ตอนที่แล้วChapter 351 : เนตรรู้แจ้ง – จี้รู่เยว่ผู้ทรงพลัง (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 353 : การเคลื่อนไหวของทุกฝ่าย – ขึ้นเครื่องสู่กองทัพขั้วโลก (2)

Chapter 352 : การเคลื่อนไหวของทุกฝ่าย – ขึ้นเครื่องสู่กองทัพขั้วโลก (1) (ฟรี)


ได้ยินเช่นนี้หลินเซวียนก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้

อย่างไรก็ตามการรับรู้ของจี้รู่เยว่นั้นเฉียบคมยิ่ง

เขาพึ่งจะใช้เนตรรู้แจ้งมองดูหน้าต่างข้อมูลของเธอเท่านั้นอีกฝ่ายก็รู้สึกได้ทันทีเลยว่าตัวเองกำลังถูกจับตาอยู่

ถ้าเขาใช้สกิลนี้กับนักสู้ขอบเขตที่9หรือกระทั่งขอบเขตที่10คนอื่น...มีโอกาสเป็นไปได้สูงมากเช่นกันที่อีกฝ่ายจะรู้ตัวว่ากำลังโดนสอดส่อง

หลินเซวียนวางแผนในทันที

ดูเหมือนเขาจะใช้เนตรรู้แจ้งนี้แบบสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้

ถ้าไปกระตุ้นความระมัดระวังของอีกฝ่ายหรือกระทั่งจิตมุ่งร้ายเข้าคงเป็นปัญหาใหญ่แน่

หลินเซวียนอธิบายให้กับจี้รู่เยว่ฟังในทันทีเพื่อไม่ให้เธอรู้สึกไม่สบายใจจนเข้าใจผิด

หลังจากจี้รู่เยว่ได้ยินเธอก็มองมาที่เขาด้วยแววตาประหลาดใจ “ข้าเองก็มีหน้าต่างข้อมูลที่ว่าด้วย? แปลกยิ่งหากเป็นเช่นนั้นแล้วเหตุใดข้าถึงไม่เห็นกัน?”

เธอส่ายหัวด้วยท่าทีรำคาญใจ “อย่างไรก็ดีวิชานี้ของเจ้านั้นค่อนข้างยอดเยี่ยมนัก เจ้าสามารถมองเห็นระดับฝึกตนของผู้อื่นและวิชาที่พวกเขาฝึกฝนมาได้”

หลังจากหยุดไปชั่วครู่เธอก็เอ่ยปากชมออกมา

หลินเซวียนิ้ม “ถ้างั้นผมขอตัวก่อนแล้วกัน ผมยังเหลือเวลาอีกหนึ่งวันคงต้องไปตระเตรียมอะไรต่อมิอะไรอีก นอกจากนี้ยังต้องเลื่อนระดับเลเวลอีกด้วย”

“เข้าใจแล้ว”

...

อินเดีย

ภายในห้องทำงานของหัวหน้าองค์กร

หัวหน้าองค์กรยืนอยู่ข้างหน้าต่างอย่างเงียบเชียบ

อย่างไรก็ตามในหัวของเขานั้นมีเสียงตะโกนดังลั่นดังขึ้น

“ไปซะ! พวกเราต้องไปเดี๋ยวนี้!”

“พวกเราจักต้องตอบรับคำเชิญจากเหล่ามารทมิฬ!”

“พวกมันสัมผัสได้ถึงตัวตนของราชาผู้นี้แต่กลับไม่ได้มีจิตมุ่งร้ายหากแต่เลือกชักชวนข้าโดยหวังว่าข้าจะร่วมมือกับพวกมันโจมตีเผ่าเหมันต์และสตรีชุดขาวผู้นั้น”

“นี่มันหมายความว่าเช่นไร? เจ้าตอบได้ไหม?”

“มันหมายความว่าพวกมันหวั่นเกรงในความแข็งแกร่งของข้า! พวกมันรู้ดีว่าพวกมันไม่อาจเป็นศัตรูกับข้าได้ดังนั้นจึงชักชวนพวกเราอย่างนอบน้อม!” เสียงนี้เต็มไปด้วยความทะยานอยาก

ผู้นำองค์กรอินเดียขมวดคิ้ว “องค์ราชาสุริยันแต่นี่มัน...ผมเกรงว่ามันจะมีแผนการเบื้องหลัง”

“ไม่ใช่ว่าท่านกล่าวว่าท่านสามารถกลืนกินพลังภายในร่างของพวกเขาได้หากแต่พวกเขาก็สามารถทำได้เช่นกันรึ? แล้วถ้าพวกนั้น...”

ราชาสุริยันเอ่ยขัด “เขลานัก! เจ้าไม่เห็นสถานการณ์ในปัจจุบันของโลกใบนี้รึ?”

“การเชื่อมต่อระหว่างโลกแห่งสรรพธาตุกับโลกนี้นั้นคืบใกล้เข้ามามากขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ วันหนึ่งสิ่งมีชีวิตจากโลกแห่งสรรพธาตุก็จักมายังโลกนี้ได้โดยปราศจากสิ่งใดถ่วงรั้ง เมื่อถึงตอนนั้นโลกย่อมกลายเป็นส่วนหนึ่งของโลกแห่งสรรพธาตุ”

“เป้าหมายในปัจจุบันของเผ่ามารทมิฬย่อมเป้นเผ่าเหมันต์รวมไปถึงสตรีชุดขาวสะพายกระบี่สีดำที่อาศัยอยู่ในกองพลก่อสร้างผู้นั้น ถ้าพวกเราร่วมมือกับพวกมารทมิฬก็จักได้รับผลประโยชน์จากชัยชนะโดยไม่ต้องเหนื่อยแรง”

“เมื่อความแข็งแกร่งของข้าฟื้นฟูถึงขีดสุดถึงตอนนั้นกะอีแค่มารทมิฬจะนับเป็นอันใด?”

หลังจากได้ยินเช่นนี้หัวหน้าองค์กรอินเดียก็เริ่มลังเล

หลังจากผ่านไปเนิ่นนานก็ดูเหมือนเขาจะตัดสินใจได้แล้ว “ดี! ฝ่าบาทเช่นนั้นแล้วกระผมก็จะทำตามการตัดสินใจของท่าน!”

ราชาสุริยันพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “ดีมาก เจ้าต้องเชื่อมมั่นในความแข็งแกร่งของข้าเช่นนี้แล!”

“ยังไงก็ตามพวกมารทมิฬพวกนั้นมันพูดว่ายังไงบ้างรึ?”

หัวหน้าองค์กรอินเดียเอ่ยตอบเสียงต่ำ “สถานการณ์โดยรวมนั้นมีองค์กรผู้กู้โลกเป็นผู้จัดแจง พวกนั้นกล่าวว่าพวกเราควรจะจัดเตรียมนักสู้ชั้นยอดมุ่งหน้าไปยังทุ่งหิมะเยือกแข็งอย่างเงียบเชียบผ่านทางปราการเทพธิดา ที่นั่นมีเส้นทางที่พวกมารทมิฬเปิดเอาไว้ให้ครับ”

ราชาสุริยันพยักหน้ารับ “ดีถ้างั้นเจ้าจงไปจัดแจงกำลังพลซะ ด้วยข้าที่อยู่ในร่างของเจ้าอย่างน้อยก็สามารถสำแดงพลังได้ระดับ..หากอิงจากระดับพลังของพวกเจ้าก็ควรจะอยู่ในระดับขอบเขตที่10เลเวล2สินะ ใช่แล้วเป็นขอบเขตที่10เลเวล2!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้หัวหน้าองค์กรอินเดียก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้นไปอีก

‘ฝ่าบาทราชาสุริยันทรงพลังจริงๆ!’ เขาคิดกับตัวเอง

...

ทุ่งราบมหาสวรรค์ – ภายในห้องทำงานของชาโดว์

เบื้องหน้าของเขาคือชายหัวล้านผู้หนึ่ง

ชายหัวล้านผู้นี้คือนักสู้ขอบเขตที่9ผู้สร้างความอับอายให้แก่องค์กรผู้กู้โลก – แจ็ค

ถูกแล้ว ณ ปัจจุบันนั้นตัวเขาเป็นเพียงนักสู้ขอบเขตที่8เลเวล9เท่านั้น

“ท่านชาโดว์โปรดคิดวิเคราะห์เรื่องพันธมิตรให้ดีเถอะครับ การล้อมกรอบและล้างสังหารเผ่าเหมันต์คือเรื่องสำคัญที่สุด ท่านทูติไม่คิดจะปล่อยให้เผ่าพันธุ์อื่นมันยื่นมือมาชกฉวยผลประโยชน์อยู่แล้ว” แจ็คในเวลานี้ดูเหย่อหยิ่งจองหองยิ่งและคำกล่าวของเขาก็หาได้สุภาพไม่

ใบหน้าของชาโดว์ไม่มีเค้าลางความประหลาดใจแม้เพยีงนิดหากแต่เพียงพยักหน้ารับเบาๆ “ไม่ต้องห่วงทุ่งราบมหาสวรรค์เราจะเดินทัพและล่าถอยพร้อมๆกับองค์กรผู้กู้โลก เป้าหมายของพวกเรานั้นใกล้เคียงกัน”

“ถ้างั้นก็ดี องค์กรผู้กู้โลกยินต้อนรับท่านเสมอท่านชาโดว์” แจ็คยิ้มอย่างจองหอง

“จริงสิ ท่านชาโดว์โปรดจำไว้ด้วยว่าอย่าได้สร้างความวุ่นวาย เรื่องนี้ต้องทำให้เงียบเชียบและกวาดล้างพวกเผ่าเหมันต์ให้สิ้นซากให้คราวเดียว!” หลังจากกล่าวจบเขาก็หยิบหน้ากากขึ้นมาสวมก่อนจะหมุนตัวจากไป

“โอหังจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าหยุดมันเอาไว้ก่อน ด้วยนิสัยของราชันย์ผู้นี้ข้าคงจะสับมันเป็นชิ้นๆไปแล้ว” เงาร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของชาโดว์และนั่นก็คือราชันย์เว่ยหมิงผู้มีใบหน้าเย็นเยียบ

“ฝ่าบาท เหตุผลที่หมอนั่นมันจองหองขนาดนั้นก็เพราะเบื้องหลังขององค์กรผู้กู้โลกมีเผ่ามารทมิฬอยู่ ด้วยความแข็งแกร่งของท่านในตอนนี้เกรงว่าการจะปะทะกับเผ่ามารทมิฬซึ่งๆหน้าคงไม่เหมาะนัก” ชาโดว์หลุบตาลง

แววตาของราชันย์เว่ยหมิงเย็นเยียบขึ้นมา “ชาโดว์! เจ้าหมายความว่าเช่นไร? เจ้าคิดว่าข้าไม่แข็งแกร่งพอจะคุ้มครองเจ้าและทุ่งราบมหาสวรรค์รึ?”

“ผู้น้อยมิกล้า”

ราชาเว่ยหมิงแค่นเสียง “ไม่ต้องกังวลไป! ข้ามีวิชาลับที่สืบทอดกันมาของราชวงค์แดนต้นกก ตราบใดที่ข้าสามารถสังหารคนของเผ่าเหมันต์ได้จำนวนหนึ่งความแข็งแกร่งของข้าก็จักฟื้นคืนอย่างรวดเร็ว”

“ชาโดว์มิกล้าคลางแคลงในความแข็งแกร่งของฝ่าบาทขอรับ” ชาโดว์ยังคงหลบตาอีกฝ่ายและไม่แสดงสีหน้าแปลกๆใดๆออกมาเลย

...

ภาคีอัศวินแห่งความจริง – เมืองแห่งสัจจะ

ในเวลานี้ภายในเมืองได้มีการจัดงานครั้งยิ่งใหญ่

พระสันตะปาปาองค์ใหม่กำลังจะถูกแต่งตั้ง!

บรูโน่กำหมัดแน่นและจับจ้องมองไปยังบรรลังค์ของพระสันตะปาปาเขม็งด้วยสีหน้าไม่ยินยอม

“ทำไมหมอนั่นมันถึงได้เป็นพระสันตะปาปา!?” เขาคำรามออกมาในลำคอ

ผู้บัญชาการสูงสุดของกองอัศวินยื่นมือมาปิดปากของเขาและส่ายหัวเบาๆ “ระวังคำพูดคำจาและการกระทำของนายด้วย”

พระสันตะปาปาองค์ใหม่ราวกับจะสัมผัสได้ถึงเหตุการณ์เล็กๆน้อยๆนี้ของผู้บัญชาการสูงสุดและบรูโน่หากแต่อีกฝ่ายนั้นกลับเพียงยิ้มอ่อน

ผู้บัญชาการสูงสุดของกองอัศวินลอบถอนหายใจออกมาภายในใจ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด