ตอนที่แล้วบทที่ 6: สุนัขเขี้ยวเพลิง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 8: เขี้ยวเพลิง

บทที่ 7: จิ้งจอกหางทะเลทราย


“มีอะไรกับฉันรึเปล่า?” เฉียวซางหยุดมองและถาม

“ถ้าไม่ใช่เพราะหล่อนเอาแต่โอ้เอ้ ฉันคงไม่ต้องเสียเวลาเปล่าแบบนี้” หญิงสาวบ่น

เฉียวซางขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดว่า "แล้วทำไมตอนที่พวกเขาเรียกคิว ทำไมไม่เดินออกไปล่ะ?"

หญิงสาวมีทีท่ากระวนกระวายทันที

“แล้วทำไมหล่อนถึงได้รีบลุกไปใช้บริการเร็วนักล่ะ รออีกแค่แปปเดียวฉันก็จะเดินไปถึงอยู่แล้ว”

เฉียวซางพูดไม่ออก

สมองยัยนี่มันทำงานยังไงกันเนี่ย?

เฉียวซางเดินหนีออกไปอีกทาง ถึงตอนนี้เธอแต่อายุ 15 ปี แต่รวมอายุจิตใจเธอนับว่าเป็นผู้ใหญ่มากแล้ว

คู่กรณียังเป็นเด็กน้อยอยู่เลย เห็นได้ชัดจากชุดนักเรียนมัธยมปลาย

จะมีประโยชน์อะไรที่จะได้รับจากการทะเลาะกับพวกเด็กไร้การอบรม?

แต่ก่อนที่เธอจะทันได้หนีไปไหน อีกฝ่ายก็เดินมาขวางหน้าเธออีกครั้ง

"จะรีบไปไหนกันยะ?"

เฉียวซางกลอกตามองเธอและถามอย่างใจเย็นว่า "ที่พยายามทำอยู่นี่คือการท้าสู้เหรอ?"

ถ้าอยากจะท้าสู้กันขนาดนี้ จะมามัวพูดให้เปลืองน้ำลายเพื่อ?

การเถียงกับพวกไร้การอบรมก็เหมือนกรอกข้อมูลซ้ายทะเลาะขวา กับพวกแบบนี้ต้องตบให้มันจบๆไป!

"อะไร?" ครานี้ถึงทีที่หญิงสาวคู่กรณีต้องนิ่งค้าง

“ถ้าอยากสู้ก็ไปข้างนอก ถ้าไม่ก็หลีกทางซะ” เฉียวซางที่มีดวงตาเรียวสง่าเชิด โดยทั่วไปยามเธอยิ้มมันจะขับให้ใบหน้าเธอดูงดงามหยาดเยิ้ม

แต่เมื่อเธอจ้องมองใครโดยใบหน้าเรียบเฉย มันจะให้ความรู้สึกน่าหวั่นเกรง

หญิงสาวลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เหลือบมองชุดนักเรียนของเฉียวซางและมองไปยังพิราบอ้วนที่อยู่ข้างๆ “มาสิ! สู้ก็สู้!”

พวกเธอทั้งสองไปยังด้านหลังศูนย์ซึ่งมีลานเล็กๆตั้งอยู่

พื้นที่ไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไป มีคนไม่กี่มากกระจัดกระจายอยู่รอบๆ เพื่อฝึกสัตว์อสูรของพวกเขา

เฉียวซางมองไปรอบๆ ประหลาดใจกับสถานที่นั้นแล้วถามว่า "นี่มันไม่เป็นสาธารณะไปหน่อยเหรอ? ไปหาที่เงียบๆกว่านี้ดีกว่าไหม?"

หญิงสาวยิ้มเชิด

“อะไร? กลัวรึไง?”

เฉียวซางเลิกคิ้ว

“แค่พยายามช่วยไม่ให้เธอหน้าแตกเท่านั้นแหละ แต่ถ้ายืนกรานเอาตรงนี้ก็ได้”

"งั้นมาเริ่มกันเถอะ!" หญิงสาวก้าวไปด้านข้างเพื่อเตรียมพร้อม

เมื่อเห็นหญิงสาวเริ่มเตรียมตัว เฉียวซางก็วางสุนัขเขี้ยวเพลิงลงมาเบื้องหน้า

เมื่อเห็นสิ่งนี้ หญิงสาวก็ยกมือขึ้นเตรียมทำสัญญาลักษณ์มือ ทันใดนั้นขาข้างหนึ่งก็ตวัดกวาดมาทางใบหน้าของเธออย่างรวดเร็ว

สัญชาตญาณของหญิงสาวร้องเตือน เธอก้มหัวลงและหมอบลงไปกับพื้นในชั่วพริบตา

ลมกระโชกแรงพัดบริเวณที่ศีรษะของเธอเคคยอยู่

"นี่หล่อนทำอะไรกันยะ?!" ซูหลิงหลานลอบหลั่งเหงื่อเย็นเต็มแผ่นหลัง

เธอรีบลุกขึ้นและถอยหลังไปหลายก้าว สายตามองเด็กสาวเหมือนตัวประหลาด

เฉียวซางเพิ่งเตะไปที่หน้าของเธอ แถมยังแรงมาก ถ้าหลบไม่ทันมีหวังได้นอนหยอดข้าวต้มแน่

ยัยเด็กนี่ยังเป็นมนุษย์อยู่รึเปล่า!

เฉียวซางแสดงสีหน้าไร้เดียงสา “เธอเป็นคนเรียกร้องอยากจะสู้เองไม่ใช่รึไง?”

ใคร? ใครไปบอกหล่อนกันยะว่าพวกเราจะสู้กันเอง!

ซูหลิงหลานเถียงไม่ออก เธอคิดว่าเฉียวซางตั้งใจ แต่เธอไม่มีหลักฐาน

“ผู้ฝึกสัตว์อสูรก็ต้องใช้อสูรสู้กันสิ ใครจะบ้ามาสู้กันเอง!” ซูหลิงหลานตะโกนใส่เฉียวซาง

เฉียวซางหยุดชั่วคราวแล้วพูดว่า "ฉันยังไม่ใช่ผู้ฝึกสัตว์อสูรอย่างเป็นทางการ"

ซูหลิงหลาน: “......”

จะว่าไปก็ใช่ แถมเธอก็พึ่งได้ยินเรื่องนี้ เมื่อกี้เอง

“นั่นมันก็แค่การรับรองจากทางการ ถึงยังไงหล่อนก็ปลุกพลังขึ้นมาแล้ว นั่นก็ถือว่าหล่อนเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรแล้ว”

โดยไม่ต่อล้อต่อเถียง ซูหลิงหลานทำสัญลักษณ์มืออัญเชิญกลุ่มดาวออกมา ปรากฏเป็นแสงสีขาวนวลส่องสว่าง ไม่นักร่างสีขาวก็ปรากฎให้เห็น

เมื่อเห็นสัตว์อสูรของเธอ ความมั่นใจของซูหลิงหลานก็เริ่มกลับมา

“นี่แหละคือวิธีต่อสู้ของผู้ฝึกสัตว์อสูร หล่อนกล้าสู้รึเปล่าล่ะ?”

เด็กสาวชั่วร้ายตรงหน้าเธอเห็นได้ชัดว่าเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรมือใหม่

ไม่มีทางที่พิราบอ้วนซึ่งเป็นสัตว์อสูรระดับกลางจะเป็นของเธอได้ มันต้องเป็นสุนัขเขี้ยวเพลิงที่ยังไม่โตเต็มที่ที่เธอเพิ่งจะทำสัญญาด้วย

จิ้งจอกหางทะเลทรายขาวของเธอเพิ่งพัฒนาเป็นจิ้งจอกหางทะเลทรายเมื่อวานนี้

ผู้หญิงคนนี้จะเอาอะไรมาชนะเธอกัน?

