ตอนที่แล้วบทที่ 27 นี่มันอาจจะผูกขาดได้เลยนะ!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 29 การปฏิเสธอย่างแน่วแน่

บทที่ 28 บ้านสกุลจ้าวเริ่มร้อนรนแล้ว


บทที่ 28 บ้านสกุลจ้าวเริ่มร้อนรนแล้ว

ผลผลิตมากกว่าการวิเคราะห์ที่ควรจะเป็นตั้ง 40% เลยเนี่ยนะ!

"ผมว่า สิ่งที่คุณควรทำตอนนี้ก็คือไปหาผู้ใหญ่บ้านเฉิน แล้วบอกเขาว่าพวกเราไม่สามารถที่จะซื้อกล้วยไม้สกุลหวายทั้งหมดที่นี่ได้ ถ้าเกิดเก็บเกี่ยวเยอะเกินไปมันก็คงจะไม่ดี"

การที่จะระดมเงิน 50 ล้านมาซื้อสมุนไพรอย่างใดอย่างหนึ่งก็ถือว่าเป็นขีดจำกัดของบริษัทแล้ว

และในช่วงเวลาสั้นๆ พวกเขาก็คงจะไม่สามารถขอเงินมาเพิ่มอีก 20 ล้านได้แน่ๆ

หลี่ชุนเหลยที่ถูกหลิวผลักปลุกให้ตื่นก็เพิ่งจะได้สติแล้วรีบวิ่งออกไปหาผู้ใหญ่บ้านเฉินในทันที..

"ผู้ใหญ่บ้านเฉิน คือว่า..."

เมื่อหาเฉินจิ่วซือเจอ หลี่ชุนเหลยก็พูดไม่ออก

สถานการณ์นี้ไม่เหมือนกับวันที่เขาพูดอย่างมั่นใจเมื่อไม่กี่วันก่อน

"ผู้จัดการหลี่ มีอะไรก็พูดมาได้เลยครับ"

เฉินจิ่วซือยิ้ม "พวกเราไม่จำเป็นต้องมีพิธีรีตองอะไรกัน"

"คือ...ว่า...ทางเราอาจจะซื้อกล้วยไม้สกุลหวายได้ไม่เยอะขนาดนั้นครับ......" เมื่อเห็นสีหน้าของเฉินจิ่วซือแข็งทื่อ หลี่ชุนเหลยก็รีบพูดต่อ "พวกเราเตรียมเงินมา 50 ล้าน แต่ผลผลิตกล้วยไม้สกุลหวายทางคุณ มันเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ครับ"

"หืออ"

เฉินจิ่วซือไม่เข้าใจ แต่เดิมเขาเองก็คิดว่าพอเก็บเกี่ยวได้ประมาณสองในสามส่วน ก็จะบอกให้หยุดเก็บเกี่ยว แล้วขายให้หลี่ชุนเหลยเท่านั้นก็พอแล้ว

แต่เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมาบอกก่อนว่าอาจจะซื้อได้ไม่เยอะขนาดนั้น

แต่ก็ดีแล้ว

ดังนั้นก็ต้องถามให้เคลียร์ไปก่อนว่าต้องการจะซื้อเท่าไหร่

ถ้ามันไม่มากเกินไป เขาก็ยินดีที่จะยอมรับ

แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไร อีกฝ่ายก็อธิบายออกมาแล้ว

พวกเขาเตรียมเงินมา 50 ล้าน

แต่ 50 ล้านยังไม่พองั้นเหรอ

นั่นมันก็มากพอที่จะซื้อกล้วยไม้สกุลหวายตามราคาที่ตกลงได้ 170,000 กิโลแล้วนะ!

ในสถานการณ์ปกติ 1,000 เอเคอร์ ก็ควรจะมีผลผลิตประมาณ 150,000 กิโลไม่ใช่เหรอ

หรือว่าหินภูเขาไฟไม่ได้ช่วยแค่เรื่องคุณภาพ แต่ยังสามารถเพิ่มปริมาณผลผลิตได้ด้วยงั้นหรอ

ในฐานะที่เป็นคนแรกที่นำกล้วยไม้สกุลหวายมายังเขตร้อน ที่จริงแล้วเขาก็ต้องเผชิญกับสิ่งที่ไม่รู้มากมาย

สภาพอากาศ หินภูเขาไฟ ความชื้น สิ่งเหล่านี้จะต้องมีผลกระทบแน่นอน

การที่ปริมาณผลผลิตอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

แต่มันก็ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงจนเกินไปขนาดนี้ไม่ใช่เหรอ

เฉินจิ่วซือพยายามค้นหาข้อมูลในหัว แล้วทำการเปรียบเทียบ ดูเหมือนว่ากล้วยไม้สกุลหวายในหมู่บ้านของเขาจะมีขนาดใหญ่กว่ากล้วยไม้สกุลหวายในเขตผลิตอื่นๆ จริงๆ

แต่ก็ไม่น่าจะเยอะมากขนาดนั้นไม่ใช่เหรอ

"คือพวกเราได้ทำการเก็บเกี่ยวและชั่งน้ำหนักในหลายๆ พื้นที่แล้ว แล้วก็พบว่าปริมาณผลผลิตทางคุณมันสูงมาก อาจจะเป็นเพราะสภาพอากาศทางคุณเหมาะกับการเจริญเติบโตของกล้วยไม้สกุลหวายมากกว่าที่อื่น"

หลี่ชุนเหลยที่สังเกตเห็นสีหน้าของเฉินจิ่วซือ แล้วรีบคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมา ก็เข้าใจทันที "สรุปก็คือ จากการคำนวณ ผลผลิตกล้วยไม้สกุลหวายทางคุณ อาจจะมีประมาณ 250,000 กิโล พวกเราสามารถระดมทุนเพิ่มได้อีกนิดหน่อยและสามารถซื้อได้มากที่สุด 180,000 กิโล คุณว่า......แน่นอนว่าถ้าคุณยินดี พวกเราสามารถแนะนำบริษัทอื่นๆ ให้คุณได้"

สามารถผลิตได้ถึง 250,000 กิโลเลยหรอ?!

เฉินจิ่วซือถึงกับตกใจ

ผลผลิตมันมากกว่าเดิมตั้ง 100,000 กิโลงั้นหรอ

มันมากเกินไปไหมเนี่ย

เท่ากับว่าเฉลี่ยแล้วแต่ละไร่เพิ่มมา 100 กิโลเลยนะ!

เฉินจิ่วซือไม่กล้าที่จะเชื่อ "คุณแน่ใจนะ ไม่ใช่แค่บางพื้นที่ที่เยอะเป็นพิเศษเหรอ"

"เจ้าหน้าที่เทคนิคของพวกเราได้นำชาวบ้านไปเก็บเกี่ยวในหลายๆ พื้นที่แล้ว ถึงแม้ว่าแต่ละพื้นที่จะมีผลผลิตที่แตกต่างกันออกไป แต่โดยรวมแล้วก็เฉลี่ยได้เป็นตัวเลขนี้ครับ"

เมื่อได้รับการยืนยันอีกครั้ง เฉินจิ่วซือก็ตกอยู่ในภวังค์

แต่เดิมเขาก็คิดว่า พวกเขาจะขาย 100,000 กิโล แล้วเก็บไว้แปรรูปเอง 30,000-40,000 กิโลที่เหลือ

แต่ตอนนี้กลับพบว่า ถ้า 1,000 เอเคอร์ของพวกเขานั้นจริงๆ แล้วสามารถผลิตได้ 250,000 กิโล อย่างนั้นถ้านับเฉพาะ 90 % ที่ยอมทำสัญญากับบริษัท เขาก็จะมีกล้วยไม้สกุลหวายอยู่ในมือประมาณ 225,000 กิโลงั้นหรอ!

แสดงว่าเมื่อสนองความต้องการซื้อของหลี่ชุนเหลยที่ 180,000 กิโลแล้ว ก็จะเหลืออีกประมาณ 40,000-50,000 กิโลเลยสินะ

แบบนี้มันก็เข้าทางสุดๆ ไปเลยน่ะสิเนี่ย!

ขาย 180,000 กิโล ได้เงิน 50,400,000 หยวน จากกล้วยไม้สกุลหวาย 225,000 กิโลที่อยู่ในมือของเขา เท่ากับว่าเขาต้องจ่ายเงินให้ชาวบ้าน 33,750,000 หยวน จากนั้นก็จะมีกำไรสุทธิคือ 16,650,000 หยวนแล้วก็จะเหลือกล้วยไม้สกุลหวายอีก 45,000 กิโลที่สามารถนำไปแปรรูปได้

ถ้าพวกหัวอนุรักษ์นิยมรู้เรื่องพวกนี้ ก็คงจะยิ้มจนปากฉีก

"ผู้ใหญ่บ้านเฉิน..."

หลี่ชุนเหลยที่เห็นว่าเฉินจิ่วซือไม่พูดอะไร ก็กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เฉินจิ่วซือก็พูดขึ้นมาว่า "ผลผลิตมันเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่ก็ไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมาย เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เดี๋ยวผมจะไปตรวจสอบในพื้นที่จริง ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ พวกเราก็จะเก็บเกี่ยว 180,000 กิโลก็แล้วกัน"

"ครับ! ขอบคุณมากครับ!" เมื่อได้ยินอีกฝ่ายตอบตกลง หลี่ชุนเหลยก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

"ผมไปดูสถานการณ์ก่อนนะครับ" เฉินจิ่วซือโบกมือไปมา

แต่เขาก็ยังไม่ทันได้ออกจากลานหน้าบ้าน ฝูจือหยินก็วิ่งมาจากที่ไกลๆ "จิ่วซือ ผลผลิตกล้วยไม้สกุลหวายพวกเรามันประเมินผิดไปแล้ว!"

"ผู้จัดการหลี่ คุณก็อยู่ด้วยเหรอ งั้นก็ประหยัดเวลาที่ต้องไปหาคุณพอดีเลย"

"อย่าบอกนะว่าพื้นที่ของเธอได้ผลผลิต 250 กิโลต่อเอเคอร์งั้นหรอ" เฉินจิ่วซือไม่พูดพร่ำทำเพลง แล้วถามไปตรงๆ

"ใช่ ไม่ใช่แค่ฉันนะ คนอื่นๆ เองก็... หือ นายรู้แล้วเหรอ"

ฝูจือหยินตื่นเต้นเล็กน้อย

พื้นที่ 7 เอเคอร์ของบ้านเธอนั้นก็ทำผลผลิตได้ถึง 2,000 กิโลเลยทีเดียว

ซึ่งถ้าขายในราคากิโลละ 150 หยวน.. 300,000 หยวน!

พวกเขาไม่เคยปลูกอะไร 7 เอเคอร์แบบนี้แล้วทำเงินได้ 300,000 หยวนมาก่อนเลย

ปลูกมาสามปีงั้นเหรอ.. อย่าว่าแต่สามปีเลย ถ้ามันทำเงินได้ขนาดนี้จะ 5 ปี 10 ปี ก็ยอมเสียเวลาปลูกทั้งนั้น แถมกล้วยไม้สกุลหวายก็ไม่ใช่การค้าขายครั้งเดียว เก็บเกี่ยวครั้งหนึ่ง แล้วรออีกไม่กี่เดือนก็จะสามารถเก็บเกี่ยวได้อีก!

บนเกาะที่มีแต่หินแห่งนี้ การเพาะปลูกและงานทางการเกษตรแทบจะหยุดชะงัก ทำให้เมื่อได้เห็นผลผลิตแบบนี้ ความตื่นเต้นจากส่วนลึกของหัวใจก็ไม่อาจจะระงับเอาไว้ได้

แต่การตื่นเต้นก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะโง่ ในไม่ช้า ฝูจือหยินก็รู้สึกถึงความผิดปกติ

เธอยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ แล้วเฉินจิ่วซือรู้ได้ยังไงกัน

"ผู้จัดการหลี่ก็มาบอกเรื่องนี้แหละ" เฉินจิ่วซือพยักหน้า "พวกเขาได้ไปเก็บเกี่ยวในหลายๆ พื้นที่ในหมู่บ้านแล้ว แล้วก็ได้ตรวจสอบแล้วว่า ผลผลิตต่อเอเคอร์อยู่ที่ประมาณ 250 กิโล และผลผลิตทั้งหมดของหมู่บ้านอาจจะอยู่ที่ 250,000 กิโล"

หลายๆ พื้นที่ก็เป็นแบบนี้เหรอ

นี่เป็นเรื่องจริงงั้นเหรอ

ฝูจือหยินเริ่มหายใจแรง

มูลค่าของกล้วยไม้สกุลหวายมันขยายไปมากกว่าที่เธอเคยคิดไว้มาก

เมื่อเห็นว่าเฉินจิ่วซือไม่ได้ตื่นเต้นเหมือนที่คิด ฝูจือหยินก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ "พวกเราไปตรวจสอบก่อน แล้วค่อยว่ากันเรื่องอื่นไหม"

ผลผลิตในระดับภูมิภาค หรือผลผลิตโดยรวม ยังต้องมีการตรวจสอบยืนยันอีกหลายครั้ง

ถ้าตัดสินใจโดยที่ไม่มีข้อมูลที่ครบถ้วน ก็อาจจะทำให้เกิดผลร้ายแรงได้

แม้ว่าเธอจะได้รับการยืนยันจากหลายๆ คนในระหว่างทางมาว่าปริมาณผลผลิตมันเป็นแบบนั้นจริงๆ แต่พวกเธอก็ควจจะตรวจสอบให้แน่ใจเสียก่อน..

..ในขณะเดียวกัน

ณ บ้านของครอบครัวจ้าว

คุณตาจ้าวหน้าตาตกตะลึง "อะไรนะ?! คุณแน่ใจเหรอ? ผลผลิตต่อเอเคอร์ ไม่ใช่ 150 กิโล แต่เป็น 250 กิโลงั้นหรอ?"

"ใช่ครับ พวกเราเก็บเกี่ยวมาสามที่แล้ว ทุกที่ก็มีผลผลิตประมาณนี้"

จ้าวเถียจู้ตื่นเต้นเล็กน้อย "พวกเราปลูกไว้ 20 กว่าไร่.. ถ้าคิดตามราคาที่ผู้ใหญ่บ้านกับบริษัทกู่เหอให้ พวกเราก็จะขายได้ 1,400,000 กว่าหยวนเลยนะ!"

"แสดงว่า บ้านของพวกเรากำลังจะได้ดิบได้ดีแล้วสินะ!" จ้าวหงเย่ตะโกนด้วยความดีใจ

"ได้ดิบได้ดีบ้านแกสิ! รีบไปหาผู้ใหญ่บ้านเลย แล้วไปบอกว่าที่บ้านพวกเรา 20 เอเคอร์ ยินดีที่จะมอบให้บริษัทในหมู่บ้านรับไปจัดการ แล้วก็รีบไปบอกคนที่ไร่ด้วย ตอนนี้ไม่ต้องตัดแล้ว หยุดก่อน" คุณตาจ้าวมองลูกชายคนโตด้วยความเหนื่อยใจ

"อ้าว ทำไมล่ะ ถ้าขายให้หมู่บ้านก็จะได้กิโลละ 150 หยวนเอง ถ้าพวกเราขายเองก็จะขายได้..."

"แล้วจะขายออกหรือเปล่าเล่าเจ้าโง่! บริษัทกู่เหอเตรียมเงินมา 50 ล้าน แต่เดิมทีหมู่บ้านพวกเราต้องขายให้หมดอยู่แล้ว แต่ผลผลิตมันเพิ่มมาตั้งเกือบเท่าตัวขนาดนี้ แค่ของที่ผู้ใหญ่บ้านมีอยู่ 900 เอเคอร์เงินของพวกเขาก็ซื้อไม่พอแล้ว แล้วแบบนั้นพวกเขาจะมาซื้อของเราทำไมเล่า!"

"เอาล่ะๆ ไม่ต้องพูดแล้ว ฉันรู้ว่าแกจะพูดอะไร คงคิดว่าจะลดราคาลงมาหน่อยเพื่อขายล่ะสิ พวกเรามีอยู่แค่ 20 เอเคอร์ แล้วก็มีอีกไม่กี่ครอบครัวที่รวมกันก็แค่ 100 เอเคอร์ แกคิดว่ากู่เหอจะยอมหักหน้ากับผู้ใหญ่บ้านที่มีของตั้ง 900 เอเคอร์เพื่อประหยัดเงินแค่นี้ไปทำไมเล่า"

"แล้วเรื่องหาคนซื้อคนอื่น แกแน่ใจหรอว่าจะหาได้ ต่อให้หาได้ แกแน่ใจหรือว่าอีกฝ่ายจะไม่คิดว่าพวกเราเป็นของที่กู่เหอไม่เอาแล้วน่ะเจ้าทึ่ม ความเสี่ยงมันสูงเกินไปแล้ว สู้ให้ผู้ใหญ่บ้านจัดการดีกว่า!"

5 1 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด