ตอนที่ 4 ผู้คุ้มกันสำนัก
ตอนที่ 4 ผู้คุ้มกันสำนัก
“ดีมาก จิตใจแห่งความไร้พ่ายเริ่มก่อตัวแล้ว”
“เนตรคู่ลึกลับเดิมที่ก็เป็นพรสวรรค์อยู่แล้ว เหตุใดต้องยืมกระดูกของผู้อื่นไปอีก”
“เส้นทางข้างหน้าของสือเทียนนั้นจะไม่ยาวไกล”
“เอาล่ะ เจ้ากลับไปบ่มเพาะเถิด ภายในสำนักเลือกห้องที่ชอบพักได้เลย”
หลังจากสือฮ่าวเดินออกไปแล้ว เฟิงชิงหยางก็เข้าสู่หน้าจอระบบ
“ระบบ ใช้บัตรอัญเชิญ”
ตอนนี้สำนักยังเงียบเหงา ควรมีคนมาเพิ่มอีกสักหน่อย
【“ติ๊ง บัตรอัญเชิญสีทองแดงใช้งานสำเร็จ กำลังทำการสุ่ม…ติ๊ง! ขอแสดงความยินดี นายท่านได้รับผู้บ่มเพาะขอบเขตสร้างวิญญาณ กำลังทำการอัญเชิญ”】
“ขอบเขตสร้างวิญญาณ ดีที่บัตรสีทองแดงนี้ยังสุ่มได้ถึงขีดสุด”
ภายในสำนักชิงหยุน ขณะที่สือฮ่าวกำลังทำความคุ้นเคยกับเคล็ดวิชาของตัวเอง ก็รู้สึกถึงพลังอันแข็งแกร่งจากด้านข้าง แล้วเขาก็ขมวดคิ้ว
“เจ้าหนุ่มไม่ต้องตกใจหรอก เจ้าก็คงเป็นศิษย์ของสำนักชิงหยุนเหมือนกันใช่ไหม?”
“ใช่, ไม่ทราบท่านอาวุโสคือ…?” สือฮ่าวถามด้วยความสงสัย ขณะมองไปยังชายชุดคลุมดำที่ปรากฏขึ้นโดยไม่มีเสียงใดๆ
“ข้าคือผู้คุ้มกันของสำนักชิงหยุน กำลังจะไปคารวะท่านเจ้าสำนักไม่รบกวนท่านแล้ว”
“ผู้คุ้มกันของสำนักรึ?”
กลิ่นอายของพลังอันมหาศาลนี้ สือฮ่าวเคยสัมผัสได้จากผู้นำตระกูลสือของเขามาก่อน
“ขอบเขตสร้างวิญญาณขั้นสูงสุด!”
ผู้คุ้มกันแค่คนเดียวยังสามารถเทียบเคียงกับผู้นำตระกูลระดับสูงได้!
“สำนักของข้าช่างเต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญจริงๆ ท่านอาจารย์พูดไม่ผิดเลย!”
….
ณ วิหารชิงหยุน
“หวังเจี้ยนขอคารวะท่านเจ้าสำนัก”
ในห้องโถงใหญ่ หวังเจี้ยนในชุดคลุมดำยืนอยู่ข้างล่าง เงยหน้าขึ้นด้วยความเคารพ
“ขอบเขตสร้างวิญญาณขั้นสูงสุด! ไม่เลว”
เฟิงชิงหยางตรวจสอบระดับพลังของหวังเจี้ยนผ่านระบบ
“ระบบ, ผู้บ่มเพาะที่ถูกอัญเชิญมาด้วยการใช้บัตรอัญเชิญทั้งหมดจะอยู่ในขั้นสูงสุดของแต่ละขอบเขตใช่หรือไม่?”
【“ใช่แล้วนายท่าน ระบบเป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงสุด”】
“ดีจริงๆ ถ้าอย่างนั้นบรรพชนที่ถูกอัญเชิญมาก็คือขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุด แล้วจะมีกี่คนเล่าจะต้านทานได้!”
เหนือท้องฟ้า หลี่ชิงหยุนจู่ๆก็จามเสียงดังดุจฟ้าผ่า
“แปลกประหลาด ใครกันกล่าวถึงข้าอยู่?”
“อืม เจ้าไปทำหน้าที่ของเจ้าเถิด”
….
“ระบบ, เอาระฆังมหาวิถีออกมาเถิด”
“โอ้ ใช่แล้ว อย่าลืมกายาเทพเอกะจักรวาลด้วย”
หลังจากหวังเจี้ยนออกไป เฟิงชิงหยางก็เริ่มใช้งานรางวัลที่เหลืออีกสองชิ้นโดยทันที การแข็งแกร่งขึ้นนั้นสำคัญเร่งด่วนยิ่งนัก ในฐานะผู้นำแห่งสำนักชิงหยุน ที่จะก้าวขึ้นเป็นสำนักเทพอันดับหนึ่งของมหาจักรวาลในอนาคต ระดับพลังของเขาจะต่ำไปได้อย่างไร?
สองรางวัลนี้เพียงแค่เห็นก็ยากจะห้ามใจได้แล้ว
ระฆังมหาวิถี: สมบัติฟ้าดินปราบปรามโชคชะตาอันยิ่งใหญ่ และมีคุณสมบัติในการทดสอบพรสวรรค์ มีพลังอันไร้ขีดจำกัด เหล่าผู้แข็งแกร่งยังต้องยำเกรง
กายาเทพเอกะจักรวาล: ไม่ต้องอธิบาย เป็นร่างเทพอันดับหนึ่งของจักรวาล ไม่ต้องกล่าวเกินจริง
【“กำลังอัญเชิญระฆังมหาวิถี… อัญเชิญสำเร็จ”】
【“กำลังรวมร่างเทพ…”】
เหนือขึ้นไป สำนักชิงหยุน ทันใดนั้น ฟ้าดินก็เกิดการเปลี่ยนแปลง กระแสลมและเมฆหมอกปั่นป่วนไปทั่ว อณูพลังวิญญาณอันเข้มข้นพวยพุ่งเต็มท้องฟ้า พลันแสงม่วงสาดส่องมาไกลนับสามหมื่นลี้ เสียงทำนองเทพเจ้าแว่วกังวานรอบ สำนักชิงหยุน
ภาพนักปราชญ์ขี่วัวปรากฏจากทิศบูรพา เงาร่างเทพเซียนและพุทธะจากสรวงสวรรค์แสดงตัวเบื้องบน ระฆังมหาวิถี ที่แผ่ซ่านด้วยพลังแห่งมหาวิถีปรากฏขึ้นในอากาศ แล้วตกลงบนภูเขาหลังสำนักทันทีที่ระฆังสัมผัสพื้น แสงสว่างรอบบริเวณก็หายไปอย่างรวดเร็ว พลังวิญญาณถูกดูดกลืนเข้าสู่ระฆังอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นระฆังเริ่มแผ่พลังแห่งมหาวิถีออกมา พร้อมเสียงทำนองเทพที่ดังกังวานจากภายใน
เมื่อปรากฏการณ์ฟ้าดินอันแปลกประหลาดหายไป สายฟ้าสีม่วงทองที่น่าสะพรึงกลัวก็พุ่งลงมาทันที
“โอ้สวรรค์! รีบดูนั่นสิ มันคือสายฟ้าทำลายล้างโลก!”
“หรือว่าสุดยอดอัจฉริยะกำลังจะถือกำเนิดขึ้น?”
“อีกแล้วที่ทิศตะวันออก! เมื่อครู่ปรากฏการณ์ฟ้าดินนั่นก็สุดจะพิลึกแล้ว ไม่คิดเลยว่าชีวิตนี้ข้าจะได้เห็นสายฟ้าทำลายล้างโลกที่ถูกบันทึกไว้ในยุคโบราณ!”
เหล่าผู้บ่มเพาะชั้นนำทั้งหลายได้ใช้จิตสำนึกสอดส่องเข้ามา
“หึ! มดแมลงที่ไหนกล้าสอดแนมสำนักชิงหยุนของข้า?!”
เมื่อบรรพชนมหาจักรพรรดิ หลี่ชิงหยุน สัมผัสได้ถึงการแอบตรวจสอบเหล้านี้ จึงปล่อยเสียงฮึมออกมาดังสนั่น และทันใดนั้นจิตสำนึกของเขาก็กรีดผ่านนับหมื่นลี้ ตัดขาดจิตสำนึกของผู้บ่มเพาะมากมายในพริบตา
ผู้บ่มเพาะที่ลอบตรวจสอบเหล่านั้นถูกทำลายจิตสำนึกร่วงลงมาสู่ระดับต่ำลง ครึ่งหนึ่งของอายุขัยก็หายไป สุดท้ายทำได้เพียงเตือนลูกหลานของตน “อย่าได้กล่าวถึง อย่าพยายามตรวจสอบ อย่าพูดถึงด้วยความประมาท”
เรื่องนี้ทำให้ทั่วทั้งเขตภาคกลาง ฝ่ายต่างๆรีบถอนตัวสายลับของตนออกจากสำนักชิงหยุนทันที หวั่นเกรงว่าจะดึงภัยมาสู่ตัวเอง
“ปรากฎการอันน่าพิศวงเช่นนี้เป็นฝีมือของท่านเจ้าสำนักแท้ๆ!”
หลี่ชิงหยุนเองก็รู้สึกตื่นตระหนกไม่ต่างจากคนทั่วไป เขาพินิจมองพลังที่แผ่จากระฆังยักษ์ด้วยความสั่นสะท้าน แม้ในฐานะมหาจักรพรรดิ เขายังไม่อาจสงบใจได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายฟ้าทำลายล้างโลกที่คืบคลานมาในครานี้!
“หรือว่านี่จะเป็นสมบัติเซียน?”
“นี่มันจะเล่นใหญ่ไปแล้วนะ ระบบ!”
เฟิงชิงหยางมองดูสายฟ้าสีม่วงทองที่เหนือท้องฟ้าอย่างตกตะลึง พลางขมวดคิ้วแน่น
“แค่ข้าหลอมรวมร่างกายแห่งเทพเท่านั้น จำเป็นต้องดึงฟ้าผ่าลงมาขนาดนี้เชียวหรือ?”
【“นายท่านแน่ใจนะว่ารู้ตัวว่ากำลังพูดอะไรอยู่?”】
【“แค่การหลอมรวมเช่นนั้นหรือ? นี่มันคือกายาเทพอันดับหนึ่งของจักรวาลนะ!”】
ระบบกล่าวพลาง สายฟ้าเทพด้านบนฟ้าก็เพิ่งอัดพลังเสร็จ รังสีมหาศาลราวกับต้องการทำลายล้างสวรรค์และโลกก็กระแทกลงมาอย่างจัง
เฟิงชิงหยางพอเห็นว่าหลบไม่ได้แล้วก็ได้แต่ทำใจยืนรับมันตรงๆ
“หลบ? จะหลบไปไหนได้! เจ้านี่มันพุ่งลงมาหาข้าชัดๆ!”
สายฟ้าทำลายล้างพุ่งลงมาฟาดเฟิงชิงหยางเต็มแรง ร่างเขาถูกกลบด้วยประกายอันทรงพลัง
……
……
เพียงไม่กี่ลมหายใจผ่านไป…
“หืม? เหตุใดข้าไม่เป็นอะไรเลย?”
เฟิงชิงหยางมองดูรอบๆ และสำรวจตัวเองอย่างละเอียด สายฟ้าเทพอันมหาศาลนี้ไม่ทิ้งแม้แต่ร่องรอยเล็กๆไว้ให้เห็น
【“ขอแสดงความยินดีกับนายท่านสำหรับการหลอมรวมกายาเทพเอกะจักรวาลสำเร็จแล้ว”】
【“อย่าได้ประหลาดใจเลย กายาเทพอันดับหนึ่งของจักรวาล การดูดซับสายฟ้าเทพเพียงสายเดียวมันก็ไม่ได้เกินเลยอะไรหรอก”】
【“คำเตือนเบาๆ ว่าการดูดซับสายฟ้ายังมีผลต่อการเพิ่มพูนระดับการบ่มเพาะด้วยนะ”】
ตามคาด เฟิงชิงหยางรู้สึกได้ว่าระดับแปรวิญญาณขั้นสูงสุดที่เพิ่งบรรลุมาเมื่อไม่นานนี้ มีแนวโน้มที่จะพัฒนาขึ้นอีกขั้น
หลังจากได้รับประโยชน์จากสายฟ้าเฟิงชิงหยางก็เริ่มยั่วยุสายฟ้าเทพจากฟากฟ้าด้วยความตื่นเต้น สายฟ้าฟาดลงมาอย่างต่อเนื่องนานถึงสองชั่วโมงครึ่งก่อนจะหยุด ราวกับสายฟ้าเทพนั้นสลายกลายเป็นเถ้าถ่านด้วยความเหนื่อยล้าต่อหน้าสวรรค์และโลก
บรรพชนหลี่ชิงหยุนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดได้แต่เบิกตากว้าง สายฟ้าเทพที่ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวนี้ฟาดลงบนเจ้าสำนักถึงสองชั่วโมงครึ่ง แต่เจ้าสำนักกลับไม่เป็นอะไรเลย!
“แท้จริงแล้ว เจ้าสำนักมีพลังสูงกว่าข้านับหมื่นเท่า!”
“ฟู่!”
เฟิงชิงหยางสูดหายใจเข้าลึก หลังจากดูดซับสายฟ้าเทพเสร็จ จากนั้นก็ลืมตาขึ้น ดวงตาสีม่วงของเขาทอแสงน่าเกรงขาม มีประกายสายฟ้าแทรกผ่าน นี่คงจะเป็นสายตาทรงอำนาจที่ลือกันว่า “สายตาดั่งสายฟ้า” แน่นอน
“ข้าทะลวงขอบเขตถึงขอบเขตสร้างวิญญาณขั้นสูงสุดแล้ว!”
เมื่อรู้สึกถึงพลังวิญญาณอันมหาศาลในร่างกาย เฟิงชิงหยางรู้สึกทึ่งยิ่งนัก
จะเก่งเกินไปแล้ว! เพียงวันเดียวข้าก็ก้าวไปอีกขอบเขต?
นี่มันสุดยอดเกินจะบรรยายแล้ว!
“ก่อนหน้านี้ ข้าอาจจะเป็นอัจฉริยะผู้บ่มเพาะที่รวดเร็วเท่านั้น”
“แต่ตอนนี้หลังจากหลอมรวมร่างเทพแล้ว ข้าก็คือปีศาจที่สามารถต่อสู้เหนือระดับได้!”
เฟิงชิงหยางคิดคำนวณในใจ
ความสามารถระดับนี้ ไม่ได้มีดีแค่การต่อสู้ที่เหนือระดับเท่านั้น
การหยั่งรู้, พรสวรรค์, การก้าวหน้าระดับการบ่มเพาะที่ไร้อุปสรรค
“ตอนนี้ ข้าดูดซับพลังวิญญาณได้เร็วกว่าเดิมถึงร้อยเท่า!”
“สุดยอดมาก! ระบบ!”
【“ติ้ง! ในฐานะสำนักเทพอันดับหนึ่งของมหาจักรวาลในอนาคต การมีศิษย์อัจฉริยะเพียงคนเดียวนั้นไม่พอหรอก”】
【“ภารกิจใหม่: รับศิษย์อัจฉริยะคนที่สอง หลังจากสำเร็จภารกิจจะได้รับรางวัล”】
【“อัจฉริยะศิษย์จะเดินทางมาถึงงานชุมนุมรับศิษย์ที่เมืองซวนเย่ แคว้นหลิงโจว ภายในสามวันข้างหน้า นายท่านควรเตรียมการให้พร้อม”】
“ศิษย์อัจฉริยะคนใหม่อีกแล้ว?” ระบบนี้มีประสิทธิภาพสูงจริงๆ
“งานชุมนุมรับศิษย์งั้นรึ?”