บทที่ 68 ความจริงและความเท็จ
เรื่องนี้จะมีตอนฟรีทั้งหมด 1-200 ตอน และ....ถ้ายอดกดไลก์เพิ่ม 100 ก็จะแถมให้ฟรี 20 ตอนครับ (ปล.เริ่มนับจาก 8700 นะ เช่นขึ้นไป 8800 ก็บวกให้ 20 ตอน ถ้ายอดมันขึ้นยันจบเรื่อง ก็เปิดให้ฟรีหมดอะ)
*ครบหมื่น แถม 100 ตอนไปอีก เอาเป็นว่าจำกัดวันด้วยแล้วกัน เพราะงี้ถ้าเกิดครบขึ้นมาแบบ 2 ปีต่อมาลืมแหง เอาถึง 1/4/2568 นะครับ ก็คือ 1 เมษายน*
แฟนเพจกดไลก์ได้ที่ ยักษาแปร | Facebook
บทที่ 68 ความจริงและความเท็จ
หลินเสวียนลุกจากเตียง เปิดไฟ แล้วเดินไปห้องน้ำล้างหน้า
“ไม่น่าเชื่อ…” หลินเสวียนมองตัวเองในกระจก “มันดันเป็นเวลา 00:42 จริง ๆ ด้วย” อย่างที่คาดไว้ และก็สมเหตุสมผลด้วย เขาเช็ดหน้าแล้วกลับไปที่ห้องนอน นั่งลงที่โต๊ะทำงาน คิดทบทวนเรื่องราวไปพลาง หมุนปากกาไปพลาง
การเข้าไปในความฝันครั้งนี้ ถือเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา ทำให้เขาได้เบาะแสและแนวทางที่ชัดเจนขึ้น
“อย่างแรกเลย คือการแยกแยะความจริงและความเท็จ” ตอนนี้สามารถยืนยันได้แล้วว่า—
เรื่องที่พี่แมวอ้วนบอกมาเกี่ยวกับพ่อและลูกสาวนักคณิตศาสตร์ที่ถูกชนตายด้วยรถบรรทุกเวลา 00:42 นั้น เป็น【ความจริง】
ส่วนเรื่อง “มีเพียงคนรวยระดับท็อปสุด ๆ อัจฉริยะที่สุด และคนมีอำนาจมากที่สุดเท่านั้น ที่จะได้รับจดหมายเชิญจากสโมสรอัจฉริยะ” นั้น ตรวจสอบแล้วเป็น【ความเท็จ】
ความคิดของหลินเสวียนกระฉับกระเฉงขึ้นมา: “พอได้ข้อมูลที่ยืนยันความจริงและความเท็จแล้ว…ก็สามารถสืบหาความจริงได้มากขึ้น”
เขาเปิดโคมไฟตั้งโต๊ะ หยิบกระดาษ A4 มาแผ่นหนึ่ง เขียนลงไปว่า—
【ข้อสรุปจากการวิเคราะห์】
【1、การตายของศาสตราจารย์สวี่หยุน ต้องเกี่ยวข้องกับสโมสรอัจฉริยะอย่างแน่นอน】
หลินเสวียนคิดว่า ในเรื่องการตายของศาสตราจารย์สวี่หยุนและพ่อของพี่แมวอ้วนนั้น สโมสรอัจฉริยะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่เกี่ยวข้อง
ถ้าไม่ใช่แบบนั้น พี่แมวอ้วนคงไม่มาตามหาชื่อ “สโมสรอัจฉริยะ” โดยไม่บอกเหตุผลหรอก
หลินเสวียนเคยค้นหาในเน็ตแล้ว แต่ก็หาข้อมูลเกี่ยวกับ “สโมสรอัจฉริยะ” ไม่เจอเลยสักนิด
ผลการค้นหาที่ออกมาอลหม่านนั้น มีทั้งการตั้งค่าเกม และผลงานภาพยนตร์-ซีรีส์ที่ชื่อเดียวกัน……แต่เห็นได้ชัดว่า ไม่ใช่ “สโมสรอัจฉริยะ” ที่พี่แมวอ้วนพูดถึงแน่นอน
“สงสัยจังว่าพี่แมวอ้วนมันไปรู้จักชื่อนี้มาได้ยังไงนะ”
หลินเสวียนเกาหัว คิดว่าจะถามพี่แมวอ้วนให้ละเอียดในฝันครั้งหน้า
ในฝันเมื่อครู่ พี่แมวอ้วนรีบหนี หลินเสวียนถามเขาหลายครั้ง แต่พี่แมวอ้วนก็บอกแต่ว่าเดี๋ยวค่อยคุย ตอนนี้หนีเอาตัวรอดก่อน……คิดแล้วมันคงรู้สึกว่าได้เงินมาแล้ว เลยอยากรีบหนีไปเก็บเงินให้ปลอดภัย ใจร้อนจริง ๆ
แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม
การตายของพ่อพี่แมวอ้วน ต้องเกี่ยวข้องกับ “สโมสรอัจฉริยะ” อย่างแน่นอน
แล้ว……
นักคณิตศาสตร์คนหนึ่งถูกชนตายเวลา 00:42 น. นักวิทยาศาสตร์อีกคนหนึ่งถูกชนตายเวลา 00:42 น.
ถึงแม้ว่าสองคดีนี้จะห่างกันถึง 600 ปี
แต่ความบังเอิญที่ทั้งผู้ตายและเวลาตรงกันขนาดนี้ มีโอกาสสูงมากที่เป็นฝีมือของคนร้ายคนเดียวกัน
ดังนั้น การตายของอาจารย์สวี่หยุน “สโมสรอัจฉริยะ” น่าจะเกี่ยวข้องด้วย
ตอนนี้ปัญหาอยู่ที่
“ความเกี่ยวข้อง” นั้น มันเป็นความเกี่ยวข้องแบบไหนกันแน่?
หรือว่า “สโมสรอัจฉริยะ” เป็นผู้บงการให้ฆาตกรฆ่าคน?
หรือจะมีสาเหตุอื่นที่ทำให้พี่แมวอ้วนตามร่องรอยของฆาตกรไปเจอชื่อ "สโมสรอัจฉริยะ" นี่?
ถึงพี่แมวอ้วนจะมั่นใจว่าสโมสรอัจฉริยะเป็นคนฆ่าพ่อเขา แต่ในสายตาของหลินเสวียนแล้ว ก็ยังน่าสงสัยอยู่ เพราะหลักฐานยังไม่ชัดเจนพอ
คนที่มุ่งมั่นแก้แค้น บางครั้งก็จะยึดติดกับเบาะแสเล็ก ๆ น้อย ๆ ราวกับห่วงชีวิตไว้ไม่ยอมปล่อย และพยายามย้ำกับตัวเองว่านั่นคือความจริง การวิเคราะห์ของพี่แมวอ้วน อาจจะไม่ค่อยรอบคอบนัก
แล้วก็ยังมีอีกอย่างที่นึกไม่ออก
“ฆาตกรพยายามปิดบังการฆาตกรรมนักวิทยาศาสตร์ให้เป็นอุบัติเหตุทางรถยนต์ แต่กลับยืนกรานให้เกิดอุบัติเหตุในเวลา 00:42 น.……”
หลินเสวียนยังไม่เข้าใจ
นั่นหมายความว่าอย่างไร?
ทำไมต้องปิดบังให้เป็นอุบัติเหตุทางรถยนต์ แต่กลับตั้งใจกำหนดเวลาให้เป๊ะขนาดนี้?
นี่มันไม่ใช่เรื่องที่ขัดแย้งกันหรือไง?
“รู้สึกเหมือน…นี่เป็นการโอ้อวดที่หยิ่งยโส เหมือนตั้งใจทำเพื่อให้ใครบางคนเห็น”
หลินเสวียนงง
แต่เวลานี้มันแปลกจริง ๆ ตรงกับเวลาที่ฝันของเขาจบลงเป๊ะ ๆ
00:42
มันคืออะไรกัน?
มันหมายความว่าอย่างไร?
มันมีความหมายพิเศษอะไร?
“จริง ๆ แล้วนี่ก็ยังไม่ใช่ส่วนที่ยากที่สุดในการทำความเข้าใจ”
หลินเสวียนหมุนปากกาไปมา
พวกเขาทำยังไงถึงได้มั่นใจว่าจะฆ่าคนได้ตรงเวลา 00:42 น. กันแน่?
มันแปลกประหลาดมาก
พวกเขารอคอยทุกวัน ถ้าถึง 00:42 น. ฆ่าได้ก็ฆ่า ฆ่าไม่ได้ก็รอวันพรุ่งนี้?
หรือว่า……
มีคนข้างในร่วมมือ และต้องควบคุมเวลาให้ตรงกับ 00:42 น. ให้ได้?
