ตอนที่แล้วตอน 18 ร่างมหาเทพบรรพกาลเดียวดาย, คำแนะนำสมบัติไดมอน!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอน 20 วิชาสยบเก้าวิญญาณและกลุ่มแตกตื่นกับสองล้านคะแนน

ตอน 19 วีรบุรุษช่วยโฉมงาม? สุนัขยังไม่มองเลย!


“สมบัติไดมอนมาแล้ว ขอบคุณพวกชอบเลียนะ”

เฉินหยวนใจเต้นแรก สมบัติระดับแพลทตินัมนั้นยอดเยี่ยมจนบอกไม่ถูกอยู่แล้ว เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสมบัติระดับไดมอนจะมีอะไรรอเขาอยู่

แน่นอนว่าการไปถึงระดับไดมอนนั้นหมายถึงการสังหารศัตรูเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้

ไม่ว่าจะใช้วิธีการอะไรก็อาจจะทำภารกิจนี้ไม่สำเร็จ

โชคดีที่ระบบรางวัลนั้นไม่มีการจำกัดเวลา ทำให้เฉินหยวนมีเวลามากพอในการเตรียมตัว

อย่าวเลวร้ายที่สุดเขาก็แค่ทำตัวให้แข็งแกร่งในภายหลังและหาโอกาสลงมือ

ส่วนในตอนนี้

เฉินหยวนไม่คิดจะโจมตีศัตรูไปสักระยะ

“ท้องนภากว้างใหญ่ให้วิหคโบยบิน ทะเลก็กว้างให้เหล่ามัจฉาแหวกว่าย!”

เฉินหยวนมองไปข้างหน้าและหายตัวไปสู่ความมืดมิด

….

วันต่อมา

ยานลอยฟ้าขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย มันปิดบังท้องฟ้าจนมืดมิด เหนือยานลอยฟ้านั้นมีธงสีม่วงสะบัดอยู่พร้อมกับคำว่า ‘หยาง’ ขนาดใหญ่ปักเอาไว้

ยานลอยฟ้าของสำนักจื้อหยาง!

เมื่อพวกเขาเห็นยานลอยฟ้า คนจากสองตระกูลใหญ่ก็รีบออกมาด้วยความกังวล

หลินฉู่กลับมาแล้ว

“ขอคารวะเซียนแห่งสำนักจื้อหยาง!”

คนจากสองตระกูลพูดด้วยความนับถือ

เสียงดังอยู่เป็นระยะ

ในตอนนี้

สองคนบินออกมาจากยานลอยฟ้า เป็นผู้อาวุโสและเป็นเด็กหนุ่มหนึ่งคน

ทั้งสองสวมชุดคลุมสีม่วงและมีท่าทางยิ่งใหญ่ราวกับทวยเทพที่ลงมาจากสวรรค์ ความกดดันยิ่งใหญ่ทำให้ทั้งเมืองเทียนเซี่ยงหายใจไม่ออก

“เกิดอะไรขึ้นกับตระกูลหลินของเรา?”

ชายหนุ่ม หลินฉู่มองตระกูลหลินที่กลายเป็นซากปรักหักพังด้วยสีหน้าเย็นชาและจิตสังหารไร้สิ้นสุดในแววตา ทั้งตัวของเขาเปล่งความเยือกเย็นออกมาจนอุณหภูมิรอบตัวต่ำลง

เมื่อได้ยินอย่างนั้นคนอื่นก็ทำได้แค่ตอบตามความจริง

หลังจากได้ฟังคำอธิบายของทุกคน หลินฉู่หัวเราะด้วยความแค้น

“โดนทำลายจากผู้บ่มเพาะพลังขอบเขตบ่มเพาะร่างกาย?”

“คิดว่าหลินฉู่ผู้นี้เป็นเด็กสามขวบเรอะ?”

ความจริงมันลักลั่นเหลือเกิน

แม้แต่เด็กสามขวบก็เชื่อเรื่องนี้ไม่ลง

เพราะการที่คนในขอบเขตบ่มเพาะร่างกายจะทำลายล้างตระกูลหลินนั้น มันเป็นไปได้หรือ?

แม้ว่าอีกฝ่ายจะมาจากตระกูลใหญ่ก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมีพลังแค่ขอบเขตบ่มเพาะร่างกาย

ไม่ว่าจะมองจากมุมใด มันก็ไม่ควรเป็นไปได้

“เรารู้ว่าท่านหลินจะต้องไม่เชื่อ แต่มันคือความจริง”

เจ้าเมืองเทียนเซี่ยงกัดฟันพูด

แม้ว่าพวกเขาจะไม่อยากเชื่อ แต่ความจริงมันอยู่ตรงหน้าพวกเขา

คนเดียวที่ตระกูลหลินจะไปล่วงเกินได้ก็คือผู้บ่มเพาะพลังไร้สังกัดคนนั้น หาใช่ใครอื่น

แน่นอนว่าความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลของพวกเขาไม่ดี แต่พวกเขาก็ไร้กำลังและไม่กล้าพอจะทำอะไรตระกูลหลิน

เพราะเมื่อใดก็ตามที่ลงมือไปแล้ว พวกเขาจะต้องเจอกับภัยพิบัติตามมาแน่นอน

หลินฉู่เก็บภาพวาดของเฉินหยวนและสั่ง

“ฆ่ามันให้หมด ให้มันตามหลุมศพพ่อข้าไป!”

“อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว!”

เมื่อพูดจบหลินฉู่ก็บินกลับยานลอยฟ้าเหลือเพียงผู้อาวุโสเอาไว้

ทุกคนสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที

ก่อนที่พวกเขาจะได้ทำอะไร แรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวก็กดทับลงมาแล้ว

ฝ่ามือใหญ่ยักษ์ประทับลงมือบนทั้งเมืองเทียนเซี่ยงแบนราบ ทุกสิ่งทุกอย่างโดนลบล้างหายไป

ทั้งเมืองหายวับไปในอากาศ เหลือเพียงรอยฝ่ามือลึกลงเท่านั้น

ราวกับว่าเมืองเทียนเซี่ยงไม่เคยมีมาก่อน

ส่วนทุกอย่างในเมืองเทียนเซี่ยงนั้น แน่นอนว่าตายหมดไม่เหลือ

ถ้าหากเฉินหยวนรู้เรื่องนี้ เขาคงจะขอบคุณตัวเองอย่างมากที่เขาหนีออกมาก่อน

ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะตายตามไปด้วย

เมื่อออกจากเมืองเทียนเซี่ยงมาแล้ว เฉินหยวนกำลังเดินไปตามทาง

แต่ตำแหน่งของเมืองเทียนเซี่ยงนั้นแปลกมาก มันไม่มีเหมืองเลยในระยะพันลี้

ระยะทางนี้หมายความว่าเฉินหยวนจะทำได้แค่พเนจรไปเรื่อย ๆ !

“ยังไม่ถึงขอบเขตแก่นแท้เลย ถ้าถึงขอบเขตแก่นแท้เมื่อไหร่เราจะบินได้”

เฉินหยวนรู้สึกสิ้นหวังเมื่อมองทุ่งหญ้าไร้สิ้นสุดตรงหน้า

แม้ว่าร่างกายของเขาจะดีกว่าคนธรรมดา แต่มันก็ยังเป็นร่างกายของมนุษย์อยู่ ต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งวันในการข้ามระยะพันลี้นี้

“ร่างเทพบรรพกาลนี่แข็งแกร่งจริง ๆ”

“ความเร็วในการฝึกฝนเพิ่มขึ้นเกือบสิบเท่าเลยแฮะ”

ขณะที่ฝึกฝน เฉินหยวนถึงได้รับรู้ของความต่างระหว่างคนธรรมดาและอัจฉริยะ

ด้วยสภาพร่างกายก่อนหน้านี้ของเขา การบ่มเพาะพลังนั้นไม่ต่างจากบีบเค้นยาสีฟันที่หมดหลอดแล้ว เขาเพิ่มพลังได้เพียงเล็กน้อยในแต่ละวัน

แต่หลังจากที่เขาได้ร่างมหาเทพบรรพกาลเดียวดายมา ทุกสิ่งก็ได้เปลี่ยนไป

ไม่เพียงแต่ความเร็วในการบ่มเพาะจะเร็วเป็นอย่างมากแล้ว แต่มันยังไหลลื่นอย่างดีอีกด้วย!

ในอดีตตอนที่เขาฝึกฝน เขามักจะรู้สึกว่าโดนบางอย่างกีดขวางอยู่เสมอ

แต่ตอนนี้ไม่ใช่อีกแล้ว

นั่นทำให้เฉินหยวนมีความสุขเป็นอย่างมาก

โดยเฉพาะร่างระดับจิตที่ยอดเยี่ยมโดยแท้จริง

“ขอบเขตบ่มเพาะร่างกายระดับเจ็ด ด้วยความเร็วระดับนี้ ถ้าได้รางวัลมาอีกก็น่าจะขึ้นไปถึงขอบเขตแก่นแท้ได้ในอีกไม่กี่วัน อย่างช้าสุดก็ครึ่งเดือน”

“ถ้าไปถึงขอบเขตแก่นแท้เมื่อไหร่ก็นับได้ว่าเราเป็นผู้บ่มเพาะพลังของจริง”

“แล้วก็จะบินได้ด้วย”

เพราะขอบเขตบ่มเพาะร่างกายนั้นเป็นขอบเขตที่แข็งแกร่งกว่าคนธรรมดาเท่านั้น ต่อให้จะมีพลังพิเศษอะไร แต่ความแตกต่างระหว่างคนธรรมดานั้นไม่ได้แตกต่างกันมาก

แต่การไปถึงขอบเขตแก่นแท้นั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง

ไม่ว่าจะพลังในการบินบนอากาศหรือพลังอย่างอื่น เหล่านั้นล้วนไม่ใช่พลังที่ขอบเขตบ่มเพาะร่างกายจะมีได้

“วิชาลับที่ได้มามันสุดยอดไปเลย พอฝึกได้ไม่นานดวงวิญญาณของเราก็พัฒนาขึ้นมากแล้ว!”

“พอถึงขอบเขตแก่นแท้เมื่อไหร่ บางทีอาจจะควบคุมวิญญาณได้ก็ได้”

เฉินหยวนเองก็ยินดีกับพลังของวิชาสยบเก้าวิญญาณ

ก่อนที่เขาจะฝึกวิชาสยบเก้าวิญญาณนั้นเขาไม่มีสัมผัสรับรู้วิญญาณของตัวเองเลย

หลังจากฝึกแล้ว เขาสัมผัสมันได้อย่างชัดเจน

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังควบคุมดวงวิญญาณของเขาเองได้และเพิ่มพลังการรับรู้ได้อีก

แม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้ในการสังหารใครด้วยวิญญาณของเขาในตอนนี้ แต่มันก็ยังใช้ขู่คนอื่นได้ผ่านวิญญาณ

มันคือการจู่โจมทางจิตใจนั่นเอง

นี่คือสิ่งที่ดีที่เขาได้มา

ในตอนที่เฉินหยวนกำลังวิ่งอย่างรวดเร็วอยู่นั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงดังมาจากข้างหน้า

สิ่งที่เขาเห็นคือกลุ่มคนกำลังล้อมและสังหารสาวงาม

นางมีร่างกายเร่าร้อน ดูดี และสัมผัสได้ถึงการยั่วยวนในทุกการเคลื่อนไหว

“ท่าน ช่วยข้าด้วย!”

เมื่อเห็นเฉินหยวนมา นางตาลุกวาว นางที่ดูอ่อนแอนั้นร้องขอความช่วยเหลือ

นางคิดว่าเฉินหยวนจะมาช่วยนาง

ใครจะไปรู้เล่าว่าเฉินหยวนจะเพียงแค่ปราดตามองและจากไป

ไร้ซึ่งการลงมือ

ตู้กู้หยุนบอกเขาว่าอย่ามีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใดระหว่างช่วงเริ่มต้น

ไม่รู้ว่ามันจะเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ แต่เมื่อสายสัมพันธ์เริ่มต้นแล้ว จะไม่มีอะไรดีตามมา

เป็นวีรบุรุษช่วยสตรีหรือ?

ขอโทษนะ ข้าขอเป็นคนตาบอดไปก่อนแล้วกัน

เมื่อเห็นเฉินหยวนหันมามองและวิ่งไป ทุกคนงุนงง

ชายหนุ่มคนนั้นเป็นอะไรกัน? เห็นเรื่องราวทั้งหมดแล้วยังไม่ทำอะไรอีกหรือ?

นี่ไม่ใช่สภาพจิตใจของคนหนุ่มเลย

การได้เห็นเฉินหยวนหนีนั้นทำให้นางโมโหเล็กน้อย

“ผู้หญิงอ่อนแออย่างข้าถูกรังแกแบบนี้ ท่านไม่คิดจะช่วยข้าหน่อยหรือ?”

ช่วย ล้อเล่นรึเปล่า?

เฉินหยวนไม่คิดจะสนใจอีกฝ่าย แทนที่จะหยุด เขากลับวิ่งให้เร็วขึ้น

“ไล่ตามไป ฆ่าเจ้านั่นให้ข้า!”

เมื่อเห็นเฉินหยวนไม่สนใจ สาวงามก็หยุดเสแสร้งและตะโกนด้วยความโกรธ

กลายเป็นว่าพวกเขาเพียงแค่แสดงละครเท่านั้น

เป็นเรื่องจริงที่ว่าจิตใจมนุษย์นั้นชั่วร้ายเหลือคณา

เมื่อเห็นมีหลายคนเข้ามา เฉินหยวนหยิบดีเสิทอีเกิลโดยไม่คิดอะไรอีก

ปั้ง ปั้ง ปั้ง

เสียงปืนดังหลายครั้ง คนล้มลงตามเสียงกระสุนปืน

ทั้งสองฝ่ายเป็นคนในขอบเขตบ่มเพาะร่างกาย พลังบ่มเพาะของพวกเขาไม่สูงนัก พวกเขาจึงป้องกันตัวจากกระสุนปืนไม่ได้

เมื่อเห็นคนของนางล้มลง สาวงามสีหน้าเปลี่ยนไป นางอ่อนโยนลงและพูดเสียงหวาน

“ท่าน ข้าคิดว่าเราอาจมีเรื่องเข้าใจผิดกัน ได้โปรดอย่าใส่ใจเลย ถ้าหากยินดี ข้ายินดีจะรับใช้ท่านไปตลอดชีวิต”

เฉินหยวนไม่พูดอะไร คำตอบเดียวที่นางได้รับคือเสียงปืน

ปั้ง

เสียงปืนทะลวงแหวกอากาศ สาวงามล้มลงกับพื้น

นางเบิกตากว้าง นางไม่เคยเข้าใจเลยว่าความตายรสชาติเป็นอย่างไรจนกระทั่งเฉินหยวนมอบกระสุนอันโหดเหี้ยมไร้ปราณีนี้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด