ตอนที่ 1660 สิ่งมีชีวิตสูงสุดที่เดียวดายที่สุดในโลก (ฟรี)
ตอนที่ 1660 สิ่งมีชีวิตสูงสุดที่เดียวดายที่สุดในโลก
ลู่โจวเหยียบดอกบัวสีทอง แท่นดอกบัวและจานสุริยะอันเป็นเอกลักษณ์ของเขานั้นบ่งบอกว่าพลังฝึกฝนของเขาได้ก้าวไปสู่ระดับใหม่ เขาไม่ได้ห้ามจุ้ยฉานที่ตอนนี้กำลังจะฆ่าตัวตาย เขามองดูอย่างไม่ใส่ใจ
ด้วยฝ่ามือเดียว พลังฝึกฝนของจุ้ยฉานก็กลับคืนสู่จุดเริ่มต้น เขาเกิดที่ภูเขาลึกลับ และตอนนี้เขาก็คงต้องถูกฝังที่ภูเขาลึกลับ เขามองดูลู่โจวด้วยแววตาที่แน่วแน่ เขาไม่เสียใจ ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต ดวงตาของเขายังคงจดจ้องอยู่ที่ลู่โจวที่ตอนนี้กำลังลอยตัวอยู่กลางอากาศ
จุ้ยฉานนึกถึงคำพูดของอาจารย์ในอดีต ร่างกายของเขาสั่นอย่างรุนแรง
“อาจารย์ทำได้แค่เพียงชี้ทางให้เจ้า ในเมื่อเจ้าชอบคัมภีร์ชาวพุธ เจ้าก็ควรจะใช้มันเพื่อที่จะสะกดปีศาจในใจของเจ้า ในเมื่อเจ้าฝึกฝนวิชาชาวพุธ เจ้าก็ควรจะเลิกดื่มสุรา”
แต่น่าเสียดาย จุ้ยฉานไม่สามารถกำจัดความชอบในสุราได้ เขายังตั้งฉายาให้ตัวเองว่า ‘เถียงจุ้ย’ ใครบอกว่านักบวชห้ามดื่มสุรา? ใครบอกว่านักบวชจะต้องปฏิบัติตามหลักคำสอนของชาวพุธ?
ความเงียบกลับคืนสู่ภูเขาลึกลับหลังจากที่พายุพลังชีวิตสงบลง
วัตถุศักดิ์สิทธิ์ชาวพุธที่ตกลงมาจากฟ้านั้นกลายเป็นผงธุลี มันกลับคืนสู่ผืนดิน
เขตแดนพลังที่ดูเหมือนกับหลังคาจากเขตแดนพลังลึกลับค่อยๆ จางหายไป มันเป็นเพียงแค่ส่วนที่หลงเหลืออยู่ของเขตแดนพลังลึกลับ การหายไปของมันบ่งบอกถึงจุดจบของเขตแดนพลังลึกลับเช่นกัน
ท้องฟ้าแจ่มใส ดวงอาทิตย์ที่เจิดจ้าส่องแสงลงมายังพื้นดิน
อากาศบริสุทธิ์และพลังลมปราณเริ่มไหลเวียนอีกครั้ง
“ตอนนี้พวกเรา...หายกัน...แล้วนะ” จุ้ยฉานที่สั่นเทากล่าวอย่างแผ่วเบาในช่วงเวลาสุดท้ายก่อนที่เขาจะเสียชีวิต
จากนั้นอักษรโบราณบนร่างกายของจุ้ยฉานก็เปล่งประกาย พวกมันแยกชิ้นส่วนร่างกายของเขาออกจากกัน ร่างกายของเขากลายเป็นผงธุลีและสลายไปในสายลม
“หากไม่นับนิสัยแย่ๆ ของเขานั่น เขาก็ไม่ใช่คนเลวร้าย” จักรพรรดิซางจางที่เป็นผู้ติดตามและมองเห็นทุกอย่างถอนหายใจอย่างแผ่วเบา
“เขาเป็นคนทรยศ คนทรยศก็คือคนทรยศ ไม่ว่าจะยังไง นิสัยดีๆ สองสามอย่างก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ได้ การที่พวกเจ้าจะพูดแบบนี้หลังจากที่เขาตายไปแล้วนั้นเป็นการเสแสร้ง” ซวนอี้กล่าวอย่างไม่เห็นด้วย
จักรพรรดิซางจางที่เป็นผู้ติดตามเงียบ เขาไม่อยากจะเถียงกับซวนอี้ พวกเขาทั้งสองคนมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน
ลู่โจวที่เก็บดอกบัวสีทองบินขึ้นไป
“ขอแสดงความยินดีด้วย” จักรพรรดิซางจางที่เป็นผู้ติดตามกล่าว
“ท่านเจ้าศาลาลู่ พลังฝึกฝนของท่านกลับไปสู่ระดับสูงสุดแล้ว ขอแสดงความยินดีด้วย” ซวนอี้ที่กำหมัดคำนับลู่โจวกล่าว
“ภูเขาลึกลับพังทลายลงแล้ว ตอนนี้มันไม่เหมือนกับเมื่อก่อนอีก ในฐานะผู้ที่เคยเป็นเจ้าแห่งสถานที่แห่งนี้ ท่านคิดว่า...” จักรพรรดิซางจางที่เป็นผู้ติดตามกล่าว
“อดีตก็ควรปล่อยให้เป็นเพียงอดีต เต๋าแห่งสวรรค์พังทลายลง ภูเขาลึกลับคงจะไม่ได้รับผลกระทบอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเสียใจหรอก เพราะยังไงซะภูเขาลึกลับก็เคยรุ่งเรืองมาก่อน” ลู่โจวที่ยกมือขึ้นพูดแทรกกล่าว
‘ยังบอกอีกงั้นเหรอว่าท่านไม่ใช่ผู้มีมลทิน?! นี่มันก็แค่ไม่ยอมรับกันก็เท่านั้น’ จักรพรรดิซางจางที่เป็นผู้ติดตามมีสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลงไป เขาใช้ความคิด
“ท่านอาจารย์ ตอนนี้ท่านเป็นถึงสิ่งมีชีวิตสูงสุดแล้ว!” หยวนเอ๋อที่บินมาจากที่ไกลๆ กล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม
“ท่านอาจารย์ ขอแสดงความยินดีด้วยที่ท่านได้เป็นถึงสิ่งมีชีวิตสูงสุด” หอยสังข์ที่บินเข้ามาหาโค้งคำนับกล่าว
“ท่านอาจารย์ แม้แต่จุ้ยฉานก็ยังไม่สามารถเอาชนะท่านได้! ในเมื่อตอนนี้ท่านเป็นถึงสิ่งมีชีวิตสูงสุดแล้ว พวกเราจะพาศิษย์พี่ทั้งหลายกลับมาได้รึยัง?” หยวนเอ๋อที่กล่าวอย่างมีความสุขถาม
“เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้จะต้องเป็นความลับ” ลู่โจวที่ส่ายหัวกล่าว
เรื่องที่เกิดขึ้นที่ภูเขาลึกลับนั้นเป็นเรื่องใหญ่ มันอาจจะทำให้วิหารศักดิ์สิทธิ์และผู้ฝึกยุทธทั่วโลกโกรธ
“ค่ะ” หยวนเอ๋อที่ไม่ได้ถามอะไรพยักหน้า
จักรพรรดิซางจางที่เป็นผู้ติดตามเข้าใจความหมายของลู่โจว บางเรื่องไม่ควรจะถาม ตราบใดที่เข้าใจ มันก็เพียงพอแล้ว “ต่อไปท่านคิดจะทำอะไร?” เขาถามหลังจากที่เวลาผ่านไป
ลู่โจวมองดูยอดเขาที่ว่างเปล่าของภูเขาลึกลับ โถงลึกลับหายไปแล้ว เขานึกถึงภาพที่เขาเห็นและคำพูดของผู้มีมลทิน ถึงแม้ว่าคำถามมากมายของเขาจะได้รับคำตอบแล้ว แต่เขาก็ยังคงไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับผู้มีมลทิน
จนถึงตอนนี้ความเข้าใจเกี่ยวกับผู้มีมลทินของทุกคนนั้นยังมีน้อย
บนโลกใบนี้จะมีใครบ้าง ที่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ตลอดกาล?
ลู่โจวรู้สึกว่ายังคงมีหลายๆ อย่างที่เขายังไม่รู้ อย่างเช่น ศิลานิยม ดอกบัวสีน้ำเงิน พันธนาการของสวรรค์และโลก และสิ่งมีชีวิตสูงสุดที่ทรยศผู้มีมลทิน เกิดอะไรขึ้น? ทำไมผู้มีมลทินถึงได้พยายามที่จะทำลายพันธนาการโดยไม่สนใจคำทัดทานใดๆ?
คำถามมากมายของเขาได้รับคำตอบแล้ว แต่เขาก็ยังคงมีคำถามใหม่ๆ อีกมากมาย
ไม่ว่าผู้คนจะมองผู้มีมลทินยังไง เขาก็ยังคงเป็นถึงสิ่งมีชีวิตสูงสุดที่เดียวดายที่สุดในโลก
“ท่านอาจารย์?”
“พวกเรากลับไปที่วิหารซวนอี้กันเถอะ” หยวนเอ๋อที่เรียกอย่างแผ่วเบากล่าว ลู่โจวที่จมอยู่ในห้วงความคิดตั้งสติได้
ก่อนหน้านี้ลู่โจวจมอยู่ในความคิดของตัวเอง มันเหมือนกับว่าเขาคือผู้มีมลทิน และผู้มีมลทินก็คือเขา เขาเริ่มที่จะสงสัยในตัวเอง เขานึกถึงจีเทียนเต๋า ลู่เทียนตง บทกวีเกี่ยวกับศิษย์ของเขา และตัวอักษร 26 ตัวที่ดูคุ้นเคย สุดท้ายแล้วเขาจึงได้ส่ายหัวและปัดความคิดเหล่านั้นทิ้ง
ณ วิหารศักดิ์สิทธิ์
ร่างมากมายปรากฏตัวขึ้นนอกห้องโถงใหญ่
“ฮัวเจิงหงมาขอเข้าพบฝ่าบาท”
“เหวินหรูชิงมาขอเข้าพบฝ่าบาท”
“กวนจิวมาขอเข้าพบฝ่าบาท”
ทั้งสามกำหมัดคำนับไปยังห้องโถงใหญ่ พวกเขารอคอยอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ยังคงไม่มีการตอบสนองใดๆ พวกเขามองหน้ากันก่อนจะส่ายหัว
“จุ้ยฉานเสียชีวิตแล้ว เขาตายที่ภูเขาลึกลับ” ฮัวเจิงหงมองดูอีกฝ่ายทั้งสองและกล่าว
เหวินหรูชิงกับกวนจิวรู้เรื่องนี้ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขารีบมาที่นี่ แต่น่าเสียดาย พวกเขาไม่สามารถพบกับหมิงซินได้ พวกเขารอคอยอยู่สองชั่วโมง แต่ก็ยังคงไม่มีการตอบสนองใดๆ
“จุ้ยฉานมีวัตถุศักดิ์สิทธิ์ชาวพุธและยันต์แห่งความว่างเปล่าอยู่ในครอบครอง แล้วเขาจะตายได้ยังไง?” ฮัวเจิงหงกล่าว
“ที่ภูเขาลึกลับมีเขตแดนพลังโบราณ และก็ยังมีสัตว์ร้ายโบราณที่ไม่รู้จักอีกมากมาย”
“เป็นไปไม่ได้ ยันต์แห่งความว่างเปล่าสามารถข่มขู่สัตว์ร้ายโบราณได้ ยิ่งไปกว่านั้นจุ้ยฉานก็ยังไม่ใช่คนโง่ เขาจะไม่มีวันยั่วยุสัตว์ร้ายโบราณโดยที่ไม่จำเป็น” กวนจิวที่ส่ายหัวกล่าว
“แล้วเขาจะตายได้ยังไง?”
พวกเขาทั้งสามขมวดคิ้ว พวกเขาไม่อยากจะพูดถึงภูเขาลึกลับ การตายของจุ้ยฉานนั้นทำให้พวกเขาคิดมาก พวกเขานอนไม่หลับ เมื่อนึกถึงการตายของถูเว่ย พวกเขาก็ยิ่งกระวนกระวายมากขึ้น
“ดูเหมือนกับว่าฝ่าบาทจะไม่อยู่ที่นี่ ทำไมพวกเราไม่ไปดูที่นั่นด้วยตัวเองล่ะ?” กวนจิวกล่าว
“ข้าเคยสาบานเอาไว้ว่าจะไม่กลับไปที่ภูเขาลึกลับอีก และข้าก็ยังไม่มีความคิดที่จะผิดคำสาบาน” เหวินหรูชิงกล่าว
“ตอนนั้นก็ตอนนั้น ตอนนี้ก็ตอนนี้ ข้าคิดว่าพวกเราควรจะไปดู” ฮัวเจิงหงกล่าว
“หากพวกเจ้าอยากไป ก็ไปเถอะ”
“...”
“พอได้แล้ว” เสียงที่แผ่วเบาดังมาจากห้องโถงใหญ่ในขณะที่พวกเขาทั้งสามกำลังเถียงกัน
พวกเขาทั้งสามเงียบลงและมองไปที่ห้องโถงใหญ่
“ข้ารู้เรื่องของจุ้ยฉานแล้ว ส่งนักบวชไปตรวจสอบ”
“ครับ/ค่ะ”
ทั้งสามงุนงง การตายของจุ้ยฉานไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย แต่ทำไมหมิงซินถึงได้ดูไม่ประหลาดใจหรือกังวลเลย การที่เขาจะส่งแค่นักบวชไปตรวจสอบนั้นดูเหมือนกับว่าจะไม่ค่อยใส่ใจเท่าไหร่
“ข้ารู้ว่าควรจะทำยังไงกับการตายของจุ้ยฉาน ถ่ายทอดคำสั่งของข้าออกไป ภายในหนึ่งเดือนนี้ ต้องตัดสินแม่ทัพทั้งสิบคนให้ได้” หมิงซินกล่าว
“แม่ทัพฉีเชิงกำลังจัดการเรื่องนี้อยู่ แต่ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมต้องรีบร้อนด้วย?” เหวินหรูชิงกล่าว
หากพวกเขาขาดแคลนคน พวกเขาก็สามารถใช้คนใหม่ได้โดยตรง ไม่เห็นจะต้องรีบร้อน
หมิงซินคิดจะทำอะไรกันแน่?