บทที่ 267 เตรียมพร้อม
ถึงตอนค่ำหลัวไป่ต้าวก็เดินทางไปส่งของกับโจวอี้หมิน ครั้งนี้พวกเขาเตรียมของไปจำนวนไม่น้อย โดยมัดของไว้จนเต็มเบาะหลังของจักรยานทั้งสองคัน
เดิมทีหลี่โหยวเต๋อก็อยากไปด้วยแต่ไม่มีที่ว่างและทั้งสองคนต่างก็อยากปั่นจักรยานไปด้วยตัวเอง สุดท้ายการตัดสินใจเป็นไปอย่างยุติธรรมด้วยการจับฉลาก ซึ่งหลัวไป่ต้าวชนะไปทำให้หลี่โหยวเต๋อไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย โจวอี้หมินและหลัวไป่ต้าวก็ออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านโจว แม้ว่าจะเป็นช่วงค่ำ แต่แสงจันทร์สว่างพอให้มองเห็นอีกทั้งพวกเขายังมีไฟฉายติดตัวมาด้วย การเดินทางจึงไม่มีปัญหา สิ่งที่พวกเขากังวลมากที่สุดคือการถูกปล้นระหว่างทาง
โชคดีที่ยังไม่ดึกมากและสถานการณ์ยังไม่ถึงขั้นเลวร้ายขนาดนั้น
นอกจากนี้โจวอี้หมินยังเตรียมตัวไว้ดี เขามีปืนซ่อนไว้ในที่เก็บของร้านค้าซึ่งเขาได้มาอย่างลับๆเมื่อไม่นานมานี้เพื่อใช้ป้องกันตัว
ในที่สุดทั้งสองก็มาถึงหมู่บ้านโจวแต่เมื่อพวกเขากำลังจะเข้าไปในหมู่บ้าน จู่ๆก็มีเสียงดังขึ้นจากด้านหน้า “สหาย คุณมาทำอะไรที่นี่?”
ในเวลานั้น สถานการณ์ภายในประเทศยังไม่ปลอดภัยนัก หมู่บ้านหลายแห่งจึงมีคนเฝ้าประจำที่ทางเข้าหมู่บ้านเพื่อป้องกันปัญหา โดยเฉพาะคนแปลกหน้าที่อาจสร้างความเดือดร้อน
โจวอี้หมินพูดขึ้นว่า “เป็นฉันเอง!”
โจวซวี่อัน ได้ยินเสียงคุ้นเคยจึงถามกลับว่า “อี้หมินใช่ไหม?”
จากนั้นเขาเตะคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าแล้วพูดว่า “ถอยไป อี้หมินมา นายดูไม่ออกเหรอ?”
คนนั้นตอบอย่างน้อยใจว่า “แสงไฟมันจ้าเกินไป มองไม่ชัดเลย”
เมื่อก่อนโจวอี้หมินมักจะกลับหมู่บ้านด้วยจักรยานเพียงคันเดียว การที่จู่ๆวันนี้มีสองคันทำให้โจวซวี่อันคิดโดยสัญชาตญาณว่าอาจไม่ใช่โจวอี้หมิน
“ใช่แล้ว! ฉันเอง” โจวอี้หมินตอบ
เมื่อโจวซวี่อันได้ยินชัดเจนว่าเป็นโจวอี้หมิน เขารีบเก็บปืนที่ถือไว้อย่างรวดเร็วเพราะกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุปืนลั่นและทำร้ายโจวอี้หมินซึ่งจะเป็นเรื่องใหญ่ เพราะในตอนนี้โจวอี้หมินถือเป็นบุคคลสำคัญของหมู่บ้านโจว เป็นทั้งกุญแจสำคัญในการทำให้พวกเขามีกินมีใช้และเป็นความหวังของชีวิตที่ดีขึ้น
โจวอี้หมินไม่ได้หยุดพูดคุย เขาโยนบุหรี่หนึ่งซองให้พวกที่เฝ้าหมู่บ้านและบอกให้แบ่งกันจากนั้นเขาก็พาหลัวไป่ต้าวเดินเข้าหมู่บ้าน
โจวซวี่อันวิ่งตามมาด้วยความสงสัยและถามว่า “อี้หมิน นายกลับมาที่หมู่บ้านดึกขนาดนี้มาทำอะไร?”
“ฉันเอาของบางอย่างมาฝากคุณปู่คุณย่า อีกไม่นานฉันต้องเดินทางไปข้างนอก ส่วนจะกลับมาเมื่อไหร่ ยังไม่แน่ใจ” โจวอี้หมินตอบและหลังจากหยุดคิดเล็กน้อยเขาเสริมว่า “คนนี้คือเพื่อนฉัน หลัวไป่ต้าว พวกนายเคยเจอกันแล้ว ถ้าหลังจากนี้เขามาหา ช่วยอย่าขวางเขา”
“ได้เลย! ฉันจะบอกคนอื่นในหมู่บ้านให้” โจวซวี่อันตอบรับทันที
ถ้าเป็นคนอื่นมาขอร้องเขาอาจไม่ตอบตกลงง่ายขนาดนี้ แต่เมื่อเป็นโจวอี้หมินที่พูดมันย่อมต่างออกไปเพราะทุกคนในหมู่บ้านรู้ดีว่าชีวิตที่ดีขึ้นในวันนี้เป็นเพราะการช่วยเหลือของโจวอี้หมิน หากใครคิดร้ายต่อเขาคนในหมู่บ้านจะเป็นฝ่ายลุกขึ้นสู้ก่อน
โจวอี้หมินไม่ได้เสียเวลากับการพูดคุยมากนัก เขาพาหลัวไป่ต้าวมุ่งตรงไปที่บ้านของเขา
พวกคนเฝ้าหมู่บ้านเมื่อมองไปที่ของบนเบาะหลังจักรยานก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาเพราะเห็นได้ชัดว่าของในกระสอบป่านเหล่านั้นต้องเป็นของดีแน่นอน
เพราะโจวอี้หมินบอกว่าจะเอาของมาส่งตอนกลางคืน คุณปู่และคุณย่าจึงยังไม่ได้เข้านอนแต่รออยู่ข้างนอก เมื่อเห็นแสงไฟส่องมาทางนี้ คุณปู่ก็รู้ทันทีว่าเป็นหลานชายคนโตของเขา
คุณปู่รีบเดินไปช่วยแต่โจวอี้หมินพูดขึ้นว่า “คุณปู่ ของไม่ได้เยอะขนาดนั้น ให้พวกเราจัดการเองดีกว่า”
จากนั้นเขากับหลัวไป่ต้าวก็เริ่มขนของจากเบาะหลังของจักรยานเข้าบ้าน ของทั้งหมดถูกใส่ในกระสอบป่าน ถ้าไม่เปิดออกมาก็ไม่มีทางรู้ว่าข้างในมีอะไร
ไม่นานของก็ถูกขนเข้ามาในบ้านหมด คุณปู่เปิดกระสอบป่านและนำของข้างในออกมาพบว่ามีข้าวสาร 10 ชั่ง เนื้อหมูแห้ง 10 ชั่ง นมผง 10 ถุง ปลาแห้ง 20 ชั่ง และแป้งสาลี 30 ชั่ง
นอกจากนี้ยังมีกระสอบไข่ไก่อีก 1 ถุง ซึ่งครั้งนี้ถูกจัดเก็บอย่างดี ไม่มีไข่แตกเลยแม้แต่ฟองเดียว ของเหล่านี้ โดยเฉพาะเนื้อหมูถ้าเป็นครอบครัวทั่วไปคงกินได้มากกว่าหนึ่งปีเพราะหลายครอบครัวในยุคนั้นแทบจะไม่ได้กินเนื้อเลยตลอดทั้งปี
คุณปู่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตกใจว่า “หลานชายของปู่ เอาของกลับมาตั้งเยอะ เราจะกินกันหมดได้ยังไง?”
ของเหล่านี้หากนำออกไปให้คนอื่นเห็น คงไม่รู้ว่าจะดึงดูดสายตาอิจฉาของคนอีกเท่าไร
โจวอี้หมินพูดว่า “คุณปู่ ของพวกนี้ไม่ได้เยอะเลยนะครับ พี่สวี่กับพวกเขาแวะมากินข้าวที่นี่บ่อยๆเราก็ต้องมีอะไรดีๆไว้ต้อนรับพวกเขาบ้าง อีกอย่างนมผงของเชี่ยนเชี่ยนก็ใกล้หมดแล้ว ผมเลยเตรียมไว้เผื่อเหลือเผื่อขาดน่ะครับ”
เขาจัดการวางแผนเก็บของทุกอย่างให้เรียบร้อย คุณปู่ก็หาเหตุผลมาคัดค้านไม่ออก เพราะตอนนี้สวี่เซี่ยงเป่ยก็แวะมาที่บ้านบ่อยๆ หากไม่มีของดีๆไว้ต้อนรับก็คงไม่เหมาะ
“ครั้งหน้าห้ามฟุ่มเฟือยแบบนี้อีกนะ” คุณปู่พูดขึ้น
ของเหล่านี้ ในชนบทไม่ต้องพูดถึงว่าใช้เป็นสินสอดแต่งงานได้หลายครอบครัวเลยทีเดียว ที่จริงแม้แต่ในเมืองเอง คนที่จะสามารถเตรียมของจำนวนมากเช่นนี้ได้ก็มีไม่มาก เพราะทรัพยากรยังคงขาดแคลนอย่างมากในเวลานั้น
“ครับ เข้าใจแล้วครับ” โจวอี้หมินตอบรับอย่างอ่อนโยน
ในคืนนั้นเขาและหลัวไป่ต้าวไม่ได้กลับเข้าเมืองแต่พักอยู่ที่หมู่บ้านโจว จนกระทั่งเที่ยงของวันถัดไปถึงได้เดินทางกลับ หลังจากพักผ่อนและจัดการเตรียมของเรียบร้อย โจวอี้หมินก็เตรียมตัวสำหรับการเดินทางโดยจัดเตรียมสิ่งของจำนวนไม่น้อยเพื่อให้สะดวกสบายระหว่างเดินทาง
เนื่องจากเขาได้พูดคุยกับหลี่เฟิงไว้ล่วงหน้าแล้ว หลี่เฟิงจะมารับเขาด้วยรถบรรทุกในวันที่ต้องออกเดินทาง ไม่นานเขาก็เห็นหลี่เฟิงขับรถบรรทุกยี่ห้อหวงเหอมาถึงแต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือ โจวต้าฝูก็อยู่ด้วย
โจวต้าฝูรีบเดินเข้ามาช่วยพร้อมพูดว่า “ลุงสิบหก ของพวกนี้ปล่อยให้ผมช่วยยกเองเถอะครับ”
เขารู้ดีว่าทุกโอกาสที่เขามีในตอนนี้เป็นเพราะความช่วยเหลือของลุงสิบหก ดังนั้นเขาจึงรู้หน้าที่และรีบเข้ามาช่วยอย่างกระตือรือร้น
“ต้าฝู นายจะไปด้วยเหรอ?” โจวอี้หมินถาม
โจวต้าฝูตอบว่า “หัวหน้าหลี่บอกให้ผมติดรถไปด้วยบ่อยๆ จะได้คุ้นเคยกับเส้นทางและการใช้งานรถ”
ความจริงแล้วตอนแรกหลี่เฟิงไม่ได้ตั้งใจจะพาโจวต้าฝูไปด้วย แต่หลังจากที่โจวต้าฝูตื๊อเขาทั้งวันจนเลี่ยงไม่ได้ สุดท้ายหลี่เฟิงจึงยอมตกลง
เมื่อหลี่เฟิงเห็นว่าโจวอี้หมินขนของพะรุงพะรังเต็มมือ ก็อดพูดหยอกไม่ได้ว่า “หัวหน้าโจว เอาของไปเยอะขนาดนี้ จะไปทำงานหรือไปเที่ยวกันแน่?”
“นี่เป็นการออกไปทำงานนอกสถานที่ครั้งแรกของผมน่ะครับ เลยเตรียมของไปเยอะหน่อย เผื่อไม่รู้ว่าจะต้องอยู่นานแค่ไหน” โจวอี้หมินตอบ
แม้แต่ซาลาเปาไส้เนื้อเขาก็เตรียมไว้ในที่เก็บของในร้านค้าของเขาจำนวนไม่น้อย แม้ในร้านค้าในสมองจะมีของเหล่านี้พร้อมซื้อได้ในราคาไม่แพง และยังมีแม้กระทั่งแฮมเบอร์เกอร์หรืออาหารยุคหลังๆ แต่การเดินทางครั้งนี้เขาไม่ได้ไปคนเดียว การหยิบของออกจากที่เก็บของร้านค้าโดยไม่มีคำอธิบายอาจทำให้เกิดคำถามได้
หลี่เฟิงไม่ได้หยอกล้อต่อเพราะเขาเข้าใจดีว่าหลายคนที่เดินทางไกลครั้งแรกก็มักจะเตรียมของมากเกินความจำเป็น เขาเองในครั้งแรกก็ทำแบบเดียวกัน แถมยังขนหมั่นโถวไปทั้งถุงใหญ่สำหรับกินระหว่างทาง แต่กลับกลายเป็นเรื่องขำขันที่คนอื่นล้อเลียนอยู่พักใหญ่
สิ่งที่หลี่เฟิงกังวลมากที่สุดไม่ใช่การขนของ แต่คือการที่รถอาจเสียระหว่างทางเพราะบางครั้งระหว่างทางไม่มีหมู่บ้านหรือร้านซ่อมใกล้ๆ หากรถเสียก็จะเป็นปัญหาใหญ่โดยเฉพาะถ้าซ่อมรถไม่เป็น
เขาหวังว่าการเดินทางครั้งนี้จะราบรื่นและปลอดภัย
สำหรับโจวต้าฝู การเดินทางไกลครั้งแรกกลับทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นที่สุด
(จบบท)