บทที่ 256 มังกรสาว เปิดทาง
ภายในค่ายกลมืดสนิท ไม่มีอะไรให้เห็นนอกจากมารและพลังมารที่หนาทึบ มารส่วนใหญ่ยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่ขยับ...
จินเป่าเอ๋อเองก็รับรู้ได้ถึงสายตาอำมหิตและบ้าคลั่งที่จับจ้องมา ทำให้นางรู้สึกขนลุกซู่ทันที! ร่างกายของนางตอบสนองด้วยการเตรียมพร้อมป้องกันตัวเร็วกว่าที่ใจคิดเสียอีก!
อย่างไรก็ตาม เมื่อนางหันมองไปยังทิศทางของสายตานั้น กลับไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ มีเพียงฝูงมารและพลังมารที่ปกคลุมอยู่เท่านั้น...
ทั้งสองรับรู้ถึงความเคร่งเครียดในแววตาของอีกฝ่าย!
จินเป่าเอ๋อเองก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงความอาฆาตที่พลุ่งพล่านออกมาจากชายหนุ่มข้างกาย ทำให้นางสะดุ้งในใจเล็กน้อย ก่อนจะเข้าใจในทันที!
คนที่สามารถทำให้หลงหลี่ซิงโกรธถึงเพียงนี้ จะเป็นใครได้อีกถ้าไม่ใช่เทพมาร ที่เคยใช้เขาเป็นเครื่องมือ!
หรือว่า... มันอยู่ในค่ายกลนี้ด้วย!
ความคิดนี้ทำให้หัวใจของนางกระตุกวูบ! หากเป็นเช่นนั้นจริง ค่ายกลของนางคงไม่สามารถต้านทานได้อีกนาน เพราะเมื่อพลังต่างกันมากจนเกินไป ค่ายกลทุกชนิดก็เป็นเพียงเรื่องตลกเท่านั้น!
“ฮึ... นึกว่ามันจะเหมือนแมลงสาบที่เอาแต่ซ่อนในเงามืดต่อไป ที่แท้ก็มีความกล้าอยู่บ้างเหมือนกัน!”
ชายหนุ่มกล่าวด้วยเสียงเย็นชา รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏขึ้นในมุมปาก ดวงตาสีม่วงของเขาเปี่ยมไปด้วยความอาฆาต ดวงตาคู่นั้นน่ากลัวอย่างยิ่ง กลิ่นอายบนร่างของเขายิ่งน่าขนลุก ทุกอิริยาบถของเขาในชุดดำดูราวกับเป็นราชาผู้กำลังจะกลับไปครองนรก พลังอำนาจที่แผ่กระจายออกมาเต็มไปด้วยความโอหังและความกล้าหาญที่ไร้เทียมทาน
“มังกรสาว... เปิดทาง!”
จินเป่าเอ๋อ : ……
เขาจะเปลี่ยนคำเรียกสักครั้งไม่ได้หรือ! นางอยากได้ยินคำว่า “ฮวาฮวา” ยังจะดีกว่า! แล้วเขาคิดจะลุยเดี่ยวกับฝูงมารทั้งหมดนี้จริงๆหรือ มันไม่บ้าบิ่นเกินไปหน่อยหรือ!
นางขมวดคิ้วเล็กน้อย คิดไปคิดมาแต่ก็ยังไม่พูดอะไรออกมา เพราะนางเองก็ไม่รู้ว่าพลังของหลงหลี่ซิงแท้จริงแล้วอยู่ในระดับไหน
อีกทั้งนางไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนที่โง่จนไม่รู้จักคิดแผนการ ดังนั้น... เขาน่าจะมีแผนบางอย่างอยู่ในใจ...ใช่ไหม
“ข้าจะเปิดช่องให้ หลังจากที่เจ้าเข้าไปแล้ว ค่ายกลจะปิดลงอีกครั้ง”
ชายหนุ่มพยักหน้า ก่อนจะลอยตัวขึ้นไปในอากาศ ร่างของเขาเคลื่อนเข้าใกล้ค่ายกล! ราวกับว่าพลังแปลกปลอมได้ถูกตรวจจับ มารที่เคยเดินเตร่ไปมาอย่างไร้จุดหมาย หรือกระแทกค่ายกลอย่างบ้าคลั่ง พลันหยุดนิ่ง ทุกสายตาสีแดงฉานจำนวนมากหันขวับมาจ้องเขา!
ชายในชุดดำที่ยืนอยู่เหนือค่ายกลเผยแววตาเหยียดหยาม เมื่อเขาส่งเสียงเย็นชาออกมา คลื่นพลังที่รุนแรงก็กดทับลงมาในทันที…
พลังสีดำบริสุทธิ์ที่แฝงความรุนแรงและอำมหิตอย่างถึงที่สุดพลันปะทุออกจากร่างของเขา
แม้กลิ่นอายของพลังนี้จะโหดเหี้ยมคล้ายมาร แต่กลับมีความยิ่งใหญ่และการเหยียดหยามในแบบของผู้แข็งแกร่งที่อยู่เหนือทุกสิ่ง ความแข็งแกร่งนี้บีบคั้นพลังวิญญาณและพลังมารในอากาศทั้งหมด
ในวินาทีนั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้บำเพ็ญเพียรหรือมาร ต่างก็รู้สึกเหมือนกำลังจะขาดอากาศหายใจ!
จินเป่าเอ๋อที่เห็นดังนั้น ดวงตาฉายแววลึกซึ้ง นางยื่นนิ้วชี้ออกมาข้างหน้า วาดลงไปในอากาศเบาๆ ค่ายกลสีชมพูอ่อนค่อยๆแยกออกเป็นช่องขนาดพอดีร่างกายตามการเคลื่อนไหวของนาง…
กลิ่นอายพลังวิญญาณและพลังบำเพ็ญเพียรที่แผ่ออกมาจากรอยแยกนี้ทำให้มารทั้งหมดที่อยู่ภายในตื่นเต้นราวกับเสพยาบ้า
ดวงตากลมโตของพวกมันเต็มไปด้วยความกระหายและคลุ้มคลั่ง เสียง"แกร่ก ๆ" ดังออกมาจากลำคอ พวกมารบางตัวที่มีปีกถึงกับพุ่งไปยังรอยแยกด้วยความร้อนรน!
ถึงอย่างนั้น สายตาของพวกมันยังเหลือบมองชายในชุดดำที่ลอยอยู่เหนือค่ายกลด้วยความหวาดกลัว แต่ความกระหายและความโลภในร่างกายกลับพุ่งกระแทกความมีสติที่เหลืออยู่ของพวกมันจนหมดสิ้น หลังจากผ่านช่วงเวลาเงียบสงบไม่กี่วินาที มารทั้งหมดก็พุ่งกรูกันเข้ามา มุ่งหน้าสู่รอยแยกเล็กๆที่สูงประมาณหนึ่งคน!
ในตอนนั้นเอง ผู้บำเพ็ญเพียรที่ลาดตระเวนอยู่โดยรอบก็สังเกตเห็นความเคลื่อนไหวบ้าคลั่งของพวกมาร ความคิดแรกที่พวกเขามีคือค่ายกลเกิดความเสียหาย พวกเขาตกใจอย่างหนักและหันไปมองจินเป่าเอ๋อรพร้อมกัน...
เพราะสุดท้ายแล้ว ค่ายกลนี้นางเป็นคนดูแลอยู่ใช่หรือไม่!
เมื่อเห็นหญิงสาวในชุดขาวกำลังเคลื่อนไหวบางอย่างด้วยมือของนาง ความแตกตื่นและความตกใจของทุกคนก็พุ่งสูงขึ้นทันที!
“ดูนั่นสิ! นางเป็นคนเปิดค่ายกล!”
“อะไรนะ!”
“มังกรพวกนี้มันบ้าไปแล้วหรือไง คิดจะฆ่าพวกเราหรือไง!”
“นี่เจ้าทำอะไรอยู่ รีบปิดค่ายกลเดี๋ยวนี้! ถ้ามารออกมาได้ พวกเราทั้งหมดต้องตายแน่!”
“น่ารังเกียจ! ข้าก็ว่าแล้วว่ามังกรพวกนี้ไว้ใจไม่ได้!”
เมื่อผลประโยชน์ของพวกเขาถูกคุกคาม แม้จินเป่าเอ๋อจะเคยช่วยชีวิตพวกเขามาก่อน แต่พวกเขากลับไม่ลังเลที่จะพูดจาตำหนิติเตียนนางด้วยถ้อยคำหยาบคาย!
จินเป่าเอ๋อได้ยินเสียงเหล่านั้นก็ชะงักเล็กน้อยก่อนจะหันไปมอง ใบหน้าของนางเย็นชาและเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน กลิ่นอายอำมหิตแผ่กระจายออกมาจากตัวนาง ทำให้ทุกคนรู้สึกเหมือนถูกจ้องมองด้วยสายตาของปีศาจ!
แม้ว่านางจะเป็นเพียงเซียนระดับสามขั้นเซียนสวรรค์ แต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนกำลังถูกความตายเพ่งเล็ง
คำพูดที่พวกเขาเตรียมจะพูดออกมาจึงกลืนหายกลับเข้าไปในลำคอ บรรยากาศแห่งความโกรธเคืองและเสียงโหวกเหวกพลันเงียบกริบ!
เมื่อเห็นดังนั้น จินเป่าเอ๋อจึงเบนสายตากลับมา ใบหน้าของนางยังคงไร้อารมณ์ และนางเริ่มลงมือทำสิ่งที่ค้างอยู่ต่อไป
เมื่อมารตัวแรกใกล้จะหลุดออกมาจากค่ายกล ความกระหายเลือดและความบ้าคลั่งในดวงตาของมันทำให้เหล่าผู้บำเพ็ญเพียรรอบๆรู้สึกไม่ไว้ใจขึ้นมาทันที มีบางคนเพิ่งสังเกตเห็นเงาร่างในชุดดำที่ลอยอยู่เหนือค่ายกล…
“นั่น… นั่นคืออะไร”
เมื่อได้ยินเสียงดังกล่าว ทุกคนหันไปมองที่รอยแยกของค่ายกลพอดี ทันใดนั้นก็เห็นมารตัวแรกโผล่หัวออกมา หัวกลมรีขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยปากกว้างสีเลือด ฟันแหลมคมที่เรียงรายสะท้อนแสงอาทิตย์ดูเยือกเย็นและน่าสะพรึงกลัว...
หลังจากนั้น มารตัวนั้นก็เห็นกลุ่มผู้บำเพ็ญเพียรที่ยืนอยู่เบื้องล่าง ร่างของมันสั่นเทิ้มด้วยความตื่นเต้น ดวงตาเปล่งประกายเหมือนกำลังจะได้ลิ้มรสอาหารมื้อใหญ่!
ทันใดนั้นเอง!
“ปัง!”
เงาดำสายหนึ่งพุ่งลงมาอย่างรวดเร็ว เตะมารตัวนั้นกระเด็นกลับเข้าไปในค่ายกลทันที เหล่ามารที่กำลังเบียดเสียดเพื่อออกมาก็พลันกระจัดกระจายเพราะแรงกระแทกจากตัวมัน!
มารตัวที่สองพยายามโผล่หัวออกมาอีกครั้ง แต่สิ่งที่มันได้รับคือเงาดำสายหนึ่งเหมือนกัน แต่คราวนี้โชคร้ายยิ่งกว่า เพราะหัวของมันถูกเตะจนระเบิดกระจุยในทันที!
จากนั้นตัวที่สาม ตัวที่สิบ... ไม่มีมารตัวไหนหลุดออกมาจากค่ายกลได้เลย ทุกตัวถูกจัดการในพริบตา! เมื่อมารที่เหลือในค่ายกลเริ่มรู้ตัว พวกมันรีบถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว ดวงตาสีแดงฉานฉายแววหวาดกลัวอย่างลึกซึ้ง ราวกับกลัวว่าตัวเองจะกลายเป็นเหยื่อรายต่อไป!
ภาพที่เกิดขึ้นนี้ถูกผู้บำเพ็ญเพียรทั้งหมดมองเห็นชัดเจน มารขนาดมหึมาเหล่านั้นที่ดูทรงพลังและน่าสะพรึงกลัว เมื่ออยู่ต่อหน้าชายชุดดำกลับไม่ต่างอะไรจากแตงโม เพียงแค่เตะครั้งเดียวก็แหลกเป็นชิ้นๆ…
“นั่น…คือมังกรเทพหรือเปล่า”
"ไม่ใช่… ไม่ใช่มังกรเทพ! ท่านมังกรเทพไม่เคยสวมชุดสีดำ!"
"ถ้าไม่ใช่มังกรเทพ แล้วเจ้าจะบอกว่าเป็นใคร คิดว่าข้าไม่เคยเห็นมังกรเทพหรือไง!"
"ดูคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน!"
"ให้ตายเถอะ! ข้าจำได้แล้ว! นั่นมันเทพมารไม่ใช่หรือ! หน้าตาเหมือนมังกรเทพไม่มีผิด!"
ชั่วขณะนั้น ทุกคนต่างเบิกตากว้างด้วยความตื่นตระหนก ไม่อยากเชื่อว่าเทพมารจะมาช่วยพวกเขา! หรือว่าข่าวลือที่ว่าเทพมารถูกเปลี่ยนตัวไปแล้วจะเป็นความจริง
หลงหลี่ซิงไม่สนใจเลยว่าฝูงมดปลวกที่อยู่ด้านล่างจะคิดอย่างไร
เมื่อเห็นว่ามารเหล่านี้เริ่มเปิดทางให้ เขายิ่งเผยความเย้ยหยันและเหยียดหยามในแววตาของเขาชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
จากนั้น เขาก้าวเดินเข้าไปในค่ายกลจากกลางอากาศ ร่างของเขาหายเข้าไปในนั้นในทันที!
และเมื่อเขาก้าวผ่านเข้าไป ค่ายกลที่อยู่ด้านหลังก็ปิดสนิทลงอีกครั้ง ไม่เหลือช่องว่างใดๆ
เมื่อขาดทางออก ฝูงมารก็ยิ่งบ้าคลั่ง ดวงตาที่เต็มไปด้วยความดุร้ายจ้องเขม็งไปที่ชายชุดดำซึ่งมีพลังมารเหมือนพวกมันราวกับจะขย้ำให้แหลก แต่ความหวาดกลัวในพลังอันมหาศาลของเขาก็ทำให้พวกมันไม่กล้าลงมือในทันที…
ชายหนุ่มกวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างไม่ใส่ใจ ยืนยันได้ว่ามารเหล่านี้ไม่ใช่พวกที่เขาเคยพบเจอมาก่อน!
แต่ต้องยอมรับว่า พวกมันแข็งแกร่งกว่ามารที่เขาเคยเจอมากมายทีเดียว!
“ฮึ… กินกันเองอย่างนั้นหรือ ช่างเป็นความคิดที่สกปรกและบ้าคลั่งเสียจริง!”