ตอนที่แล้วOS ตอนที่ 58 ศึกสีเงิน PART 2
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปOS ตอนที่ 60 ผู้สืบเชื้อสายของเทพเจ้าคู่แฝด

OS ตอนที่ 59 อาวุธร่วงหล่นมาจากสรวงสวรรค์


หลุมดำที่หมุนเวียนและดูดศัตรูทั้งหมดที่อยู่รอบ ๆ ลำนำวิญญาณสีเงินและเหล่าวิญญาณผู้ต้องสาป ส่งผลให้พวกเขาได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง ระบบแจ้งเตือนมากมายปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาของพวกเขา

[คุณได้ดับชีวิตของวิญญาณผู้ต้องสาปแล้ว ได้รับค่าประสบการณ์]

[คุณได้ดับชีวิตของวิญญาณผู้ต้องสาปแล้ว ได้รับค่าประสบการณ์]

[คุณได้ดับชีวิตของวิญญาณผู้ต้องสาปแล้ว ได้รับค่าประสบการณ์]

[คุณได้ดับชีวิตของวิญญาณผู้ต้องสาปแล้ว ได้รับค่าประสบการณ์]

[คุณได้ดับชีวิตของวิญญาณผู้ต้องสาปแล้ว ได้รับค่าประสบการณ์]

...

[แจ้งเตือนผู้เล่น: อีควิน็อกซ์เลเวลอัป ซิริอุสเลเวลอัป คันลาออนเลเวลอัป เซน่าเลเวลอัป]

ทุกคนต่างเลเวลอัพกันถ้วนหน้า โดยอีควิน็อกซ์ คันลาออน เซน่าเพิ่มขึ้นสองเลเวล ส่วนซิริอุสเพิ่มขึ้นหนึ่งเลเวล

เนื่องจากมีวิญญาณผู้ต้องสาปจำนวนมาก แม้ว่าประสบการณ์ที่ได้รับจะเป็นเพียงหยดน้ำ แต่ถ้าหยดน้ำหลายพันหยด มันก็กลายเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่จนสามารถทำให้เขื่อนแตกได้ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ปาร์ตี้ได้รับค่าประสบการณ์ปริมาณมหาศาล

หลังจากระยะเวลาของกระแสวังวนหมดลง สภาพของลำนำวิญญาณสีเงินดูเละเทะมาก เธอสวมเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ดูไม่ต่างจากขอทานเลย ซึ่งแตกต่างอย่างมากจากรูปลักษณ์ก่อนหน้านี้ของเธอที่ดูเหมือนขุนนางผู้สง่างาม ผมเผ้าของเธอยุ่งเหยิงและมีรอยฟกช้ำทั่วร่างกาย เธอไม่สามารถพูดคุยได้อีกต่อไป เนื่องจากสถานะผิดปกติต่าง ๆ ที่เธอได้รับ

==

ชื่อ: ลำนำวิญญาณสีเงิน

ระดับ: ตำนาน

ระดับ: 35

พลังชีวิต: 439,786 / 500,000 (87.95%)

สถานะ: เลือดออกโดยไม่มีเงื่อนไข, เกลียดชัง

==

สถานะเลือดออกโดยไม่มีเงื่อนไข หมายความว่าสถานะเลือดออกจะไม่หยุดจนกว่าจะใช้ทักษะการรักษาระดับตำนานหรือสูงกว่าเพื่อหยุดมัน ซึ่งมีเพียงหัวหน้าใหญ่ของโบสถ์เท่านั้นที่สามารถใช้ได้

แต่ทว่าเธอสูญเสียพลังชีวิต 0.1% ทุกนาทีเท่านั้น เนื่องจากเธอเป็น NPC ที่มีชื่อระดับตำนาน มันจึงส่งผลให้สถานะผิดปกติส่งผลต่อเธอน้อยลง

ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปาร์ตี้ ทำให้พวกเขาสามารถลดพลังชีวิตของเธอลงได้ถึง 12% ซึ่งมากกว่าจำนวนที่ภารกิจด่วนตั้งไว้

จากนั้น พวกเขามุ่งความสนใจไปที่ลำนำวิญญาณสีเงิน และดูว่าเธอจะเคลื่อนไหวแตกต่างจากเดิมหรือเข้าสู่เฟสต่อไป แต่ทว่าเธอกลับยืนนิ่งจ้องมองศัตรูทั้งหมดของเธอและยิ้มอย่างน่าขนลุก

ก่อนที่ปาร์ตี้จะทันตั้งตัว พวกเขาก็ถูกพลังที่มองไม่เห็นโจมตีเข้าอย่างจัง และส่งผลให้พวกเขาไม่สามารถขยับตัวได้

ไม่กี่วินาทีต่อมา ลำนำวิญญาณสีเงินเริ่มหัวเราะคิกคัก แม้จะไม่สามารถส่งเสียงหัวเราะออกมาได้ แต่มันก็ชวนให้รู้สึกขนลุกอยู่ดี

ร่างกายที่บิดเบี้ยวของเธอก็เริ่มกลับมาตั้งตรงอีกครั้ง ซึ่งมาพร้อมกับการจัดกระดูกทั่วทั้งร่างกาย

กระบวนการนี้ทำให้เกิดเสียงกระดูกลั่นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจทำให้บางคนฟังรู้สึกอึดอัดจนเป็นลมได้ โชคดีที่อีควิน็อกซ์กับเลวินคลาวด์ชื่นชอบหนังสยองขวัญ จึงไม่ได้รู้สึกตกใจหรือวิตกกังวลกับภาพและเสียงตรงหน้ามากนัก

พวกเขาเริ่มดิ้นรนทันที เพราะรู้ดีว่าเมื่อเธอจับตัวพวกเขาได้แล้ว เธอจะเริ่มโจมตี และหากพวกเขายังอยู่เฉย ๆ โดยไม่พยายามหลุดพ้นจากการผูกมัด พวกเขาก็อาจจะตายได้

[คุณถูกผูกมัดด้วยพลังที่ยิ่งใหญ่กว่าสิ่งใดที่วิญญาณมนุษย์ของคุณจะรับมือได้ คุณถูกผูกมัดอย่างไม่มีกำหนด]

ไม่กี่นาทีต่อมา ซึ่งรู้สึกเหมือนกับการต่อสู้ดิ้นรนชั่วนิรันดร์สำหรับอีควิน็อกซ์กับเลวินคลาวด์ ในที่สุด ลำนำวิญญาณสีเงินก็สามารถยืนตรงได้ และมีท่าทางเหมือนตอนที่เผชิญหน้ากับพวกเขาในตอนแรก

หลังจากที่ซ่อมแซมกระดูกในร่างกายเสร็จแล้ว เธอใช้มือขวาเช็ดเลือดที่คอ และปล่อยให้มันหยดลงบนพื้น เมื่อเลือดหยดลง พื้นที่ที่เคยเต็มไปด้วยดอกไม้และพืชพรรณก็เริ่มสูญเสียสีสันสดใส พวกมันค่อย ๆ เหี่ยวเฉาและตายไป

เมื่อพื้นที่ทั้งหมดไร้ชีวิต พลังงานจำนวนมากก็รวมตัวกันอยู่ในมือของเธอ เธอจ้องมองผู้รุกรานด้วยความดุร้าย ราวกับว่าสามารถฆ่าคนได้ด้วยการจ้องมอง

เมื่อพลังงานเวทย์ในพื้นที่นั้นแห้งเหือด เพราะลำนำวิญญาณสีเงิน การแจ้งเตือนมากมายก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าทั้งอีควิน็อกซ์กับเลวินคลาวด์

[พลังเวทย์โดยรอบได้หมดลง]

[เนื่องจากขาดพลังเวทย์ จึงทำให้หายใจลำบาก]

[วิญญาณแห่งธรรมชาติกำลังอ่อนแรงลง]

[การใช้ทักษะจะต้องใช้ทรัพยากรมากขึ้นเป็นสองเท่า เนื่องจากพลังเวทย์หมดลง]

ในขณะนั้น ทั้งสองรู้ว่าพวกเขากำลังจะถูกฆ่าและเตรียมรับมือกับจุดจบที่ใกล้เข้ามา ลำนำวิญญาณสีเงินยิงพลังที่สะสมอยู่ในฝ่ามือของเธอออกไป และมันกลายเป็นลำแสงพิฆาตที่เต็มไปด้วยแรงกดดันอันมหาศาล จนปาร์ตี้แทบจะหายใจไม่ออกจากพลังนั้น

ตูม!!!

 

ขณะที่ปาร์ตี้กำลังจะถูกโจมตี ดาบยักษ์ที่ดำมืดราวกับท้องฟ้ายามราตรีก็พุ่งลงมาจากท้องฟ้า และขวางกั้นลำแสงแห่งพลังทำลายล้างเอาไว้ ดาบเล่มนี้มีความยาวประมาณห้าเมตร และบนคมดาบมีรูนเรืองแสงสีน้ำเงินสลักอยู่

[คุณได้อ่านรูนบนดาบแห่งความตายแล้ว]

[คุณยังไม่เข้าใจความหมายของรูนอย่างถ่องแท้ รูนท่วงทำนองแห่งความตายช่วยเพิ่มความเข้าใจของคุณเกี่ยวกับโลก]

[ระดับความเชี่ยวชาญของทักษะการหยั่งรู้ของอาลักษณ์เพิ่มขึ้นเป็นระดับ 5 จากระดับ 1]

[ระดับความชำชาญของอาลักษณ์ขั้นผู้เริ่มต้นเพิ่มขึ้นเป็นระดับ 4 จากระดับผู้เริ่มต้น 1]

อีควิน็อกซ์ตกใจ เพราะเขาเพียงแค่อ่านรูนบางส่วนบนดาบเท่านั้น แต่ทว่ามันกลับเพิ่มระดับทักษะการหยั่งรู้ของอาลักษณ์เป็นระดับ 5 ในทันที

นอกจากนี้ ความชำชาญของอาลักษณ์ขั้นเริ่มต้น จากเดิมที่มีแค่ระดับ 1 กลายเป็นระดับ 4

อีควิน็อกซ์รู้สึกทึ่งกับรูนเหล่านี้ และอยากศึกษามันให้มากขึ้น เขาจะต้องจดพวกมันลงในสมุดบันทึกของอาลักษณ์ หลังจากความวุ่นวายทั้งหมดนี้จบลง

อีควิน็อกซ์จดจ่อกับการต่อสู้มากจนลืมตรวจสอบภารกิจด่วนเลย และเขาก็ดีใจมากที่เขาเคลียร์ภารกิจด่วนเรียบร้อยแล้ว

==

ภารกิจด่วน (สถานะ: เสร็จสิ้น)

1.) ปิดใช้งานความสามารถทางเสียงของลำนำวิญญาณสีเงิน

2.) โจมตีอย่างน้อย 10% ของพลังชีวิตสูงสุด

รางวัล: การเคลียร์ภารกิจใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับซิลเวอร์มัวร์ และได้รับประสบการณ์ 500% แก่สมาชิกปาร์ตี้ทุกคน (ได้รับหลังจากดันเจี้ยนสิ้นสุดลง)

==

อีควิน็อกซ์กระซิบกับเลวินคลาวด์ว่าพวกเขาทำภารกิจด่วนเสร็จแล้ว และน่าจะกำลังอยู่ในฉากคัทซีน ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงยังไม่ได้รับรางวัล

เมื่อเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดแล้ว พวกเขาก็เห็นพ้องต้องกันว่าควรปล่อยให้มันดำเนินต่อไป และดูว่าพวกเขาถูกกำหนดให้ต้องฆ่าลำนำวิญญาณสีเงินด้วยตัวเองจริง ๆ หรือไม่?

การที่ดาบสีดำเข้ามาหยุดการโจมตีของเธอ หมายความว่าอาจมี NPC ที่มีชื่ออีกคนถูกเรียกตัวมา เนื่องจากพวกเขาเพิ่งเคลียร์ภารกิจด่วนสำเร็จ

แต่ความสงสัยก็ผุดขึ้นในใจของอีควิน็อกซ์ เมื่อเขาเห็นแค่ตัวดาบเท่านั้น แต่มีนักรบไม่มาคว้ามันกลับคืนไป หรือว่าพวกเขาจะต้องใช้ดาบเล่มนี้จัดการกับลำนำวิญญาณสีเงิน

ตอนนี้เวลาผ่านไปสองสามวินาทีแล้ว แต่ลำแสงแห่งพลังของลำนำวิญญาณสีเงินยังคงไม่สั่นคลอน ซึ่งทำให้เธอเริ่มไม่พอใจ เพราะดาบที่ไม่รู้มาจากไหน จู่ ๆ ก็โผล่ขึ้นมาขวางลำแสงของเธอ ทำให้เธอไม่สามารถฆ่าพวกสวะได้

จากนั้น ลำนำวิญญาณสีเงินก็หยุดยิงลำแสง และควบแน่นพลังงานเป็นทรงกลมในมือทั้งสองข้างของเธอแทน

‘เนื่องจากลำแสงไม่สามารถทะลุผ่านดาบนั้นได้ ฉันต้องโจมตีพื้นที่ทั้งหมดจนกว่าพวกสวะเหล่านั้นจะถูกโจมตี’

ลำนำวิญญาณสีเงินคิดกับตัวเองในขณะที่เธอดูดพลังเวทย์ออกจากซิลเวอร์มัวร์อีกครั้ง คราวนี้มันครอบคลุมทั้งหดม แม้แต่เทรนท์ต้องสาปที่ฟื้นคืนชีพก็ยังถูกดูดพลังเวทย์ออกมาจนหมด

‘มาดูกันว่าพวกแกจะรับมือกับการโจมตีครั้งนี้ยังไง!?’

ลำนำวิญญาณสีเงินพูดในใจขณะที่เธอปลดปล่อยลูกบอลที่เธอเติมพลังเวทย์เข้าไป

ลูกบอลที่ถูกส่งออกไประเบิด และกระจายออกเป็นวงกว้าง ครั้งนี้เธอมั่นใจว่าพวกเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน เพราะดาบที่คอยปกป้องพวกเขายังคงปักอยู่ที่เดิมบนพื้น ไม่มีการขยับไปไหน

อีควิน็อกซ์มองไปที่พวกสัตว์อัญเชิญที่กำลังดิ้นรน และพวกมันก็มองไปที่เขาเช่นกัน ดวงตาของพวกเขาสื่อสารกันราวกับว่าอีควิน็อกซ์กำลังบอกพวกมันว่า

“หยุดเถอะ ไม่ต้องดิ้นรนให้เปล่าประโยชน์หรอก”

เขาหลับตาลงเพื่อที่เขาจะได้เตรียมตัวสำหรับสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

ลูกบอลที่ทำจากพลังเวทย์มนตร์ที่เข้มข้นกำลังจะโจมตีกลุ่มจากทิศทางต่าง ๆ

แต่ในขณะนั้นเอง ก็มีวัตถุอีกชิ้นตกลงมาจากท้องฟ้า มันเป็นโล่ที่เปล่งแสงสีหยกออกมา ซึ่งสร้างบาเรียสีเขียวให้กับปาร์ตี้ของอีควิน็อกซ์ ไม่ว่าจะใช้แรงระเบิดหรือลูกบอลจะมีจำนวนเท่าใด บาเรียก็ไม่มีทีท่าว่าจะแตกออก

อีควิน็อกซ์ลืมตาขึ้น เพราะไม่มีการแจ้งเตือนว่าเขาเสียชีวิต เขาจึงรู้สึกประหลาดใจ เขาหันไปมองรอบ ๆ เพื่อดูว่าใครเป็นคนช่วยพวกเขาไว้ แต่ก็ไม่เจอใครเลย

‘ใครกันนะที่มาช่วยพวกเรา?’ นี่เป็นความคิดเดียวที่อยู่ในใจของอีควิน็อกซ์

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด