ตอนที่แล้วบทที่ 251 ค่ายกลเทียนโม่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 253 อาณาเขตของคนในชุดคลุม

บทที่ 252 คนในชุดคลุม


มารหลงหลี่ซิงไม่ได้บอกจินเป่าเอ๋อ ว่าทักษะนี้จริงๆแล้วเพียงแค่จับมือกันก็เพียงพอแล้ว ผลลัพธ์เหมือนกันทุกประการ!

ครั้งก่อนที่เขากอดนางเป็นเพราะทำไปโดยไม่ได้คิด แต่ครั้งนี้…เขาจงใจทำแบบนั้น!

ในขณะที่ทั้งสองก้าวเข้าสู่กระท่อมไม้ไผ่…

ดวงตาสีดำสนิทคู่หนึ่งพลันเปิดขึ้นในความมืด แววตาไร้ซึ่งสีสันแหงนมองขึ้นไปยังด้านบน ก่อนที่ร่างนั้นจะหายไปในทันที…

แม้จากภายนอกกระท่อมจะดูเล็ก แต่ภายในกลับกว้างใหญ่จนแทบไม่มีที่สิ้นสุด ทั้งห้องถูกปกคลุมด้วยความมืดสนิท

เมื่อจินเป่าเอ๋อพยายามใช้พลังจิตสำรวจ สิ่งที่นางได้สัมผัสกลับถูกความมืดกลืนกินจนหมด ไม่มีอะไรให้มองเห็นได้เลย!

นางขมวดคิ้วเล็กน้อย ความหงุดหงิดเกิดขึ้นในใจ ตั้งแต่ที่นางใช้พลังจิตได้หลังการเลื่อนระดับมา

นางกลับพบว่าพลังจิตนี้แทบไม่มีประโยชน์นัก โดยเฉพาะเมื่อเจอกับการป้องกันอย่างค่ายกลหรือชั้นป้องกันใดๆ

ในตอนนี้ นางจึงแอบตั้งเป้าหมายในใจไว้ว่าหลังจากเรื่องนี้จบ นางจะฝึกฝนพลังจิตของตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น!

แม้จะไม่สามารถมองทะลุทุกอย่างได้ แต่ก็ควรใช้งานได้ดีกว่านี้!

หลังจากทั้งสองก้าวเดินไปไม่กี่ก้าว มารหลงหลี่ซิงก็หยุดเดิน จ้องมองไปยังความมืดตรงหน้า ดวงตาฉายแววเย็นชา

“อยู่ด้านล่าง”

จินเป่าเอ๋อหยุดตามเขาและเงยหน้ามองด้วยความสงสัยก่อนจะได้ยินเสียงสื่อสารผ่านพลังจิต

นางเพิ่งนึกได้ว่าพลังจิตสามารถใช้ส่งข้อความได้เช่นกัน นางจึงตอบกลับทันที

“เข้าใจแล้ว!”

นางเบนสายตาลงมองพื้นเบื้องล่างโดยไม่ส่งเสียงใดๆ

ในขณะเดียวกัน ด้านหลังพวกเขา เงาสีดำยาวหลายสายเริ่มไหลซึมออกมาจากพื้นดิน ก่อนจะค่อยๆโผล่ขึ้นมาอย่างช้าๆ

พวกมันบิดตัวอย่างแปลกประหลาดจนค่อยๆก่อตัวเป็นร่างมนุษย์สีดำสนิท

ร่างมนุษย์สีดำ เหล่านั้นเหยียดกรงเล็บออกมาคลำหาอะไรบางอย่างในความมืด ขณะที่พวกมันค่อยๆเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ด้วยท่าทางที่ชวนขนลุก

จินเป่าเอ๋อ : “มีบางอย่างอยู่!”

มารหลงหลี่ซิง: “อย่าเพิ่งขยับ ข้าจัดการเอง!”

ในเสี้ยววินาที กรงเล็บแหลมคมสีดำพุ่งเข้ามาหมายจะโจมตีมารหลงหลี่ซิงจากด้านหลัง!

แต่กลับโจมตีพลาดเป้าหมายอย่างสิ้นเชิง…

ร่างของทั้งสองหายไปจากจุดเดิมราวกับไม่เคยอยู่ตรงนั้น ขณะที่กรงเล็บยังคงขยับไปมาในอากาศ เหมือนกำลังทดลองหาเป้าหมายที่ไม่มีอยู่แล้ว

บริเวณที่เงาสีดำซึมขึ้นมา พื้นไม้ถูกเปิดออกอย่างเงียบเชียบและปิดกลับในชั่วพริบตา ทั้งสองคนหลบหนีลงไปด้านล่าง…

บันไดไม้ทอดยาวลงไปในความมืด อากาศรอบตัวเต็มไปด้วยพลังมารเข้มข้นจนไม่มีสิ่งใดเจือปน กลิ่นอายบริสุทธิ์หายไปหมดสิ้น

ในแสงสลัวของเปลวไฟสีฟ้าอ่อน จินเป่าเอ๋อมองเห็นภาพรอบตัวได้ชัดเจนขึ้น

ที่นี่คือโครงสร้างใต้ดินที่เหมือนสุสานโบราณ มีเสาหินขนาดใหญ่สี่ต้นรองรับน้ำหนักของโครงสร้าง

ทุกสิ่งรอบตัวว่างเปล่า ทว่าที่ปลายทางกลับปรากฏช่องทางรูปวงรีมากมายเรียงรายอย่างน่าพิศวง ไม่อาจรู้ได้ว่ามันนำไปสู่ที่ใด

เมื่อเห็นภาพตรงหน้า นางอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ความตกตะลึงในดวงตาปรากฏขึ้นเพียงชั่วครู่

“สุสานใต้ดินขนาดใหญ่แบบนี้… แค่การก่อสร้างก็น่าจะใช้เวลานานมากเลยทีเดียว!”

สงครามระหว่างเผ่ามารและผู้บำเพ็ญเซียนเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ แต่มองจากที่นี่ เห็นได้ชัดว่าเผ่ามารคงวางแผนทุกอย่างมานานมากแล้ว!

จินเป่าเอ๋อสงสัยว่า ตระกูลหลินหลางรู้หรือไม่ว่ามีสถานที่แบบนี้อยู่ใต้จมูกของพวกเขา

ขณะที่นางเดินเข้าไปใกล้ ภาพบางอย่างบนผนังทำให้นางต้องหยุดและจ้องมองมันอย่างแน่วแน่

สิ่งที่ปรากฏคือภาพที่ดูเหมือนแท่นบูชา มีสิ่งมีชีวิตรูปร่างประหลาดนับไม่ถ้วนกำลังก้มกราบ พวกมันเหมือนกับเผ่ามารที่นางเคยเห็นไม่มีผิด

ในฉากถัดมา ร่างสัตว์ประหลาดขนาดมหึมากระโจนเข้าไปในแท่นบูชา ก่อนจะกลายเป็นหมอกดำหนาทึบ…

โดยรวมแล้ว ภาพเหล่านี้เหมือนจะเล่าเรื่องราวการกำเนิดของมารเทพ หรืออาจเป็นเพียงฉากการต่อสู้ฆ่าฟันกันเองของเผ่ามารก็ได้!

“นี่คือ ‘นรกมาร’ เป็นกระบวนการที่เผ่ามารต้องฆ่าฟันกันเอง จนกระทั่งเกิด ‘จิตมุ่งร้าย’ เข้มข้นขึ้นมา และพลังเหล่านี้จะถูกส่งไปยังร่างของมารผู้หนึ่ง ทำให้มันได้รับพลังมารอันแข็งแกร่งและกลายเป็นมารเทพอย่างแท้จริง”

เสียงเย็นชาดังขึ้นในจิตของนาง จินเป่าเอ๋อไม่ได้หันกลับไป นางเพียงใช้สายตาบ่งบอกว่า 'แล้วเจ้าเล่าคืออะไรกันแน่'

เพราะอย่างไรเสีย เขาก็ไม่ใช่มารโดยกำเนิด

มารหลงหลี่ซิงเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

“เมื่อข้าเริ่มมีสติ ข้าก็ปรากฏอยู่ในเผ่ามารแล้ว และไม่รู้ตัวว่ากำลังดูดซับพลังมารอยู่ จนกระทั่งผ่านกระบวนการของ ‘นรกมาร’ และกลายเป็นมารเทพ”

คำพูดเพียงไม่กี่ประโยค เรียบง่ายแต่กลับครอบคลุมอดีตอันยาวนานของเขา ซึ่งเต็มไปด้วยเรื่องราวที่ไม่มีใครล่วงรู้

จินเป่าเอ๋อไม่พูดอะไร นางไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าเขาผ่านอะไรมาบ้าง และนางไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดปลอบโยน เพราะนางไม่อาจเข้าใจความรู้สึกนั้นได้อย่างแท้จริง

“ฮึ… ข้าบอกเจ้าทำไมกัน! ไปดูที่โพรงเหล่านั้นเถอะ หากที่นี่มีการบันทึกประวัติศาสตร์ของเผ่ามารไว้บนผนัง แสดงว่านี่ต้องเป็นฐานที่มั่นของเผ่ามารแน่ และบางทีในโพรงใดโพรงหนึ่งนั้น อาจจะมีมารเทพกำลังนอนอยู่ก็ได้”

จินเป่าเอ๋อพยักหน้าเห็นด้วย

ในตอนนั้นเอง หมอกดำก่อตัวขึ้นปิดทางออกของสุสานใต้ดิน พลังมารที่ล่องลอยอยู่ในอากาศเริ่มรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว!

ทั้งสองคนเตรียมพร้อมทันที และมองไปรอบๆด้วยความระมัดระวัง

เมื่อเห็นเงาคลุมผ้าคลุมสีดำมากมายปรากฏตัวขึ้นจากความมืด สีหน้าของพวกเขาแสดงความกังวล…

“คิกคิก… นี่ไม่ใช่อดีตมารเทพหรอกหรือ ยังพามังกรตัวน้อยมาด้วย หรือคิดจะถวายบูชาพร้อมกันทั้งสองคน…”

“หุบปาก! อยากระเบิดอีกรอบไหม”

ไม่ทันที่คำพูดของมันจะจบ มารหลงหลีซิงก็ขัดขึ้น น้ำเสียงของเขาเย็นเยียบและเปี่ยมไปด้วยการข่มขู่

แม้คำพูดจะเรียบง่าย แต่เจตนาฆ่าฟันในน้ำเสียงกลับชัดเจนจนปฏิเสธไม่ได้!

เงาคลุมผ้าคลุมชะงักไป ดวงตาที่มืดมนเริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรง หมอกดำรอบตัวมันข้นขึ้นอย่างผิดปกติ ร่างกายสั่นเล็กน้อยราวกับมันกำลังหวาดกลัวบางสิ่ง

บางทีอาจเป็นเพราะนึกถึงเหตุการณ์ที่ตัวเองเคยถูกสังหารมาก่อน…

ใช่แล้ว! เขาคือ หัวหน้ามารที่เคยถูกหลงหลี่ซิงบีบคอและเกือบถูกฆ่าตาย เขาคือคนที่เกือบหลุดปากบอกความลับในห้องลับของตระกูลฝานหยินเมื่อวันนั้น!

ตามหลักแล้ว เผ่ามารไม่สามารถถูกฆ่าตายได้อย่างสมบูรณ์ แม้ร่างกายจะถูกทำลาย แต่พวกมันจะฟื้นคืนชีพในสถานที่อื่นเสมอ

วันนั้นเขาไม่ควรพูดความลับออกมา แต่ตอนที่ถูกมารหลงหลีซิงบีบคอ ความหวาดกลัวถึงขีดสุดได้ทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่ได้ สมองของเขาไม่ทันได้คิดอะไรทั้งสิ้น…

โชคดีที่ คำสาปในร่างกายถูกระเบิดออกมา ทำให้เขาไม่ได้เปิดเผยความลับ แต่ความหวาดกลัวที่ฝังลึกในใจต่อชายคนนี้ไม่ได้หายไปง่ายๆ…

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ชายในชุดคลุมก็หัวเราะเยาะเย้ยด้วยเสียงที่เย็นชาและเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม

“คิกคิก! เจ้าคิดว่าวันนี้จะหนีรอดไปได้อีกหรือ ฮ่าๆ!ครั้งก่อนพวกเจ้ามันแค่โชคดี แต่ครั้งนี้…พวกเจ้าต้องตาย! ฮ่าๆๆ!”

เสียงหัวเราะดังก้องไปทั่วสุสานใต้ดิน มันแหลมและน่ารำคาญ ราวกับเสียงกรีดร้องที่แสนทรมาน!

จินเป่าเอ๋อขมวดคิ้วแน่น สายตาเย็นเยียบขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะยื่นมือขวาออกไปอย่างรวดเร็ว…

ในชั่วพริบตา แสงสีเงินสว่างวาบในมือของนาง พลังสีชมพูอ่อนหมุนวนรอบตัว ราวกับโคมไฟที่ส่องสว่างทั่วทั้งสุสานใต้ดิน!

เสียงหัวเราะของชายในชุดคลุมหยุดลงทันที ความเงียบงันเข้าครอบงำ ราวกับเสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยองถูกตัดขาดในพริบตา!

แม้นางจะมองไม่เห็นสีหน้าของเขา แต่นางสัมผัสได้ถึงความตกใจที่แผ่ออกมาจากตัวเขา!

เพียงเวลาไม่กี่วินาที ภาพหญิงสาวในชุดขาว มือเรียวบางถือดาบ ดวงตาคมกริบ สง่างาม และทรงพลังปรากฏขึ้นในจิตใจของเขา ภาพนั้นซ้อนทับกับหญิงสาวตรงหน้าทันที!

“เจ้า…เป็นเจ้า!”

มังกรขาวผู้เคยฆ่าล้างเผ่ามารจนสิ้นในศึกเซียนกับมารอย่างงั้นหรือ!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด