บทที่ 254 ช่องทางมิติมาร แผนร้ายของเผ่ามาร
จินเป่าเอ๋อเห็นท่าทางเช่นนั้น เตรียมจะลงมือสลายหมอกดำ แต่กลับถูกชายหนุ่มข้างกายยั้งไว้
ดวงตาเย็นชาจ้องมองหมอกดำด้วยสายตาข่มขู่และแฝงความอาฆาตชัดเจน!
“เจ้าจะไปเอง หรือจะให้ข้าลงมือ”
ทันทีที่เสียงเขาเงียบลง หมอกดำที่เคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าก็ชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะเริ่มปั่นป่วนอย่างรวดเร็วเหมือนกำลังลังเลว่าจะถอยไปดีหรือไม่...
มารหลงหลี่ซิงไม่มีเวลามารอให้มันตัดสินใจ
ด้านหลังเขา มวลพลังปีศาจสีดำที่ไล่ตามมากำลังกลืนกินพื้นที่เกือบครึ่งหนึ่งของสุสานใต้ดิน!
เขายิ้มเย็นยกมือขวาขึ้นเบาๆ…เป็นเพียงท่าทางธรรมดา ทว่า…
หมอกดำที่ขวางทางราวกับสัมผัสถึงภัยอันตรายกะทันหัน รีบร้อนถอยออกไปโดยไม่พูดไม่จา และยังเปิดทางให้เสร็จสรรพเหมือนเอาใจ...
จินเป่าเอ๋อถึงกับอึ้ง หมอกดำนี้เป็นอะไรกันแน่ ทันใดนั้นนางก็เห็นบางอย่างในหมอกที่เปิดออก มือเล็กๆของเด็กอายุประมาณเจ็ดถึงแปดขวบ...
มารหลงหลี่ซิงไม่ได้แปลกใจเลย เขาอุ้มจินเป่าเอ๋อด้วยมือข้างเดียวแล้วทะยานขึ้นไปทันที!
ในเวลาเดียวกันนั้น มวลพลังปีศาจสีดำด้านหลังก็เข้ายึดครองพื้นที่ในสุสานใต้ดินจนเต็ม...
“ตูม!!”
เพียงสองร่างพ้นจากกระท่อมไม้ไผ่ เสียงสั่นสะเทือนรุนแรงก็ดังขึ้น กระท่อมเริ่มสั่นไหวเหมือนใกล้พังลง
ทันใดนั้น พลังมารมหาศาลก็พุ่งออกมาจากทุกมุมของกระท่อม!
กระท่อมไม้ไผ่เหมือนจะรับไม่ไหวอีกต่อไป พังครืนลงมาในที่สุด! พร้อมกับที่ค่ายกลพลังปีศาจด้านบนแตกสลายลงในเสี้ยววินาที!
พลังมารที่ถูกกักขังไว้เหมือนอสูรกระหายเลือด พุ่งกระจายอย่างบ้าคลั่งไปทั่วป่าไผ่! ดั่งม้าที่หลุดจากบังเหียน แผ่ขยายไปยังบริเวณโดยรอบอย่างรวดเร็ว!
ในตอนนี้ จินเป่าเอ๋อและมารหลงหลี่ซิงได้หลุดพ้นออกจากป่าไผ่ไปไกลแล้ว!
เสียงกระหึ่มใหญ่โตและหมอกดำที่น่าสะพรึงกลัวดึงดูดความสนใจของตระกูลหลินหลาง เหล่าเซียนจำนวนมากรีบรุดมาโดยเฉพาะหัวหน้าตระกูลหลินหลางที่มาถึงเป็นคนแรก...
แต่สิ่งที่เขาเห็นกลับเป็นพลังมารที่ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า ทำเอาเขาชะงักงัน!
เมื่อเริ่มตั้งสติได้ ตระกูลหลินหลางก็เข้าสู่ความโกลาหลในพริบตา! ขณะที่ทุกคนเริ่มเร่งกำจัดพลังมารให้เบาบางลง…
เหล่ามารนับไม่ถ้วนก็ปรากฏตัวขึ้นจากหมอกดำ! รูปร่างอัปลักษณ์ประหลาดของพวกมันปรากฏแก่สายตาของทุกคน!
แต่ละตัวแยกเขี้ยวพร้อมรอยยิ้มกระหายเลือด พุ่งจู่โจมใส่เหล่าผู้บำเพ็ญเซียนอย่างบ้าคลั่ง…
และเมื่อมองแค่ครั้งเดียว ก็พบว่ามารเหล่านี้แข็งแกร่งกว่ามารในสงครามเซียนมารครั้งก่อนมากมายนัก...
ภาพนรกอันเลวร้ายกำลังจะเริ่มต้นขึ้น!
ในเวลานั้น ทุกคนคิดเช่นนั้น! ไม่มีใครสนใจที่จะกระจายหมอกมารอีกต่อไป แต่ละคนต่างก็ลืมความปลอดภัยของคนรอบข้าง และหมุนตัววิ่งหนีด้วยสัญชาตญาณ!
ตระกูลหลินหลางทั้งตระกูลถูกความหวาดกลัวปกคลุมในทันใด
เมื่อมารตัวแรกพุ่งเข้าโจมตี หัวหน้าตระกูลหลินหลางก็ได้สติในที่สุด ใบหน้าซีดเผือดพลางออกหมัดโต้กลับ จากนั้นก็หันไปตะโกนลั่นใส่สมาชิกตระกูลที่แตกกระเจิง!
“จะตื่นตระหนกทำไม! รีบมาช่วยกันเร็วเข้า!”
เหล่าสมาชิกที่มีพลังบำเพ็ญสูงส่งเริ่มตั้งสติได้ รีบพุ่งเข้ามาเพื่อช่วยต่อสู้กับมาร ขณะที่เหล่าผู้บำเพ็ญระดับล่างบางคนกลับเลือกที่จะหนีไปในทันที...
แต่มีสมาชิกบางคนในตระกูลหลินหลางที่ใบหน้าดูแปลกใจ แต่กลับไม่มีความหวาดกลัวมากนัก
จินเป่าเอ๋อที่ยืนอยู่บริเวณนอกป่าไผ่มองเห็นทุกอย่างชัดเจน ใจนางเริ่มคิดวิเคราะห์ทันที!
ชัดเจนแล้วว่าในตระกูลหลินหลางมีสายลับของมารแฝงตัวอยู่! และไม่เพียงแค่นั้น พวกสายลับเหล่านี้ยังมีพลังบำเพ็ญที่ไม่ธรรมดาอีกด้วย
“ปัง!!”
เสียงดังสนั่นเกิดขึ้น พลังที่หัวหน้าตระกูลหลินหลางเพิ่งปล่อยออกไปยังไม่ทันเข้าถึงตัวมารตัวแรก แต่มารกลับเหมือนชนเข้ากับอะไรบางอย่างจนร่างหยุดชะงักอยู่กลางอากาศ...
ทุกคนที่เห็นภาพนี้ต่างตกตะลึง ยังไม่ทันได้คิดว่ามันเกิดอะไรขึ้น มารตัวที่สอง ตัวที่สาม...ก็ต่างชนกับสิ่งที่มองไม่เห็นเหมือนกัน ร่างของพวกมันหยุดชะงักในอากาศก่อนจะร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง! บนหัวพวกมันปรากฏรอยบวมขนาดใหญ่จนเห็นได้ชัด
แม้แต่เหล่ามารที่ตามหลังมาเมื่อเห็นความผิดปกตินี้ก็หยุดเคลื่อนไหวในทันที...
รอบๆป่าไผ่มีแสงสีชมพูอ่อนๆสะท้อนขึ้นมาอย่างแผ่วเบา ทุกครั้งที่มารหรือพลังมารสัมผัสแสงนี้ ราวกับถูกเผาไหม้ด้วยเปลวเพลิง
เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นไม่หยุด!
ไม่นานนัก ป่าไผ่ทั้งหมดก็ดูเหมือนถูกปิดล้อมด้วยบางสิ่ง แม้พลังมารและมารจะปั่นป่วนขนาดไหน แต่ก็ไม่อาจทะลุผ่านสิ่งกีดขวางนี้ออกมาได้
จินเป่าเอ๋อถอนหายใจอย่างโล่งอก โชคดีที่พลังของนางยังคงมีผลโดยตรงต่อเผ่ามาร!
ไม่เช่นนั้น หากมารจำนวนมากเหล่านี้หลุดออกมาไล่เข่นฆ่าผู้คน ต่อให้นางไม่ใช่คนในยุคสมัยนี้ ก็ยังอดรู้สึกผิดไม่ได้...
เพราะการที่พลังมารปะทุออกมานั้น เป็นความรับผิดชอบของนาง! นางไม่เคยคาดคิดเลยว่าภายในป่าไผ่จะเป็นเช่นนี้ แต่โชคดีที่นางรีบวางค่ายกลป้องกันก่อนออกมา
มิฉะนั้นความเสียหายจะยิ่งใหญ่กว่านี้แน่นอน
อย่างไรก็ตาม... นางหันไปมองชายหนุ่มข้างกายด้วยสายตาประหลาดใจ
“เจ้ารู้ใช่ไหมว่ามันคืออะไร”
ไม่เช่นนั้น เขาคงไม่รีบพานางออกมาแน่ เพราะในตอนแรก พลังมารที่ปะทุออกมานั้นยังไม่ได้รุนแรงขนาดนี้ ใครก็คาดไม่ถึงว่าจะมีมารมากมายโผล่ออกมาจากช่องทางนั้น...
มารหลงหลี่ซิงที่ตอนนี้กลับมาทำตัวโอหังและไม่ใส่ใจสถานการณ์อีกครั้ง กล่าวด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“ช่องทางมิติมาร! คิดไม่ถึงเลยว่าพวกมันจะย้ายช่องทางมาที่นี่ ดูเหมือนว่าพวกมันจะวางแผนดูดซับอารมณ์ด้านลบทั้งหมดของมนุษย์เพื่อเปลี่ยนเป็นพลังมารบำรุงเผ่ามาร! เป็นวิธีที่ดีทีเดียว!”
พูดจบ เขาหันไปมองจินเป่าเอ๋อ เมื่อสังเกตเห็นความสงสัยในแววตาของนาง ก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนอธิบาย
“อารมณ์ด้านลบจะดูดซับพลังชีวิตภายในร่างกายของมนุษย์ไปพร้อมกัน เมื่อเวลาผ่านไป ร่างกายของมนุษย์ในแดนสวรรค์จะอ่อนแอลงเรื่อยๆ พรสวรรค์ของทารกที่เกิดใหม่ก็จะลดลงตามไปด้วย พลังวิญญาณในแดนสวรรค์ก็ไม่สามารถฟื้นฟูกลับคืนได้ ผู้บำเพ็ญเพียรจะยิ่งอ่อนแอลงทุกที… สุดท้ายก็จะทำลายสิ่งมีชีวิตในแดนสวรรค์ทั้งหมดโดยไม่ให้ใครทันได้รู้ตัว! แผนนี้ช่างร้ายกาจจริงๆ!”
ทำไมเขาถึงนึกไม่ออกนะ! ค่ายกลเทียนโม่แห่งมิติมารนั้น มีเพียงมารไม่กี่ตนที่สามารถใช้ได้ ยิ่งไปกว่านั้น การวางค่ายกลในป่าไผ่ที่กว้างใหญ่เช่นนี้ย่อมต้องใช้ทรัพยากรมากมาย และมารที่อยู่เบื้องหลังก็ยังสามารถคิดแผนเช่นนี้ออกมาได้อีก! ต้องยอมรับเลยว่า เขาแอบชื่นชมในความฉลาดนี้ไม่น้อย
ใบหน้าของชายหนุ่มเผยรอยยิ้มออกมา…
จินเป่าเอ๋อ : “……”
นางแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าคนเช่นนี้จะกลายมาเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ในภายหลัง ผู้ที่ยุติสงครามในแดนล่างและแบ่งแยกทวีปออกเป็นส่วนๆ!
นางควรรีบคิดหาทางรวมพลังจะดีกว่า
แต่ในตอนนี้... นางขมวดคิ้ว หากสิ่งที่มารหลงหลี่ซิงพูดมารวมกับคำพูดของหัวหน้าเผ่ามาร แผนการของเทพมารปัจจุบันก็น่าจะเป็นแบบนี้จริงๆ!
ค่อยๆกัดกินพลังของเหล่าผู้แข็งแกร่งในแดนสวรรค์ ให้พวกเขาค่อยๆตกต่ำลงโดยไม่ทันรู้ตัว!
พร้อมกันนั้นยังออกแบบให้หลงหลี่ซิงกลายเป็นเทพมารที่สร้างความขัดแย้งระหว่างเผ่ามนุษย์และเผ่ามังกร
จุดชนวนสงครามระหว่างเซียนและมาร ให้ทั้งสองเผ่าเข่นฆ่ากันจนหมดแรง! ขณะที่เขานำพาเผ่ามารแอบซุ่มกำลังเงียบๆจนแข็งแกร่งขึ้น…
ช่างเป็นแผนการที่แยบยลเสียจริง! ยิ่งคิดนางยิ่งรู้สึกหนาวเยือกในหัวใจ... เทพมารปัจจุบันผู้นี้ต้องวางแผนมากี่ปีแล้ว
ดูจากการทำงานของค่ายกลเทียนโม่ กว่าจะเห็นผลก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งหรือสองร้อยปีแน่ๆ!
ในขณะนั้นเอง หัวหน้าตระกูลหลินหลางก็เริ่มตระหนักได้ว่า ค่ายกลที่สามารถกดข่มพลังมารนี้เป็นฝีมือของใคร
หลังจากใช้สัมผัสพลังสำรวจรอบๆอยู่ครู่หนึ่ง สายตาของเขาก็หยุดนิ่งที่จินเป่าเอ๋อทันที!
แน่นอนว่า จินเป่าเอ๋อเองก็รับรู้ถึงสัมผัสพลังนั้นได้อย่างรวดเร็ว นางหันไปมองชายหนุ่มข้างกายก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“เจ้าซ่อนตัวไปก่อนเถอะ! ถ้าอยู่กับข้าแบบนี้มันดูเด่นเกินไป ข้าอธิบายไม่ได้แน่!”