บทที่ 259 การต่อสู้ดุเดือด! ดวลเดี่ยวกับเผ่ามาร
เมื่อเหล่าเผ่ามารเห็นจินเป่าเอ๋อหยุดนิ่ง พวกมันคิดว่านางยอมแพ้แล้ว ดวงตาที่เต็มไปด้วยความโหดร้ายและคลุ้มคลั่งยิ่งลุกโชนหนักขึ้น ก่อนจะพุ่งเข้าหานางอย่างบ้าคลั่ง โดยไม่ได้สังเกตเลยว่ามีแท่งน้ำแข็งจำนวนมหาศาลกำลังก่อตัวขึ้นเหนือศีรษะพวกมัน…
ขณะนั้น ร่างของหญิงสาวในชุดขาวลอยอยู่กลางอากาศ สายลมพัดปลิวให้ชุดของนางพลิ้วไหว ใบหน้าที่งดงามเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มแฝงความเหี้ยมโหด
ความงามที่น่าหลงใหลกลับถูกเติมเต็มด้วยความรู้สึกประหลาดน่าขนลุก และทันใดนั้น มือขวาที่กางออกของนางก็พลันกำแน่น!
เหล่ามารที่พุ่งเข้าไปหานางยังไม่ทันตอบสนอง ดวงตาสีแดงฉานที่เปี่ยมด้วยความโลภและความตื่นเต้นยังคงจ้องมองนางอย่างหิวกระหาย…
“ฉึก…”
แท่งน้ำแข็งที่แผ่กลิ่นอายเย็นเยียบพลันตกลงมาจากท้องฟ้า แทงทะลุร่างของมารตนนั้นในทันที ร่างของมันร่วงลงสู่พื้นโดยไม่ทันได้ขัดขืนใดๆแม้แต่น้อย!
แต่เหล่ามารที่ตามมาข้างหลังกลับไม่สนใจความตายของเพื่อนพ้อง พวกมันยังคงบุกเข้าหาจินเป่าเอ๋อต่อไป ทว่ารอยยิ้มของหญิงสาวยังคงปรากฏอยู่ ใบหน้าสงบนิ่งขณะที่นิ้วมือของนางวาดผ่านอากาศอย่างแผ่วเบา…
“ฟิ้ว~”
พร้อมกับการเคลื่อนไหวของนาง เสียงหวีดแหลมดังขึ้นกลางอากาศ แท่งน้ำแข็งหนาใหญ่ตกลงมาจากฟากฟ้า ทะลุร่างของเหล่ามารทีละตัว!
ผู้คนบนพื้นอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมองทันที ภาพที่เห็นคือเงาร่างของเหล่ามารที่ร่วงหล่นลงมาสู่พื้นพร้อมแท่งน้ำแข็งที่แทงทะลุร่าง พวกมันนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น โดยแท่งน้ำแข็งนั้นแทงอยู่และน้ำแข็งไม่ละลายเลยแม้แต่น้อย…
เมื่อพวกเขาเงยหน้ามองขึ้นไปอีกครั้ง ดวงตาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ!
ท้องฟ้าเหนือระยะทางระหว่างจินเป่าเอ๋อกับเผ่ามารเต็มไปด้วยแท่งน้ำแข็งที่แหลมคมหนาแน่น พลังอันเย็นเยียบแผ่กระจายออกมา
แม้พวกเขาจะอยู่ห่างออกไป ก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณอันแหลมคมที่แฝงอยู่ในแท่งน้ำแข็งนั้นอย่างชัดเจน!
จินเป่าเอ๋อที่ดูเหมือนกำลังสู้ได้อย่างง่ายดาย แท้จริงแล้วพลังภายในร่างกายของนางกำลังลดลงอย่างรวดเร็ว
การควบคุมและก่อร่างแท่งน้ำแข็งจำนวนมากเช่นนี้สิ้นเปลืองพลังมหาศาล หากไม่ใช่เพราะนางรู้ว่า มารเหล่านี้ไม่ได้ฉลาดมากนัก นางคงไม่เลือกใช้วิธีนี้!
ตอนนี้นางทำได้แค่รอให้เผ่ามังกรมาถึงเท่านั้น และในระหว่างนี้ นางต้องทำให้เผ่ามารสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ให้ได้มากที่สุด!
ไม่กี่นาทีต่อมา การร่วงหล่นของเผ่ามารจำนวนมากทำให้พวกที่อยู่ข้างหลังเริ่มลังเล พวกมันหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศและไม่กล้าบุกเข้ามาอีก แต่ดวงตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนายังคงจับจ้องไปที่จินเป่าเอ๋อไม่ลดละ ราวกับกำลังรอให้พลังของนางหมดลง
พร้อมกันนั้น พวกมันยังใช้แรงกดดันของตัวเองกดดันนางเป็นระยะ…
จินเป่าเอ๋อเม้มปากแน่น สีหน้าของนางเริ่มไม่สู้ดีนัก นางอยากจะสร้างเขตกั้นเพื่อล้อมพวกมันไว้ แต่เผ่ามารก็ไม่โง่เหมือนกัน พวกมันดูเหมือนจะระวังแผนนี้ของนางโดยเฉพาะ
เห็นได้ชัดว่า การนั่งรอความช่วยเหลือโดยไม่ทำอะไรไม่ใช่วิธีที่ดี!
ชั่วครู่ต่อมา ขณะที่ผู้คนคิดว่าจินเป่าเอ๋อกำลังจนมุม หญิงสาวในชุดขาวที่ลอยอยู่กลางอากาศกลับก้มศีรษะลงเล็กน้อย แสงในดวงตาถูกความมืดบดบังจนหมดสิ้น…
แสงดาวเล็กๆ เริ่มส่องประกายขึ้นอย่างช้าๆ ตอนแรกไม่มีใครทันสังเกตเห็น แต่ไม่นานนัก แสงเย็นเยียบโปร่งใสก็พลันสว่างจ้าขึ้น พลังสีชมพูอ่อนปกคลุมร่างของนางทั้งหมด…
แสงที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันทำให้เหล่ามารรู้สึกไม่สบายใจและเกิดอาการหงุดหงิดอย่างรุนแรง
พวกมันเหมือนรับรู้ถึงภัยคุกคามจากหญิงสาวตรงหน้า! หากมีใครสังเกตดีๆจะเห็นว่า ร่างของพวกมารเริ่มสั่นสะท้านเล็กน้อยเหมือนพยายามต่อต้านอะไรบางอย่าง!
ทันใดนั้นเอง จินเป่าเอ๋อเหยียดแขนขวาออก ปลายนิ้วชี้และนิ้วกลางเรียวยาวของนางส่องแสงสีชมพูอ่อน
แส้ยาวสีชมพูอ่อนบางเฉียบยืดขยายออกมา ดูเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายนางเอง!
เมื่อแส้ยาวขยายจนยาวประมาณสี่เมตร หญิงสาวที่เมื่อครู่ยังสงบนิ่งเยือกเย็นอยู่ พลันพุ่งตัวขึ้นไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
จิตสังหารอันน่าตื่นตะลึงพลุ่งพล่านออกมาจากร่างของนาง
ทว่ากลับไม่แฝงด้วยความชั่วร้ายใดๆ หากแต่เต็มไปด้วยความยิ่งใหญ่และความยุติธรรม พลังสีชมพูอ่อนที่วาดผ่านอากาศเพิ่มความคมชัดให้ท่วงท่าที่อ่อนโยนอย่างน่าประหลาด…
“เพียะ!”
ดูเหมือนพวกมันจะไม่คิดว่านางจะกล้าพุ่งเข้ามาอย่างไม่กลัวตาย เผ่ามารที่อยู่แถวหน้าสุดยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกแส้ยาวสีชมพูอ่อนฟาดเข้าอย่างแรง
ความเจ็บปวดที่แผดเผารุนแรงทำให้พวกมันได้สติ ร้องคำรามด้วยความเจ็บปวดออกมา!
สายตาที่มองไปยังแส้ยาวสีชมพูอ่อนเต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างลึกล้ำ!
อีกด้านหนึ่ง ท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยความมืดมิดจากการปะทะกันของสองผู้แข็งแกร่ง กระแสลมแรงและพลังมารโหมกระหน่ำอยู่ในอากาศ ทำให้ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดกล้าเข้าใกล้...
“พวกโง่! จะยืนอึ้งกันอีกนานแค่ไหน พวกเจ้าแข็งแกร่งกว่านางตั้งมาก ต่อให้พลังของนางจะข่มพวกเจ้า แต่นั่นก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะยอมแพ้!”
เทพมารดูเหมือนจะเริ่มหงุดหงิด ความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าจากแผนการของเขาที่ถูกมังกรน้อยตนนี้ทำลาย ทำให้เขาต้องต่อสู้กับชายที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่เต็มใจ และตอนนี้เหล่ามารระดับสูงเกือบพันตัวของเขากลับถูกมังกรตัวเดียวทำให้หวาดกลัวจนไม่กล้าขยับ!
“บัดซบ! มีแต่พวกโง่เง่าที่เอาแต่เข่นฆ่ากันเองจนสมองเต็มไปด้วยความกระหายเลือด ถึงจะมีพลังเพิ่มขึ้น แต่นี่หรือ คือสิ่งที่พวกเจ้าเรียกตัวเองว่าเผ่ามาร!”
เสียงคำรามอย่างเดือดดาลของเขาทำให้เหล่ามารได้สติ พวกมันตื่นตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เ
มื่อคิดได้ว่าเมื่อครู่พวกมันถอยหนีเพราะมังกรตัวเล็กๆ ความโกรธแค้นก็ปะทุขึ้นในใจจนแทบจะเผาทำลายสติที่เหลืออยู่
“โฮก! ฮึ่ม!”
เสียงคำรามแสดงอำนาจดังกึกก้อง เหล่ามารทั้งหมดกรูกันเข้ามาหานางทันที! ปากที่เต็มไปด้วยฟันแหลมคมอ้ากว้าง
พวกมันจ้องจะขย้ำนางด้วยฟันที่เปล่งประกายแหลมคม ราวกับจะตัดทุกสิ่งทุกอย่างที่สัมผัสออกเป็นชิ้นๆ
จินเป่าเอ๋อไม่คิดจะต่อสู้นาน นางใช้ความได้เปรียบจากร่างกายที่เล็กคล่องตัว หลบหลีกผ่านหมู่มารอย่างรวดเร็ว หากมีตัวที่หลบไม่พ้น นางก็ใช้แส้ยาวพันร่างของมารตัวอื่นแล้วเหวี่ยงใส่ปากที่อ้ากว้างตรงหน้า!
ผลที่คาดไว้ไม่ผิดเลย!
มารที่ถูกเหวี่ยงไปโดนกัดหัวขาดในทันที หัวกับลำตัวแยกออกจากกัน พลังมารมหาศาลพลุ่งออกมาจากแผลที่คออย่างบ้าคลั่ง...
แต่ที่น่าขยะแขยงที่สุดคือ มารที่กัดหัวเพื่อนร่วมเผ่าตัวเอง กลับเคี้ยวหัวนั้นอย่างไม่ลังเล ก่อนจะกลืนมันลงไปทั้งอย่างนั้น ราวกับเพิ่งลิ้มรสอาหารอันโอชะ!
ดวงตาสีแดงฉานที่เปี่ยมไปด้วยความกระหายมองจ้องไปที่จินเป่าเอ๋ออย่างตื่นเต้นและคาดหวังโดยไม่แยแสว่าตัวเองเพิ่งกินหัวของเพื่อนร่วมเผ่า!
ภาพที่น่ารังเกียจนี้ทำให้จินเป่าเอ๋ออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว นางเคยรู้ว่ามารสามารถกินกันเองเพื่อเพิ่มพลัง แต่เมื่อได้เห็นกับตาก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง!
ตอนนี้ รอบตัวนางถูกห้อมล้อมไปด้วยมารจนแทบไม่เหลือช่องว่าง แม้แต่แสงสว่างก็มืดมัวลง ดวงตาทุกคู่จ้องมองมาที่นางอย่างจะตะครุบเหยื่อ โดยเฉพาะมารตัวหนึ่งที่เต็มไปด้วยดวงตาทั่วทั้งร่าง มันกำลังสำรวจตัวนางอย่างพิถีพิถัน ราวกับกำลังพิจารณาว่าส่วนไหนของนาง ที่มีเนื้อจะอร่อยที่สุด…
บนพื้นดิน บรรดาผู้บำเพ็ญตนระดับสูงของตระกูลหลินหลางที่ก่อนหน้านี้ถูกแรงกดดันของพลังควบคุมไว้ แต่ตอนนี้เมื่อหลุดพ้นแล้ว กลับลังเลเมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้า…
“ท่านหัวหน้าตระกูล...พวกเราจำเป็นต้องช่วยจริงๆหรือ”
“พวกมารพวกนี้แข็งแกร่งกว่าที่เคยเจอมาเยอะมาก ข้าว่าถ้าเราลงมือตอนนี้ อาจไม่ทันการณ์แล้วกระมัง”
แม้คนอื่นๆ จะไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่สายตาที่แสดงออกมาก็สื่อความหมายไม่ต่างกัน! พวกเขาไม่ได้อยากเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยมังกรตัวหนึ่งเลยสักนิด!
ท่าทีของหัวหน้าตระกูลหลินหลางที่กำลังจะเคลื่อนไหวไปช่วยหยุดชะงักกึก ความคิดบางอย่างพลันผุดขึ้นในหัว…
หากมังกรขาวตัวนี้ต้องมาตายอยู่ตรงนี้จริงๆ! นั่นก็หมายความว่าเผ่ามังกรจะสูญเสียอัจฉริยะไปอีกหนึ่งคน และนั่นย่อมเป็นผลดีต่อผู้บำเพ็ญตนอย่างพวกเราแน่นอน!
ท้ายที่สุดแล้ว แม้เผ่ามังกรจะไม่ใช่เผ่าพันธุ์ที่มีความเฉลียวฉลาด แต่พวกมันกลับเกิดมาพร้อมพลังที่เหนือกว่าผู้บำเพ็ญตนโดยธรรมชาติ!
การที่มีเทพมังกรอยู่คนเดียวก็ถือว่าน่ากลัวพอแล้ว และตอนนี้กลับมีมังกรขาวที่เป็นอัจฉริยะอีกตัวเพิ่มขึ้นมา…
หากปล่อยให้เติบโตต่อไป สักวันหนึ่งจะต้องกลายเป็นภัยคุกคามที่ไม่อาจควบคุมได้แน่!