……
หลินเสวียนยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าเรื่องนี้มันยุ่งยากเกินไปแล้ว
00:42 เวลานี้มันผิดปกติมาก แต่ตอนนี้ก็ยังไม่มีเบาะแสอะไรเลย หาทางลงลึกไม่ได้
หลินเสวียนเขียนต่อ จดข้อสรุปข้อที่สองลงในสมุดบันทึก:
【2. คุณสมบัติในการเข้าร่วมสโมสรอัจฉริยะ ไม่ได้ดูแค่ความมั่งคั่งและฐานะ ต้องมีเงื่อนไขอื่น ๆ อีกแน่นอน】
“จริง ๆ แล้วแบบนี้มันสมเหตุสมผลกว่า”
ก่อนหน้านี้หลินเสวียนก็สงสัย “ข่าวลือ” นั้นมาหลายครั้งแล้ว ที่ว่ามีแต่คนรวยระดับท็อป อัจฉริยะที่สุด และคนมีอำนาจมากที่สุดเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์เข้าร่วมสโมสรอัจฉริยะ
พูดตามตรง มันไม่ฉลาดเลย และไม่สมจริงด้วย
ถึงแม้ว่าเกณฑ์การเข้าร่วมตามข่าวลือนี้จะดูสูงมาก…แต่ถ้ามองในมุมของประวัติศาสตร์ยาวนาน เกณฑ์นี้กลับต่ำเสียจนน่าตกใจ
ทุกปีก็มีมหาเศรษฐีใหม่ ๆ คนมีอำนาจใหม่ ๆ และรางวัลโนเบลใหม่ ๆ ถ้าส่งจดหมายเชิญตามมาตรฐานนี้…
คงต้องส่งออกไปเป็นร้อย ๆ ฉบับต่อปี สมาชิกของสโมสรอัจฉริยะคงมีอย่างน้อยหลายพันคน
องค์กรขนาดใหญ่ที่ส่งจดหมายเชิญบ่อย ๆ และมีสมาชิกถึงหลายพันคน เป็นไปไม่ได้เลยที่จะซ่อนตัวอยู่ในหมอกแห่งประวัติศาสตร์ หาเบาะแสอะไรไม่เจอเลยสักนิด
เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน
บางทีอาจคิดแบบนี้ได้… ความมั่งคั่ง ฐานะ ชื่อเสียง และไอคิว อาจเป็นเพียงเงื่อนไขพื้นฐานในการเข้าร่วมสโมสรอัจฉริยะ แต่ไม่ใช่เงื่อนไขที่สำคัญที่สุด
“ใครก็ตามที่ได้รับบัตรเชิญจากสโมสรอัจฉริยะนั้น ต้องมีความสามารถพิเศษเหนือคนทั่วไป และเหตุผลเบื้องหลังยิ่งลึกลับกว่านั้น…”
“ตลอด 600 ปีที่ผ่านมา…อาจมีเพียงไม่กี่คน หรือสิบกว่าคนเท่านั้นที่ผ่านเกณฑ์การสมัคร นั่นจึงเป็นเหตุผลที่องค์กรนี้สามารถดำรงอยู่เงียบ ๆ ในเงามืด โดยไม่มีใครรู้เบาะแสเลยแม้แต่น้อย”
【สมาชิกของสโมสรอัจฉริยะจึงต้องมีจำนวนน้อยมาก ไม่เช่นนั้นคงถูกเปิดโปงไปนานแล้ว ในช่วงเวลา 600 ปีที่ผ่านมา】
…
พอคิดแบบนี้แล้ว ทุกอย่างก็กระจ่างขึ้นเยอะ เรื่องที่จ้าวอิงจวิ้นได้รับบัตรเชิญก็เลยเข้าใจได้
ถ้าอ้างอิงข่าวลือ ถ้าจ้าวอิงจวิ้นคนธรรมดายังได้รับบัตรเชิญ แล้วฉู่ซานเหอผู้ประสบความสำเร็จ และหลี่เฉิงผู้ร่ำรวย จะมีสิทธิ์ไม่ได้รับบัตรเชิญได้ยังไง?
แต่ความจริงก็คือ หลี่เฉิงไม่รู้จักสโมสรอัจฉริยะเลยสักนิด
ส่วนฉู่ซานเหอ…หลินเสวียนไม่แน่ใจ แต่เขารู้สึกว่าฉู่ซานเหอก็คงไม่ใช่สมาชิกสโมสรอัจฉริยะเช่นกัน
ถ้าเป้าหมายคือการกำจัดบริษัทวิทยาการจำศีล แล้วทำไมเขาถึงยังสนับสนุนสวี่หยุนมาสิบปีเต็ม?
แต่ว่า…อีกมุมหนึ่ง
“แล้วจ้าวอิงจวิ้นล่ะ…”
พอนึกถึงเจ้านายผู้หญิงของเขา ผู้ที่ทั้งสง่างามและงดงาม หลินเสวียนก็ยังคาใจอยู่:
“แล้วเธอมีดีอะไร มีอะไรพิเศษอะไร……ถึงได้รับบัตรเชิญจากสโมสรอัจฉริยะล่ะเนี่ย?”
คิดได้ดังนั้น
หลินเสวียนจึงหยิบปากกาขึ้นมาอีกครั้ง เขียนข้อสรุปข้อที่สามลงในสมุดบันทึก:
【3. จ้าวอิงจวิ้นได้รับบัตรเชิญจากสโมสรอัจฉริยะจริง แต่ว่าจะเข้าร่วมหรือไม่ และจะเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมครั้งนี้หรือเปล่า ยังไม่ชัดเจน】
จริง ๆ แล้วข้อสรุปนี้ เขาคิดไว้ตั้งแต่ก่อนแล้ว
เพียงแต่หลินเสวียนยังไม่ได้คิดให้ลึกซึ้งเท่าไหร่
สาเหตุก็เพราะว่า ก่อนหน้านี้ข้อมูลเกี่ยวกับสโมสรอัจฉริยะต่าง ๆ ยังไม่ชัดเจน แยกแยะความจริงและความเท็จได้ยาก เต็มไปด้วยความขัดแย้ง ทำให้เขาตัดสินใจไม่ได้อย่างถูกต้อง
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว
ถึงแม้สโมสรอัจฉริยะยังคงมีปริศนาอีก 99% ซ่อนอยู่ แต่ก็มีข้อมูลอย่างน้อย 1% โผล่ขึ้นมาให้เห็นแล้ว
และนั่นคือข้อมูลเพียง 1% ที่ล้ำค่า ที่ทำให้หลินเสวียนสามารถสรุปข้อสรุปสำคัญทั้งสามข้อนี้ลงในสมุดบันทึกได้
“จ้าวอิงจวิ้น……”
เขาจ้องมองชื่อที่คุ้นเคย จนคุ้นเคยเกินไปแล้ว ในข้อสรุปข้อที่สาม
“ทำไมเธอถึงได้รับบัตรเชิญล่ะ?”
หลินเสวียนกุมคาง ครุ่นคิด……
ต้องมีเหตุผล【พิเศษอะไรบางอย่าง】แน่ ๆ ที่ทำให้สโมสรอัจฉริยะ องค์กรลึกลับสมาชิกน้อยนิด ยอมรับจ้าวอิงจวิ้นเข้าร่วม
จริง ๆ แล้วลองคิดดูให้ดี ๆ สิ
จ้าวอิงจวิ้น ผู้หญิงคนนี้ เธอลึกลับเสียจริง หลินเสวียนเคยติดต่อกับเธอมาหลายครั้ง แต่ถ้าถามถึงความเข้าใจที่มีต่อเธอ…
ก็ไม่มีเลย
นอกจากอายุและชื่อแล้ว ก็ไม่รู้จักอะไรเกี่ยวกับเธออีกเลย
หลินเสวียนค้นพบอย่างไม่คาดคิดว่า ตัวเองไม่รู้จักจ้าวอิงจวิ้นเลย
“ถ้าอยากไขความกระจ่างเรื่องการตายของสวี่หยุน หาความจริงให้ได้ และเข้าใจเป้าหมายและลักษณะของสโมสรอัจฉริยะมากขึ้น ก็มีทางเดียว…”
เขาเปิดลิ้นชัก
หยิบก้อนขี้ผึ้งปิดผนึกที่มีตราสัญลักษณ์ของสโมสรอัจฉริยะออกมาจากด้านในสุด
ก้อนขี้ผึ้งกลม ๆ สะท้อนแสงไฟจากโคมไฟตั้งโต๊ะ เปล่งประกายสีแดงเลือด เหมือนเลือด เหมือนแสงอาทิตย์ตกดิน
“ในคำเชิญของสโมสรอัจฉริยะ มันเขียนอะไรไว้บ้าง?”
เนื้อหาคืออะไร?
สถานที่จัดงานคือที่ไหน?
เวลาจัดงานคือเมื่อไร?
เป้าหมายของสโมสรคืออะไร?
หลินเสวียนหรี่ตาลง มองมือขวาที่ชี้ตรงขึ้นไปบนท้องฟ้าบนก้อนขี้ผึ้ง
“ต้องหาวิธี…”
“เพื่อให้ได้เห็นคำเชิญฉบับนั้นให้ได้!”