ตอนที่3 สร้างสำนักชิงหยุนขึ้นใหม่
ตอนที่3 สร้างสำนักชิงหยุนขึ้นใหม่
“โม้เกินไปแล้ว!”
“ไอ้หนู อายุยังน้อยแต่ปากใหญ่เสียจริง! ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ยังไม่สนใจรึ?”
ถึงแม้ตระกูลสือจะเป็นอำนาจสูงสุดในแคว้นหลิงโจว แต่ก่อนที่นายน้อยสือเทียนจะเข้าร่วมดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในภาคกลาง ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็เหมือนภูเขาใหญ่ที่อยู่เหนือหัวพวกเขา เป็นอำนาจที่ไม่อาจเข้าถึงได้ในอดีต
แต่ตอนนี้ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั่วๆไปก็ยังถือเป็นอำนาจที่แข็งแกร่งสำหรับพวกเขา
อย่างไรก็ตาม… ไม่ว่าจะออกมาทำอะไร ก็ต้องมีภูมิหลัง ตระกูลสือของพวกเขาตอนนี้มีภูมิหลังที่มั่นคงแล้ว
“ใช่ อายุของข้ายังน้อย แต่พลังบ่มเพาะของข้าสูงกว่าพวกเจ้าหลายเท่า พวกเจ้าฝึกฝนกันจนกลายเป็นหมาสิ้นดีแล้ว”
พวกคนในชุดดำ: “…”
“สำนักชิงหยุน สำนักชิงหยุน…”
“พี่ใหญ่ ข้าคิดว่าเคยได้ยินสำนักนี้มาก่อน”
“น่าจะเป็นสำนักระดับจักรพรรดิเมื่อหมื่นปีที่แล้ว แต่หลังจากผ่านวิกฤตมาไม่กี่ครั้งก็ร่วงโรยลง คนก็หายไปหมด กลายเป็นกองกำลังที่แทบจะไร้ค่าไปแล้ว”
“แต่อย่างไรก็ตามไม่คิดว่าจะยังคงมีเจ้าสำนักที่อยู่ในขอบเขตแปรวิญญาณ… พวกเขายังมีรากฐานที่ลึกซึ้งอยู่หรือไม่?”
หนึ่งในคนในชุดดำกล่าว ขณะที่มองเฟิงชิงหยางด้วยสายตากระหาย
“สำนักระดับจักรพรรดิ? จะฆ่าข้าเสียแล้ว! ฮ่าๆๆ นึกว่าพบกับเรื่องยากแล้ว”
“เจ้าจะเอาถานะของสำนักจักรพรรดิเมื่อหมื่นปีก่อนมาขู่ข้ารึ พวกข้าที่นี่คืออำนาจระดับสูงในยุคนี้!”
“เจ้าหัวเราะร่ารึ?”
เฟิงชิงหยางพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบ ทำให้พวกคนในชุดดำหยุดชะงัก
“เจ้าทำอะไรน่ะ? อย่า… อย่ามาใกล้!”
ตอนนี้พวกเขาถึงได้สติ จริงอยู่ที่พวกเขาไม่ต้องสนใจว่าสำนักชิงหยุนจะเป็นอย่างไร สิ่งที่สำคัญตอนนี้คือตัวเฟิงชิงหยางเองเป็นผู้ที่แข็งแกร่งถึงขอบเขตแปรวิญญาณขั้นสูง สามารถบดขยี้พวกเขาในพริบตาได้!
“ไอ้หนูนี้ช่างไม่เข้าใจขนบธรรมเนียมของโลกการบ่มเพาะ! พวกข้าก็บอกแล้วว่าเป็นคนของตระกูลสือแล้วก็ยังกล้าลงมืออีก!”
เฟิงชิงหยางในพริบเพียงพริบตาก็ไปถึงข้างพวกเขา ยกมือกำหมัด พลังวิญญาณพุ่งทะยานทำลายทุกสิ่ง
เพียงแค่ขยับมือขยับเท้า พวกคนในชุดดำก็ถูกบดขยี้ตายหมดสิ้น
ยังไม่มีเสียงร้องโหยหวนแม้แต่เสียงเดียว
“อืม… เสร็จแล้ว”
เฟิงชิงหยางท่าทางสงบเยือกเย็น ปรบมือเรียบร้อย เหมือนกับการบดขยี้มดฝูงหนึ่ง จิตใจของเขาไม่มีความสะเทือนแม้แต่น้อย
“ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้ากลับสู่สำนักชิงหยุน”
เฟิงชิงหยางพูดพลางหันหลัง
“สือฮ่าว ขอบคุณท่านอาวุโสที่ช่วยชีวิตข้า”
“อืม ไม่เป็นไร ต่อไปเจ้าคือศิษย์สายตรงของข้าแล้ว”
ความสุขมาถึงเร็วเกินไป สือฮ่าวรู้สึกงงงวย
เขาคิดว่าในสภาพปัจจุบันคงแค่ได้เป็นศิษย์สายนอก แต่ไม่คิดว่าจะได้ขึ้นเป็นศิษย์สายตรง
“สือฮ่าวคารวะท่านอาจารย์” เขาตอบรับทันทีอย่างเคารพ
“อืม แต่เจ้าก็ไม่มีสิทธิพิเศษมากนัก ต้องฝึกฝนเหมือนกับศิษย์คนอื่นๆ แต่ให้ไปเป็นพี่ใหญ่ที่สำนักนอกก่อนก็แล้วกัน”
“ไปกันเถิด กลับสำนักกัน”
“แค่ไม่รู้ว่าสภาพของพวกที่ตายไปจะเป็นยังไง” เฟิงชิงหยางหันกลับมามอง
มองไปที่พวกคนในชุดดำที่กลายเป็นเถ้าถ่าน สือฮ่าวก็ไม่มีคำพูดใดๆ ท่านอาจารย์… ข้าพอจะบอกว่า “ตายไม่เหลือซาก”
【“ติ้ง, ยินดีด้วยนายท่านที่ได้รับศิษย์คนแรกที่เป็นอัจฉริยะ ภารกิจสำเร็จแล้ว รางวัลได้ถูกส่งให้แล้ว”】
【“ยินดีด้วยนายท่านที่ได้รับบัตรอัญเชิญสีทองแดง1 ใบ”】 (สามารถอัญเชิญผู้บ่มเพาะที่อยู่ในขอบเขตแก่นทองคำถึงขอบเขตสร้างวิญญาณ)
【“ยินดีด้วยนายท่านที่ได้รับระฆังมหาวิถี”】
(สมบัติล้ำค่าจากยุคโบราณที่จักรพรรดิมนุษย์ใช้กำราบความโชคดี และยังสามารถใช้ทดสอบพรสวรรค์ได้)
【“ยินดีด้วยนายท่านที่ได้รับ กายาเทพเอกะจักรวาล”】
(ไม่ต้องอธิบาย ร่างกายเทพอันดับหนึ่งในจักรวาล)
【“ยินดีด้วยนายท่านที่ได้รับเคล็ดวิชาสังสารวัฏ”】
(สำหรับผู้ที่มีกระดูกจักรพรรดิแต่กำเนิดเท่านั้น)
“บัตรอัญเชิญสีทองแดง? อืมมม ระบบไม่ให้บัตรสีทองหรือ!”
“ระฆังมหาวิถี! กายาเทพเอกะจักรวาล! ของดีทั้งนั้น ส่วนเคล็ดวิชาสังสารวัฏ กำลังพอดีกับที่ให้สือฮ่าวฝึกฝน”
เฟิงชิงหยาง ขณะเดินไปพร้อมกับสำรวจรางวัลในใจ
ณ เทือกเขาชิงหยุน สำนักชิงหยุน
“ท่านอาจารย์ พวกเราคงเดินทางผิดที่แล้วกะมั้ง?”
สือฮ่าว พูดเสียงเบา
สายตาเขามองไปเห็นแต่ความยุ่งเหยิง ซากปรักหักพังเต็มไปหมด หน้าประตูสำนักมีหินก้อนหนึ่งตั้งอยู่ แกะสลักคำว่า สำนักชิงหยุน
“ศิษย์เอ๋ย เจ้ายังเยาว์วัยอยู่ บางครั้งการมองสิ่งต่างๆ ก็ไม่สามารถดูแค่ผิวเผินได้”
เฟิงชิงหยาง พูดอย่างมั่นใจ ขณะในใจรีบสั่งการไปยังระบบ
“ระบบ รีบใช้บัตรสร้างสำนักระดับ 1!”
เกือบลืมไปแล้ว ตอนนั้นยุ่งอยู่กับการรับศิษย์ จึงไม่ได้ใช้บัตรสร้างสำนักเสียที
【“ติ้ง, การใช้บัตรสร้างสำนักระดับ 1 สำเร็จแล้ว กำลังสร้าง…”】
เมื่อเสียงของเฟิงชิงหยางดังขึ้น พลังวิญญาณม่วงปรากฏขึ้นจากทิศตะวันออก พลังวิญญาณระเบิดออกมา และหอคอยต่างๆก็ปรากฏขึ้นเหมือนเห็ดหลังฝนที่ผุดขึ้นจากพื้นดิน
หอโอสถ หอฝึกฝน หอคัมภีร์ และห้องโถงหลักของสำนัก… ทุกสิ่งปรากฏขึ้นทีละอย่าง สวยงามและเป็นระเบียบ ราวกับเป็นแดนสวรรค์บนโลกมนุษย์
ที่แปลกยิ่งกว่านั้นคือจากเชิงเขาไปยังสำนัก มีบันไดสวรรค์ยาวร้อยลี้ขยายออกไป ทัศนียภาพบนบันไดนั้นเปลี่ยนแปลงอย่างน่าอัศจรรย์และเต็มไปด้วยความลึกลับ
ในที่ลับ บรรพชนหลี่ชิงหยุนก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสำนักชิงหยุน แม้แต่หัวใจของเขาที่มีพลังขอบเขตมหาจักรพรรดิยังรู้สึกตกตะลึง
“ท่านเจ้าสำนักจริงๆแล้วมีพลังปิดเปิดฟ้าเลยทีเดียว!”
สือฮ่าวก็ตกใจจนปากอ้าออกไป
“นี่… นี่มัน… มาถึงแดนเซียนแล้วหรือ?”
เมื่อเปรียบเทียบกับตระกูลที่เขาเคยอยู่ ตระกูลสือเหมือนกับแค่ย่านชาวบ้านธรรมดา
“นี่แหละหรือ… ความลับของสำนักใหญ่ๆ?”
เฟิงชิงหยางเตรียมตัวมาแล้ว จึงไม่ตกใจมากนัก เพียงแต่ไม่คิดว่าแค่ระดับหนึ่งของสำนักก็ทำได้ขนาดนี้ แล้วระดับสองล่ะ? ระดับสามล่ะ?
“จริงๆ แล้วตั้งตารอไม่ไหวเลย”
ที่หน้าห้องโถงใหญ่ของสำนัก ซึ่งเต็มไปด้วยบรรยากาศอันทรงเกียรติ
“ศิษย์เอ๋ย ในสำนักนี้มีผู้แข็งแกร่งมากมายหลายท่าน แต่พวกเขากำลังหลับใหลหรือออกเดินทางอยู่โลกภายนอก ดังนั้นในสำนักจึงมีผู้คนไม่มาก เจ้าต้องตั้งใจฝึกฝนเข้าใจไหม?”
“ส่วนเรื่องที่เจ้าฝึกฝนไม่ได้ เรื่องนี้อาจารย์จะจัดการให้ในชั่วพริบตา”
“ขอบคุณท่านอาจารย์!” สือฮ่าวดีใจอย่างมาก เมื่อได้ยินว่าท่านอาจารย์ที่ลึกลับของเขาสามารถช่วยเขาฟื้นฟูการบ่มเพาะของเขาได้
【“ติ้ง ห้องโถงใหญ่เป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งของสำนัก โปรดตั้งชื่อให้กับห้องโถงใหญ่”】
ในขณะนั้น เสียงเตือนจากระบบดังขึ้น
“ห้องโถงใหญ่ของสำนัก? งั้นตั้งชื่อว่า วิหารชิงหยุน”
ด้วยชื่อชิงหยุนนี้ เพื่อช่วยให้สำนักของข้ามีชื่อเสียงไปทั่วหล้า!
ทันทีที่กล่าวจบ ป้ายที่อยู่ด้านบนหอปรากฏตัวขึ้น และมีตัวอักษรสามตัว วิหารชิงหยุน ลอยไปมาพร้อมกับเมฆหมอก
ภายในวิหาร เฟิงชิงหยางนั่งอยู่ในตำแหน่งผู้นำ
“ศิษย์เอ๋ย เจ้าคือผู้มีกระดูกจักรพรรดิตั้งแต่เกิดใช่ไหมหรือไม่”
“ใช่แล้วท่านอาจารย์ แต่ข้าถูกลุงหลอกลวง กระดูกจักรพรรดิของข้าถูกขโมยไป และพลังการบ่มเพาะทั้งหมดของข้าก็ถูกทำลาย” สือฮ่าวกัดฟันพูด
ก่อนที่พลังการบ่มเพาะของเขาจะถูกทำลาย เขาได้บ่มเพาะถึงขอบเขตวิญญาณแรกกำเนิดขั้นปลายแล้ว และใกล้จะก้าวเข้าสู่จุดสูงสุดของขอบเขตวิญญาณแรกกำเนิด
“เรื่องนี้ไม่ยากหรอก อาจารย์มีวิชาหนึ่งที่จะถ่ายทอดให้เจ้า จงเปิดจิตสำนึกของเจ้า”
สือฮ่าวรับฟังอย่างเงียบๆ แล้วก็ทำตาม
เมื่อแสงสีม่วงจากมือของเฟิงชิงหยางบินออกไปและเข้าจิตสำนึกของสือฮ่าว
“วิถีแห่งสังสารวัฏ!”
สือฮ่าวอุทานออกมาด้วยความตกใจ ก่อนที่จะเปิดตาอ่านเคล็ดวิชาอย่างตั้งใจ
“เป็นเคล็ดวิชาที่ออกแบบมาสำหรับผู้มีร่างกระดูกจักรพรรดิ โดยไม่ว่าจะได้รับบาดเจ็บมากเพียงใด เมื่อฝึกถึงขั้นแรกก็จะสามารถฟื้นฟูเส้นชีพจรและฟื้นคืนร่างกระดูกจักรพรรดิ!”
“ขอบคุณท่านอาจารย์!”
วันนี้คือวันที่สือฮ่าวจะฟื้นคืนชีพเหมือนนกฟีนิกซ์ กลับมาเกิดใหม่หลังจากผ่านไฟแห่งการทดสอบ!
“เรื่องของเจ้า อาจารย์เองก็ได้ทราบแล้ว เจ้าต้องการให้อาจารย์ลงมือช่วยหรือไม่?”
เฟิงชิงหยางคิดครู่หนึ่งแล้วพูด
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์รึ? สำหรับอาจารย์ที่มีพลังสูงส่ง เป็นเรื่องง่ายเพียงแค่ตบมือเดียวก็จัดการได้
“ไม่ไม่, ท่านอาจารย์ได้ช่วยชีวิตข้าและมอบเคล็ดวิชาล้ำค่าให้แล้ว ข้าคงไม่สามารถหวังมากไปกว่านี้ได้”
“ข้าต้องการพึ่งพาความพยายามของตนเอง แล้วล้างแค้นด้วยมือของข้าเอง”
จะเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์หรือผู้นำดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างไร? เมื่อฝึกวิชาสังสารวัฏถึงขั้นสูง คนเหล่านั้นนับเป็นสิ่งใด!