ตอนที่แล้วตอนที่ 99 บาปมหันต์ทั้งเจ็ด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 101 คำสั่งอพยพ

ตอนที่ 100 เจ้าหญิงน้อย (ฟรี)


ตอนที่ 100 เจ้าหญิงน้อย

[ ตอนนี้ การเดินทางของเธอเพิ่งเริ่มต้นขึ้น จุดหมายปลายทางของเธอคือตำแหน่งอาร์คบิชอป หากเธอต้องการประสบความสำเร็จ เกรงว่าเธอจะต้องได้รับความช่วยเหลือจากคุณเพื่อดูดซับพลังแห่งความริษยาให้มากขึ้น ]

สวี่จื้อมีความสุขเมื่อได้ยินสิ่งนี้ “ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้ว โชคเข้าข้างฉันจริงๆ”

ด้วยเหตุนี้ เธอจะรู้สึกมั่นใจมากขึ้นที่จะปล่อยให้อวี้เสิ่นเวยอยู่ข้างกาย ไม่เช่นนั้นการที่ต้องเฝ้าระวังคนที่อยู่ข้างๆ อยู่ตลอดเวลานั้นคงจะลำบากมาก

นอกจากนี้เธอยังสามารถเฝ้าสังเกตกระบวนการทั้งหมด และควบคุมได้ว่าจะให้อีกฝ่ายกลายเป็นอาร์คบิชอปตอนไหน

นี่เป็นหนทางอันสมบูรณ์แบบสำหรับการศึกษา มันจะช่วยได้มากในอนาคต

หลังจากให้อวี้เสิ่นเวยเข้าไปพักผ่อนในห้องๆ หนึ่งในบ้าน และได้รับการเฝ้าดูอย่างลับๆ จากแฟมิเลีย สวี่จื้อก็กลับมาที่ห้องนอนของตัวเอง และวางแผนที่จะใช้ร่างวิญญาณเพื่อออกไปนอกเมืองหยุนอีกครั้ง หลังจากครั้งล่าสุดเว้นช่วงมานานมากแล้ว

ครั้งนี้ เธอวางแผนจะอยู่ที่นั่นนานขึ้น นอกจากการซื้อขายข้อมูลแล้ว เธอยังวางแผนที่จะทำสิ่งอื่นในครั้งนี้ด้วย

หลังจากจ่ายเงินเพิ่มเติมสำหรับสกิลพิเศษทั้งสอง สวี่จื้อก็คลิกยืนยันเพื่อสร้างร่างวิญญาณ

[ เลือกจุดเกิดที่ตำแหน่ง … ]

[ เริ่มทำการเทเลพอร์ต ]

ก่อนที่สวี่จื้อจะลืมตา เขาก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความชีวิตชีวาซึ่งหาได้ยากในเมืองหยุนแล้ว

ผ่านมาประมาณสองเดือนแล้วนับตั้งแต่เธอมาที่นี่ครั้งสุดท้าย ไม่รู้ว่าผู้คนของรัฐบาลกลางจะยังคิดถึงเธออยู่มั้ย

แม้ว่าสวี่จื้อจะไม่ปรากฏตัวเป็นเวลาสองเดือนแล้ว แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะยังคอยจับตาดูสถานที่แห่งนี้อยู่ และเตรียมพร้อมสำหรับการมาถึงของเธออยู่ทุกเมื่อ แม้ว่าคราวนี้จะช้ากว่าคราวก่อนประมาณสี่หรือห้านาที พวกเขาก็ยังขับรถมารับ

คนที่มารับเธอก็ยังเป็นหลินจื่อเจินที่สวมชุดเครื่องแบบ แต่เขาดูไม่สงบเหมือนคราวก่อน

สีหน้าของเขาดูซีดเซียวเล็กน้อย และสวี่จื้อก็ยังได้กลิ่นเลือดเล็กน้อย เมื่อเขาเข้ามาใกล้

“คุณได้รับบาดเจ็บเหรอ?”

เธอถามตรงๆ ด้วยความสงสัย

หลินจื่อเจินไม่แปลกใจกับคำถามของสวี่จื้อ เขาแค่พยักหน้าด้วยรอยยิ้มฝืนๆ “ใช่ ช่วงนี้ผมยุ่งมาก”

“ยุ่งเหรอ?” สวี่จื้อรู้สึกงง “ครั้งก่อนที่ฉันมาที่นี่ คุณบอกว่าแบบนี้เหมือนกัน งานของคุณนี่คงจะหนักน่าดู”

บางทีเพื่อที่จะได้ใกล้ชิดกับสวี่จื้อมากขึ้น หรือบางทีอาจเป็นมันไม่ใช่ความลับอะไร ต่อให้บอกไปก็ไม่เป็นปัญหา หลินจื่อเจินจึงพยักหน้า และพูดอย่างตรงไปตรงมา

“เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ งานของผมหนักหน่วงขึ้นมากจริงๆ แต่เราก็ยังรอคอยการกลับมาของคุณอยู่เสมอ”

แม้จะผ่านไปถึงสองเดือนแล้ว แต่คนของรัฐบาลดูเหมือนจะมีงานยุ่งมากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งนี้ดูผิดปกติ

“แล้วพี่สาวคนนั้นล่ะ เธออยู่ที่ไหน? วันนี้เธอก็ติดภารกิจเหมือนกันเหรอ?”

“เธอเสียชีวิตระหว่างทำภารกิจเมื่อเดือนที่แล้ว” น้ำเสียงของหลินจื่อเจินดูหนักใจเล็กน้อย เขามองไปที่สวี่จื้อ และคิดว่าสวี่จื้อจะแสดงอารมณ์อะไรออกมาบ้าง น่าเสียดายที่ดูเหมือนเธอจะไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากเท่าที่เขาเคยคิดเอาไว้

สิ่งนี้ทำให้เป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะพูดต่อในหัวข้อเดิม เขาทำได้เพียงถามว่า “คุณต้องการเริ่มการเจรจากันเลยมั้ย?”

สวี่จื้อคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ไม่รีบ ฉันค่อนข้างสงสัยเกี่ยวกับโลกภายนอกว่าเปลี่ยนไปมากแค่ไหนแล้ว พอจะพาฉันไปดูหน่อยได้หรือเปล่า”

“แน่นอน คุณอยากไปดูที่ไหนล่ะ”

นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่

“งั้นฉันก็อยากจะรู้ว่าตอนนี้คุณกำลังยุ่งกับเรื่องอะไรอยู่” เธอเสนอเหมือนเรื่องล้อเล่น

แต่คิดไม่ถึงว่า หลินจื่อเจินจะพยักหน้าตอบรับ “ได้ ระหว่างเดินทางมารับคุณ ผมก็ติดภารกิจอยู่พอดี ตอนนี้ทางนั้นน่าจะเตรียมตัวจนเกือบพร้อมแล้ว เราสามารถตรงไปที่นั่นได้เลย?”

“สำหรับรายละเอียด ผมจะบอกคุณระหว่างทาง”

สำหรับพวกเขาแล้ว สวี่จื้อน่าจะยังไม่สามารถออกจากเมืองหยุนด้วยร่างจริงได้ ดังนั้นจึงไม่เป็นปัญหาอะไร ต่อจะให้เธอเห็นก็ตาม

ระหว่างทาง หลินจื่อเจินได้บอกสวี่จื้อว่าภารกิจของเขาคือ การทำลายฐานที่มั่นแห่งหนึ่งของเหล่าสาวกเลือด

สาวกเลือด ช่างเป็นชื่อเรียกที่ตรงตัวดีจริงๆ

จากคำอธิบายของเขา สวี่จื้อได้รู้ว่ารัฐบาลกลางกำลังถูกคุกคามโดยการโจมตีจากสัตว์ประหลาด และสาวกเลือดผู้บ้าคลั่ง จำนวนสาวกนั้นมีมากกว่าจำนวนผู้ปลุกพลังเสียอีก และในการต่อสู้กับพวกเขา ต้องใช้ผู้ปลุกพลังจำนวนมากในการรับมือ ทำให้มีปัญหาด้านการขาดแคลนกำลังคน จึงถือเป็นงานหนักของแผนกสืบสวนพิเศษ

มีคนธรรมดาจำนวนไม่น้อยที่หลงเชื่อในพลังเลือด ถูกล่อลวง ถูกทำให้แปดเปื้อน และเสื่อมทรามกลายเป็นหนึ่งในสาวก สิ่งชั่วร้ายต่างๆ ที่พวกเขาทำถือเป็นปัญหาใหญ่

จากนั้น หลินจื่อเจินก็พูดบางอย่างที่มีความหมายลึกซึ้ง “เรากำลังศึกษาหาวิธีที่จะทำให้จำนวนผู้ปลุกพลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว”

ในความเป็นจริง มีวิธีแก้ปัญหาหนึ่งที่ชัดเจน แต่ก็ไม่อาจนำมาใช้ได้นั่นคือ หมอกดำในเมืองหยุน

ตอนนี้ทุกคนต่างรู้แล้วว่าหมอกดำในเมืองหยุนนั้นไม่เพียงแต่นำมาซึ่งอันตรายเท่านั้น แต่ยังนำมาซึ่งพลังงานมหาศาลอีกด้วย น่าเสียดายที่พลังงานเหล่านี้ไม่สามารถนำมาใช้งานได้

“เป็นความคิดที่ดี”

เธอพูดได้เพียงเท่านี้ เพราะหากไม่จำเป็นเธอไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวมากเกินไป

รถได้พาเธอไปที่ฐานที่มั่นของสาวกเลือดที่หลินจื่อเจินกล่าวถึงอย่างรวดเร็ว

“จากข่าวที่ได้รับมา วันนี้พวกเขากำลังประกอบพิธีอยู่ข้างใน เราจึงได้ตั้งวงล้อม และเตรียมตัวสำหรับการจับกุมตัว คุณอยากจะรออยู่ข้างนอกหรือ…”

สวี่จื้อพูดอย่างเมินเฉย “ฉันอยากเข้าไปดูด้วย ไม่ต้องกังวล ฉันจะไม่ตายง่ายๆ หรอก ต่อให้ตาย คุณก็แค่ต้องวนรถกลับไปรับฉันที่เดิม”

สวี่จื้อรู้ว่าเขากำลังกังวลอะไรอยู่ กลัวว่าหากเธอตาย การทำธุรกรรมก็จะล่าช้าไปอีก แต่สวี่จื้อก็ยังตัดสินใจเข้าไป เพื่อจะได้รู้ว่ามีความแตกต่างระหว่างสาวกในเมืองหยุนกับนอกเมืองหรือเปล่า

เมื่อเห็นท่าทียืนกรานของสวี่จื้อ หลินจื่อเจินก็ทำได้เพียงพยักหน้า “งั้นเราเข้าไปข้างในกันเถอะ”

หลังจากลงจากรถ อาคารหลังนั้นถูกตำรวจปิดล้อมด้วยกระสุนจริง และยังมีสมาชิกฝ่ายปฏิบัติการหลายคนที่สวมเครื่องแบบเหมือนหน่วยรบพิเศษแบบเดียวกับหลินจื่อเจินด้วย แต่พวกเขาดูจะแข็งแกร่งยิ่งกว่า

เมื่อสวี่จื้อเดินไปหาคนกลุ่มนี้ สวี่จื้อก็ได้พบกับคนคุ้นหน้าคุ้นตานั่นคือ ว่านหลัวที่เธอพบเมื่อไปเยี่ยมเยือนฝ่ายปฏิบัติการของแผนกสืบสวนพิเศษ

เป็นเรื่องบังเอิญที่น่าประหลาดใจมากจริงๆ

เห็นได้ชัดว่าสวี่จื้อไม่ใช่คนเดียวที่จำเขาได้ ว่านหลัวขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นสวี่จื้อ ที่เหมือนลูกคนใหญ่คนโตที่ถูกประคบประหงมเป็นอย่างดี

ท้ายที่สุดแล้ว ความประทับใจที่สวี่จื้อทิ้งไว้ให้กับเขาในตอนนี้ถือว่าไม่ดีเลย เธอใช้พลังวิเศษกับคนอื่นตามใจชอบ และดูเหมือนว่าเขาจะไม่เคยถูกสั่งสอนอย่างรุนแรง เธอจึงดูเหมือนเจ้าหญิงตัวน้อยจากตระกูลใหญ่ที่ออกมาเที่ยวเล่นข้างนอก

เมื่อเห็นเจ้าหญิงตัวน้อยในที่เกิดเหตุ โดยเฉพาะเป็นภารกิจสำคัญ ว่านหลัวจึงอดไม่ได้ที่จะโกรธขึ้นมา

แต่ก่อนที่เขาจะมีเวลาซักถาม สมาชิกในทีมก็พังประตูไปแล้วเพื่อป้องกันไม่ให้เป้าหมายหลบหนี เขาจึงต้องรีบไล่ตามไป

แต่ก่อนที่จะรีบเข้าไป เขามองไปไปทางหลินจื่อเจิน และพูด “อย่าขวางทาง!”

ดูเหมือนว่าเขากำลังพูดถึงหลินจื่อเจิน แต่จริงๆ เขาน่าจะกำลังหมายถึงสวี่จื้อมากกว่า

สวี่จื้อไม่รู้เรื่องนี้ แต่ต่อให้รู้เราก็ไม่ฟัง และไม่สนใจอยู่ดี เธอคิดว่าอีกฝ่ายกำลังพูดถึงหลินจื่อเจิน

สำหรับหลินจื่อเจิน เขาย่อมเข้าใจ แต่เขาก็แสร้งทำเป็นหูหนวก

“รีบเข้าไปกันเถอะ” เขาพูดกับสวี่จื้อราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ขณะนั้น มีเสียงปืนดังมาจากในตัวอาคาร สวี่จื้อพยักหน้า และวิ่งเข้าไปด้วยความตื่นเต้น

ระหว่างที่วิ่งอยู่ เธอได้ใช้สกิลเนตรส่องความลับไปพร้อมกัน จากนั้น เธอก็ได้เห็นสาวกกลุ่มหนึ่งที่ถูกปิดล้อม และปราบปรามอยู่ข้างในโดยสมาชิกของฝ่ายปฏิบัติการจากรัฐบาลกลาง หลังจากมองดูสักพัก เธอก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา

ไม่เพียงแต่สัตว์ประหลาด และผู้ปลุกพลังเท่านั้น แต่สาวกยังอ่อนแอกว่าพวกที่อยู่ในเมืองหยุนไม่น้อย

สิ่งนี้ทำให้เธอแปลกใจ ด้วยคนธรรมดาจำนวนมากที่สามารถใช้เป็นเครื่องสังเวย และเป็นอาหารเลือดเนื้อ พวกเขาควรจะมีทรัพยากรมากมายที่สามารถเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตัวเองได้อย่างรวดเร็ว

ด้วยพื้นที่กว้างขวาง ทางรัฐบาลไม่มีทางจับตาดูทุกซอกทุกมุมได้อย่างแน่นอน

แต่จากที่เธอเห็น ดูเหมือนสาวกของที่นี่เหมือนจะยังไม่สามารถตั้งตัวได้ และมีชีวิตที่ยากลำบาก

นี่มันผิดปกติจริงๆ

***อีกสองตอนลงตามเวลาเดิมตอนสิบเอ็ดโมงเช้า

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด