ตอนที่แล้ว33 - กลับไปทำอาชีพเดิม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป35 - ลอบสังหาร

34 - ศาสตร์แห่งการเก็บเกี่ยว


34 - ศาสตร์แห่งการเก็บเกี่ยว

รุ่งเช้า

เสี่ยวหลินตื่นขึ้นเป็นคนแรก เขาเหลือบมองหยางฟ่านที่ยังนอนอยู่ ก่อนจะลุกออกจากห้อง

ไม่นาน เสียงฝึกหมัดก็ดังขึ้นจากด้านนอก

ผ่านไปครู่หนึ่ง หยางฟ่านจึงลืมตาขึ้น ลุกจากเตียง แต่งตัวเรียบร้อย แล้วเดินออกจากตำหนักฉางชิง

แม้จะอยู่ในวังมาระยะหนึ่งแล้ว แต่หยางฟ่านยังไม่เคยสำรวจเมืองหลวงอย่างจริงจัง

เขามุ่งหน้าไปยังโรงอาหารของวัง ได้อาหารเช้าฟรีอย่างสบายใจ ท่ามกลางสายตาอิจฉาของขันทีระดับล่างที่ไม่มีอิสระและต้องทำงานหนักทุกวัน

สำหรับหยางฟ่าน การเป็นขันทีติดตามสนิทสนมกับเฉินเฟย ทำให้เขาหลีกเลี่ยงงานหนักได้มากมาย

หลังจากกินอิ่ม เขาก็ออกสำรวจต่อ

พระราชวังแห่งนี้ใหญ่กว่าพระราชวังต้องห้ามในชีวิตก่อนของเขาถึงสิบเท่า เต็มไปด้วยพระตำหนัก หอคอย ศาลา และสวนที่งดงามอย่างไม่มีที่ติ

หยางฟ่านอดทึ่งไม่ได้กับความยิ่งใหญ่ของราชวงศ์ต้าหมิง

ถ้าจะหาอาณาจักรที่รุ่งเรืองถึงพันปีในชีวิตก่อน คงมีเพียงตำนานของราชวงศ์เซี่ยและชางเท่านั้น

ระหว่างเดินสำรวจ หยางฟ่านบังเอิญมาหยุดอยู่ใกล้ตำหนักคุนหนิง

เขาไม่เข้าไปใกล้เกินไป แต่กลับเลือกหลบมุมรออยู่

และแล้วไม่นาน เขาก็เห็นเสี่ยวหลินปรากฏตัวออกมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด คิ้วขมวดแน่น มองทุกคนรอบตัวราวกับพวกเขาติดหนี้ตำรา ยา และเงินจากเขา

เสี่ยวหลินเพิ่งได้รับรางวัล แต่กลับถูกปล้นไปจนหมดสิ้น ทำให้เขาไม่กล้าเปิดเผยเรื่องนี้กับใคร ต้องเก็บความขมขื่นไว้ในใจ และเริ่มสืบสวนลับๆ ว่าใครเป็นคนลงมือ

"เป็นเขา!"

สายตาของเสี่ยวหลินบังเอิญเหลือบไปเห็นหยางฟ่าน เขาสะดุ้งก่อนจะรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว

ทำไมหยางฟ่านถึงมาที่นี่!

ตำหนักคุนหนิงมีความขัดแย้งกับตำหนักฉางชิงอย่างชัดเจน การมาเยือนในเวลานี้อาจทำให้เขาเดือดร้อนได้

เสี่ยวหลินรู้ดีว่าหลังจากทรยศตำหนักคุนหนิงและองค์ชายสิบสาม เขาก็กลายเป็นสายลับของหลี่กงกงไปโดยปริยาย

แม้จะคิดว่าตัวเองเป็นหมากสำคัญที่ไม่น่าจะถูกทิ้งง่ายๆ แต่เขาไม่เคยคิดว่าหยางฟ่านจะมาหาเขาอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้

ความรู้สึกโกรธและกลัวปะปนกันในใจ

เสี่ยวหลินรีบมองซ้ายขวาเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครเห็น ก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำ "เจ้าต้องการฆ่าข้าหรืออย่างไร เสี่ยวฟ่าน!"

หยางฟ่านกลับไม่แสดงท่าทางใดๆ เขาโยนตำรากรงเล็บอินทรีกลับไปให้เสี่ยวหลิน

"นี่ของเจ้า คืนให้แล้ว"

เสี่ยวหลินรับตำรามาอย่างงุนงง ก่อนจะแสดงความยินดีที่ได้ของคืน แต่ทันใดนั้น ความโกรธก็ผุดขึ้นมา เพราะเขานึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่ถูกปล้นซ้ำอีกครั้ง!

ใบหน้าของเสี่ยวหลินฉายแววสงสัยขณะที่มองหยางฟ่าน

หรือว่าเรื่องเมื่อคืนนี้ จะเป็นฝีมือของเจ้านี่?

แต่หยางฟ่านกลับคุมสติได้ดี สีหน้าเรียบเฉย กล่าวอย่างมั่นใจว่า "ช่วงนี้ในวังไม่สงบ หลี่กงกงสั่งให้พวกเราอย่าออกไปไหน วันนี้ข้าพอมีโอกาส จึงรีบเอาตำรามาคืนให้ เราเป็นพวกเดียวกันแล้ว เรื่องที่ผ่านมา ลืมๆ ไปเถอะ เป็นอย่างไร?"

เพียงไม่กี่คำ แต่หยางฟ่านกลับแฝงข้อมูลสำคัญไว้หลายอย่าง

ประการแรก เขาชี้ให้เห็นว่าเพิ่งกลับมาจากการไปเยี่ยมบ้านพร้อมกับเฉินเฟย และนี่เป็นครั้งแรกที่เขาออกจากตำหนัก

ประการที่สอง หยางฟ่านบอกเป็นนัยว่าเสี่ยวหลินเคยเปิดเผยข้อมูลให้ตำหนักฉางชิง ทั้งสองจึงเหมือนมดบนเชือกเส้นเดียวกัน ตายไปก็ไม่เกิดประโยชน์ ควรจะเลิกอาฆาตกันดีกว่า

เสี่ยวหลินที่ไม่รู้ว่าคำพูดของหยางฟ่านถูกจัดวางมาอย่างตั้งใจ หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ตัดสินใจระงับความสงสัย แต่สีหน้ายังไม่เป็นมิตรนัก

"ครั้งหน้าถ้าไม่มีเรื่องสำคัญ อย่ามายุ่งกับข้า!"

กล่าวจบ เสี่ยวหลินทำท่าจะเดินหนีไป

"เดี๋ยว!"

หยางฟ่านเรียกหยุดไว้ ก่อนจะโยนของบางอย่างให้

เสี่ยวหลินยกมือรับโดยสัญชาตญาณ เมื่อเปิดดูก็พบว่าเป็นยาบำรุงปราณสองเม็ด!

"นี่ก็คืนเจ้าไป"

"ตอนนี้ เราถือว่าไม่ติดค้างกันแล้ว"

เสี่ยวหลินมองยาบำรุงปราณในมือ แล้วเงยหน้ามองหยางฟ่านด้วยความประหลาดใจ

ถ้าหยางฟ่านเป็นคนลงมือจริงๆ ก็คงไม่คืนของพวกนี้ให้แน่ ทำให้เขาละความสงสัยไปอย่างสิ้นเชิง

"เสี่ยวฟ่าน…"

ในใจของเสี่ยวหลินยังแอบรู้สึกขอบคุณเล็กน้อย เพราะเขาสูญเสียของไปมากเกินไปในคืนก่อน ยาเหล่านี้ช่วยแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีทีเดียว

"เรื่องเก่าๆ ก็ให้มันผ่านไปเถอะ!"

ก่อนจากไป เสี่ยวหลินมองหยางฟ่านอย่างลึกซึ้ง

หยางฟ่านยิ้มพอใจ มองเสี่ยวหลินเดินจากไปก่อนจะหันกลับไปเช่นกัน

แม้จะคืนตำรากรงเล็บอินทรีไปแล้ว แต่เขาได้จดจำเนื้อหาไว้หมด และสามารถเขียนขึ้นใหม่ได้ตลอดเวลา จึงไม่ถือว่าเสียเปรียบ

ส่วนการคืนยาบำรุงปราณสองเม็ด ก็มีเหตุผลชัดเจน

การเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากใครบางคน ต้องทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้เหยื่อยังมีเหลือพอที่จะถูกเก็บเกี่ยวต่อไปในอนาคต

นี่แหละคือศาสตร์แห่งการเก็บเกี่ยว

หลังจากจัดการเรื่องนี้เสร็จ หยางฟ่านรู้สึกสบายใจ เดินเล่นกลับตำหนักฉางชิง

แต่เมื่อกลับมาถึง กลับพบว่าบรรยากาศในตำหนักตึงเครียดผิดปกติ

"เกิดอะไรขึ้น?"

หยางฟ่านเดินไปหาพวกเสี่ยวเหลียนและเสี่ยวจู้ พร้อมเอ่ยถามด้วยเสียงเบา

เสี่ยวเหลียนถอนหายใจ ก่อนจะกล่าวว่า "หลี่กงกงไม่รู้ไปขุดเอาขันทีเฒ่าจากที่ไหนมาตั้งให้เป็นรองผู้ดูแลและผู้จัดการตำหนัก ตอนนี้ดูเหมือนว่าเราจะลำบากกันแล้ว!"

เพราะการตั้งคนใหม่ขึ้นมาทำให้พวกเขาเหมือนถูกลดระดับลงโดยปริยาย

นอกจากนี้ ยังไม่รู้ว่าขันทีใหม่เหล่านั้นเป็นคนอย่างไร ถ้าจัดการยาก ชีวิตในตำหนักต่อไปคงไม่ง่ายแน่

นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ทุกคนตึงเครียด

ไม่นานหลังจากนั้น ขันทีเฒ่าสามคนก็เดินออกมาพร้อมกับหลี่กงกง ทั้งสามดูมีอายุเกินห้าสิบปี ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น โครงร่างสูงใหญ่แต่ร่างกายผอมแห้ง

สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความเย็นชาและคมกริบ อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของขันทีเฒ่า ทำให้ไม่มีใครกล้าดูแคลน

หลิน รองผู้ดูแล เป็นมือขวาของหลี่กงกง รับผิดชอบช่วยงานหลักในตำหนัก

ซ่ง ผู้จัดการฝ่ายการเงินและคลังสมบัติ รับหน้าที่ดูแลทรัพย์สินและงบประมาณ

ลั่ว ผู้จัดการฝ่ายบุคลากร ควบคุมการจัดการคนในตำหนัก

ด้วยการแต่งตั้งครั้งนี้ โครงสร้างการบริหารจัดการภายในตำหนักฉางชิงจึงถูกจัดวางอย่างสมบูรณ์

หลี่กงกงแนะนำทั้งสามคนอย่างง่ายๆ บรรดาขันทีและนางกำนัลต่างคุกเข่าคำนับ

……….

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด