บทที่ 279 อันตรายของตระกูลศักดิ์สิทธิ์
โลกเบื้องบน เกิดอะไรขึ้นกันแน่
เขาคิดในใจ ก่อนจะยิ้มพลางส่ายหัวอย่างไม่ใส่ใจ "ช่างมันสิ! จะเกิดอะไรขึ้นบนโลกเบื้องบนก็ไม่เกี่ยวกับข้าอยู่ดี! ข้าออกไปไม่ได้ มันไม่สำคัญอะไรกับข้าเลย!"
ส่วนการที่เขาซ่อนตัวของจินเป่าเอ๋อนั้น เป็นเพียงเพราะเขาไม่อยากให้จินเป่าเอ๋อต้องเจอกับพระที่ไร้ซึ่งความปรารถนาพวกนี้เท่านั้นเอง
ในขณะนั้น จินเป่าเอ๋อได้ลอบเข้าไปในตระกูลฝานหยินแล้วโดยที่ไม่ได้ดึงดูดความสนใจจากคนอื่น นางเพียงแอบเข้ามาเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็น
เมื่อนางเข้ามาในศาลาแห่งหนึ่ง ฝานหยินอิงเสวี่ยที่อยู่ข้างในก็สัมผัสได้ทันที! ความเยือกเย็นวาบผ่านแววตา
จินเป่าเอ๋อก้าวลงมาโดยไม่แสดงท่าทีใดๆ...
“ท่านอาวุโส!”
เสียงเย็นชาอันคุ้นเคยดังขึ้น ทำให้อิงเสวี่ยเปิดประตูออก ความเยือกเย็นในแววตาค่อยๆสลายไป เมื่อนางเตรียมจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สายตากลับจับจ้องที่ระดับพลังของอีกฝ่าย และในดวงตาก็พลันปรากฏแววตกตะลึง!
“เจ้าทะลุระดับขึ้นมาแล้วอย่างนั้นหรือ!”
เพียงแค่ผ่านไปสองเดือนกว่า ตอนที่เจอกันครั้งก่อน จินเป่าเอ๋อยังอยู่ในระดับกลางของขั้นหลุดพ้นอยู่เลย
แต่ตอนนี้นางทะลุไปถึงระดับเซียนแห่งสวรรค์! แถมยังข้ามไปถึงสามขั้น!
พรสวรรค์และความเร็วเช่นนี้ ทำให้อิงเสวี่ยอดรู้สึกอิจฉาไม่ได้ ใบหน้าของนางเริ่มแสดงความรู้สึกที่ซับซ้อน...
ต้องรู้ไว้ว่าตั้งแต่จินเป่าเอ๋อทะยานสู่โลกเบื้องบน ก็เพียงสามถึงสี่เดือนเท่านั้นเอง!
แต่เมื่อนึกถึงข่าวที่ได้ยินเมื่อสองวันก่อน นางก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย อันดับหนึ่งในรายชื่อเทพ! เป็นดาวรุ่งที่แข็งแกร่งที่สุด! ไม่มีใครเทียบได้...
จินเป่าเอ๋อพยักหน้า นางเองก็รู้ว่าความเร็วของนางน่ากลัว แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ทุ่มเทอะไรเลย นางใช้เวลาถึงสองเดือนเต็มในสนามรบเซียนมาร ต่อสู้กับพวกมังกรที่มีระดับพลังสูงกว่านางมากมาย นางจึงไม่คิดว่าระดับพลังของตัวเองตอนนี้เป็นอะไรที่น่าภูมิใจนัก ...
“ท่านอาวุโส ข้าพบสิ่งของบางอย่างที่นั่น!”
พูดจบ นางหยิบของสองชิ้นออกมา หนึ่งคือดาบยาวที่ขึ้นสนิม อีกหนึ่งคือหยกสีเขียวที่เรียบง่าย
ทันทีที่สิ่งของทั้งสองปรากฏขึ้น สีหน้าของอิงเสวี่ยก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง! ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึงและเปี่ยมไปด้วยความยึดมั่น ร่างของนางสั่นไหวเบาๆ
“ดาบขาวเคลือบ...หยกเขียว...”
“เขา! ต้องเป็นเขาแน่!”
จินเป่าเอ๋อรู้สึกเพียงสายลมวูบผ่าน มือของนางเบาขึ้นทันใด เพราะสิ่งของทั้งสองหายไปในพริบตา!
แต่นางก็ไม่ได้แสดงท่าทีใดเพิ่มเติม สำหรับสตรีที่ยึดมั่นในความรักเช่นนี้ นางยังรู้สึกชื่นชมอยู่บ้าง ยิ่งไปกว่านั้นตี้อวี้ชวนก็ถือเป็นผู้มีพระคุณของนาง ดังนั้นเรื่องที่ช่วยได้ นางก็ไม่รังเกียจที่จะทำ
“น่าเสียดายที่ข้าไม่ได้เห็นตัวเขา มีเพียงของสองสิ่งนี้เท่านั้นที่พบ!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นอิงเสวี่ยที่เพิ่งสงบสติจากความตื่นเต้นก็กดอารมณ์ของตัวเองลง ใบหน้าค่อยๆกลับสู่ความเรียบเฉย แม้มือจะจับสองสิ่งนั้นแน่นจนปลายนิ้วซีดขาว
คราวนี้ แววตาที่นางมองจินเป่าเอ๋อมีความนับถือและให้ความสำคัญมากขึ้น ริมฝีปากสั่นเล็กน้อยก่อนเอ่ยออกมา
“ข้าเข้าใจ...ขอบคุณ!”
คำพูดเรียบง่ายเพียงสองคำ แต่กลับเต็มไปด้วยความซาบซึ้งที่เก็บงำไว้อย่างลึกซึ้ง แม้จะยังไม่รู้ชะตากรรมของอีกฝ่ายเป็นตายอย่างไร แต่ก็ยืนยันได้ว่าเขาคงเข้าไปในสนามรบเซียนมารเป็นครั้งสุดท้าย ไม่เช่นนั้นคงไม่มีของสองสิ่งนี้หลงเหลือไว้
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็ยื่นดาบยาวในมือให้จินเป่าเอ๋อ แม้สายตาจะเต็มไปด้วยความเสียดาย แต่นางก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายเหมาะกับดาบเล่มนี้มากกว่านาง
จินเป่าเอ๋อมองนางด้วยความสงสัยอย่างชัดเจน แม้ไม่ได้เอ่ยปากถาม
อิงเสวี่ยแย้มยิ้มบางๆ
“ดาบขาวเคลือบนี้สร้างขึ้นจากผลึกที่หายากยิ่ง แม้ตอนนี้จะไร้ดวงวิญญาณดาบ แต่ตัวดาบเองก็ถือเป็นศาสตราเทพที่หาได้ยาก สำหรับข้าแล้วไม่มีประโยชน์ และสำหรับ...อาชวนเองก็ไม่มีประโยชน์เช่นกัน สู้มอบให้เจ้าเพื่อทำให้ดาบขาวเล่มนี้สมบูรณ์ในหน้าที่สุดท้ายของมันจะดีกว่า!”
คำพูดนี้ทำให้จินเป่าเอ๋อรู้สึกวูบไหวในใจ จะไม่ตื่นเต้นเลยก็คงเป็นไปไม่ได้ ศาสตราเทพนั้นหายากอย่างยิ่ง ในโลกเบื้องบนก็ยังมีน้อยนิด
ตอนที่นางพบดาบเล่มนี้ก็รู้แล้วว่ามันไร้ดวงวิญญาณดาบ แถมตัวดาบยังเสียหายหนัก การหล่อหลอมขึ้นใหม่แทบเป็นไปไม่ได้ แต่เพราะวัสดุที่ใช้สร้างมีความพิเศษ ดาบนี้จึงยังถือเป็นสมบัติที่ล้ำค่า
ที่สำคัญคือ! ศาสตราคู่ใจของนาง “จั่นหุน” ตอนนี้เป็นเพียงศาสตรากึ่งเทพ แม้จะทรงพลังแต่ความคมและพลังโจมตีกลับเริ่มไม่เพียงพอ
หากสามารถหลอมดาบขาวเคลือบเข้ากับมันได้ จั่นหุนจะต้องพัฒนาเป็นศาสตราเทพได้อย่างแน่นอน!
แต่...
“สำหรับท่านผู้อวุโสตี้อวี้ชวนยังไม่ทราบชะตากรรม หากวันหนึ่งเขากลับมา...”
สำหรับคนอื่น นางคงไม่ลังเลที่จะรับดาบเล่มนี้มา แต่ท่านผู้อวุโสตี้อวี้ชวนถือเป็นผู้มีพระคุณของนาง หากเขากลับมาแล้วต้องการดาบเล่มนี้คืน นางจะไปหาคืนได้จากที่ไหน
ฝานหยินอิงเสวี่ยส่ายหัวเบาๆ
“รับไปเถอะ! เขาเคยพูดไว้ว่า ศาสตราเช่นนี้มีหน้าที่ของมันเอง ไม่ใช่เพื่อจะกลายเป็นเศษเหล็กที่อยู่กับเขาและหลับใหลตลอดกาล”
หน้าที่ของมันเอง...
จินเป่าเอ๋อก้มหน้าครุ่นคิด ก่อนจะยื่นมือไปรับดาบเล่มนั้น แม้ภายนอกจะดูสนิมเกรอะกรัง แต่พลังอันร้อนแรงที่แฝงอยู่ภายในดาบกลับยังคงอยู่
“ข้าขอรับไว้ ขอบคุณ!”
อิงเสวี่ยเมื่อเห็นดังนั้นก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก มอบให้คนเช่นจินเป่าเอ๋อ นางคิดว่าไม่เป็นการทำให้ดาบขาวเคลือบต้องอับอาย วิญญาณดาบที่จากไปก็คงยินดี
“ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ข้าไม่ควรจะพูดมาก แต่...เจ้าคงรู้แล้วสินะ! อันดับหนึ่งในรายชื่อเทพ เจ้ารู้ไหมว่ามันหมายถึงอะไร”
เมื่อได้พูดถึงตรงนี้ อิงเสวี่ยก็อดไม่ได้ที่จะเผยแววความกังวลออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยเสริมขึ้นอีกประโยค
“เบื้องหลังตระกูลทั้งเจ็ด ยังมีตระกูลศักดิ์สิทธิ์!”
จินเป่าเอ๋อเงยหน้าขึ้น พร้อมกับเก็บดาบขาวเคลือบเข้าไปในพื้นที่จัดเก็บของนาง
“ตระกูลศักดิ์สิทธิ์หรือ มีอะไรผิดปกติงั้นหรือ”
พูดตามตรง ตอนนี้แม้ตระกูลทั้งเจ็ดจะเต็มไปด้วยผู้แข็งแกร่งมากมาย แต่ในเมื่อพวกนั้นไม่ได้มาสร้างความเดือดร้อนให้นาง นางก็ไม่มีเหตุผลจะไปยุ่งกับเส้นแบ่งของพวกเขาอย่างโง่เขลา!
แต่จากคำพูดของอิงเสวี่ย เหมือนกับว่าการที่นางขึ้นอันดับหนึ่งในรายชื่อเทพจะนำมาซึ่งเรื่องไม่ดีอย่างนั้นหรือ
เมื่อเห็นจินเป่าเอ๋อดูเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรเลย ฝานหยินอิงเสวี่ยถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า
นางเพิ่งทะยานสู่โลกเบื้องบนมาไม่นาน และช่วงเวลาส่วนใหญ่ก็ใช้ไปในสนามรบเซียนมาร จึงอธิบายต่อ
“เจ้าคงยังไม่รู้ ตระกูลศักดิ์สิทธิ์ให้ความสำคัญกับอันดับในรายชื่อเทพมาก! หลายปีมานี้อันดับส่วนใหญ่บนรายชื่อมักเป็นลูกหลานของตระกูลใหญ่เหล่านั้น ซึ่งมักจะมีสองชะตากรรมคือ สร้างชื่อเสียงอันยิ่งใหญ่ หรือ…หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย!”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ แววตาที่ฝานหยินอิงเสวี่ยมองจินเป่าเอ๋อก็เต็มไปด้วยความรู้สึกซับซ้อน
“อาชวนเอง ก็เคยติดอยู่ในสิบอันดับแรกเช่นกัน!”
คำพูดนี้ทำให้จินเป่าเอ๋อเบิกตากว้างทันที นางไม่ใช่คนโง่ สิ่งที่อีกฝ่ายแฝงไว้ในคำพูดชัดเจนยิ่งนัก!
ตี้อวี้ชวน ซึ่งเป็นผู้บำเพ็ญจากโลกเบื้องล่างที่ทะยานขึ้นมา มีพรสวรรค์โดดเด่นและนิสัยไม่ยอมคน แต่การไม่มีผู้สนับสนุนย่อมทำให้กลายเป็นเป้าสายตาได้ง่าย
เขายังปฏิเสธที่จะเข้าร่วมกับตระกูลทั้งเจ็ด อาจเป็นเหตุให้เกิดปัญหาบางอย่าง…
ในเมื่อเขาประสบชะตากรรมเช่นนั้น การที่นางในตอนนี้ขึ้นสู่อันดับหนึ่งในรายชื่อเทพ อีกทั้งยังเป็นผู้มาจากโลกเบื้องล่าง ไม่มีผู้สนับสนุน และไม่มีความสัมพันธ์ใดๆกับตระกูลทั้งเจ็ด ก็นับว่ามีโอกาสสูงที่จะถูกคนกลุ่มเดียวกันนั้นจับจ้องในสักวันหนึ่ง
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ริมฝีปากของนางยิ้มเล็กน้อย แต่ในดวงตากลับเต็มไปด้วยความเย็นเยียบ!
“ขอบคุณที่ท่านอาวุโสแจ้งให้ข้าทราบ!”
แต่…นางก็ไม่ใช่คนที่ยอมให้ใครมารังแกง่ายๆ เส้นทางของผู้แข็งแกร่งนั้นย่อมเต็มไปด้วยขวากหนาม หากนางจะต้องกลัวจนถอยหลังเพราะเรื่องพวกนี้ เช่นนั้นจะต่างอะไรกับการซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการบำเพ็ญดินแดนล่างไปตลอดชีวิตเล่า