เฉินจิ่วซือก็เริ่มที่จะจ้างคนจากหมู่บ้านรอบๆ เข้ามาเพิ่ม
ในหมู่บ้านหยุนซีนั้นมีเพียง 300 กว่าครอบครัว มีคนไม่ถึง 2,000 คน เมื่อหักคนที่ดูแลกล้วยไม้สกุลหวายกับคนที่ออกทะเลไปแล้ว แรงงานที่เหลือก็ไม่พอที่จะดูแลทั้งการสร้างโรงงานแปรรูปกล้วยไม้สกุลหวายและการสร้างเขาวงกตถ้ำไปพร้อมๆ กัน
แต่โชคดีที่บนเกาะมีคนอยู่เกือบ 40,000 ชีวิต และทุกคนต่างก็ใช้ชีวิตแบบดั้งเดิม ทำให้หลายคนนั้นมีเวลาว่าง
ดังนั้นการหาจ้างแรงงานของเฉินจิ่วซือก็เลยค่อนข้างสะดวก
ทุกคนอยากที่จะได้งานที่ได้รายได้ที่ไม่เลวแบบนี้
..และแล้ว เวลาวันแล้ววันเล่าก็ผ่านพ้นไป..
หมู่บ้านหยุนซีนั้นก็เจริญขึ้นเรื่อยๆ
และประมาณครึ่งเดือนต่อมา
ในตอนเช้าตรู่ ประตูบ้านของเฉินจิ่วซือก็ถูกเคาะ
"ผู้ใหญ่บ้านเซี่ยง คุณมาได้ยังไงครับเนี่ย"
เฉินจิ่วซือมองไปที่ชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยความสงสัย
เซี่ยงหมิงหลาง ผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านหยุนเฟิงที่อยู่ข้างๆ
ก็ถือว่ารู้จักกันพอสมควร
อยู่ห่างกันไม่ถึงสามกิโลเมตร เงยหน้าก็เห็น ก้มหน้าก็เจอ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำที่ใช้ในชีวิตประจำวันก็มาจากที่เดียวกัน
ด้วยเหตุนี้ เขาถึงได้สงสัยว่าทำไมอีกฝ่ายถึงได้มาที่บ้านของเขาตั้งแต่เช้า
แถมยังพาคนมาด้วย
ดูเหมือนว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ของหมู่บ้านหยุนเฟิงทั้งหมด
ถ้าไม่ได้ดูสีหน้าของอีกฝ่ายดีๆ เขาคงจะสงสัยว่าอีกฝ่ายมาหาเรื่องเข้าแล้ว
"ผู้ใหญ่บ้านเฉิน พวกเรามาในครั้งนี้ก็มีเรื่องอยากจะพูดอยู่"
เซี่ยงหมิงหลางสูดหายใจเข้าลึกๆ เหมือนกำลังตัดสินใจ "คือพวกเราอยากจะรวมเข้ากับหมู่บ้านหยุนซี ไม่รู้ว่าคุณมีความเห็นยังไงบ้าง.."