จิ้งจอกหางทะเลทรายเป็นรูปแบบวิวัฒนาการของจิ้งจอกหางทะเลทรายขาว เป็นสัตว์ที่มีบุคลิกอ่อนโยน

แตกต่างจากจิ้งจอกหางทะเลทรายขาวซึ่งเป็นที่นิยมเพียงเพราะหางที่สวยงามของมัน หางของจิ้งจอกหางทะเลทรายมีความยาวมากกว่าสองเมตรหรือห้าเท่าของความยาวลำตัว และเป็นแหล่งพลังหลักของร่างกาย

ขณะที่เฉียวซางจ้องไปที่สิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติที่มีดวงตาสีเหลืองอำพันสีขาวตรงหน้าเธอ ข้อมูลเกี่ยวกับมันก็แวบขึ้นมาในใจของเธอโดยอัตโนมัติ เพราะเธอพึ่งศึกษาเรื่องราวของมันมาเมื่อวานนี้

จิ้งจอกหางทะเลทรายเป็นสัตว์อสูรระดับกลาง ในขณะที่สุนัขเขี้ยวเพลิงมีอายุน้อยกว่าหนึ่งเดือนและยังไม่ได้รับการฝึกฝนใดๆ

เธอไม่สามารถเอาชนะได้

ต่อให้ยังไม่สู้ แต่ผลลัพธ์ก็เป็นประจักษ์

เมื่อพิจารณาถึงความแข็งแกร่งที่แตกต่างกัน เธอจะไม่มีทางส่งสุนัขเขี้ยวเพลิงเข้าไปสู้กับอีกฝ่ายตัวเดียวแน่ๆ

“พิราบอ้วน รบกวนด้วยนะ” เฉียวซางหันไปหาพิราบอ้วนที่ยืนเงียบๆ อยู่ข้างๆ

"คุกคู~ " พิราบอ้วนส่ายปีกและเดินไปยืนเผชิญหน้ากับจิ้งจอกหางทะเลทรายโดยไม่ทักท้วง

ซูหลิงหลานเยาะเย้ย “นั่นมันไม่ใช่สัตว์อสูรของหล่อนใช่ไหม?”

เฉียวซางพยักหน้าโดยไม่ปฏิเสธอีกฝ่าย

"ฮ่า ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูรของหล่อนหรือไม่ ยังไงคนชนะก็คือฉัน" ซูหลิงหลานไม่ได้ห้ามเด็กสาว

ไม่มีทางที่สัตว์อสูรของคนอื่นจะเชื่อฟังคำสั่งของเธอเป็นอย่างดี

แม้ว่าพวกมันจะเป็นสัตว์อสูรระดับกลางทั้งคู่ แต่ซูหลิงหลานก็ไม่คิดว่าเธอจะแพ้

“จิ้งจอกหางทะเลทราย ทรายดูด!” ซูหลิงหลาน ตัดสินใจโจมตีก่อนและออกคำสั่ง

"เมอร์โรว์~ "

สุนัขจิ้งจอกหางทะเลทรายส่งเสียงร้อง หางยาวสองเมตรกะพริบและค่อยๆ เรืองแสงเป็นสีเดียวกับผืนทราย

“พิราบอ้วนบินขึ้นฟ้า” เฉียวซางยังคงมีท่าทีสงบนิ่ง

พิราบอ้วนสยายปีกและกำลังจะบินขึ้น จู่ๆ จู่ๆ เจ้าก้อนขนสีแดงที่ยืนอยู่ข้างสนาม ก็พุ่งเข้าชนเจ้าจิ้งจอกหางทะเลทรายอย่างแรงจนทักษะของมันถูกขัด

พิราบอ้วนเกิดอาการมึนงงขึ้น

ไม่ใช่ว่ามันควรจะเป็นฝ่ายสู้เหรอ?

เจ้าก้อนขนที่ว่านั่นก็คือสุนัขเขี้ยวเพลิง เฉียวซางมองมันด้วยความประหลาดใจ

"ย่าห์!"

"ย่าห์ ย่าห์!"

สุนัขเขี้ยวเพลิงเห่าใส่เฉียวซางด้วยความหงุดหงิด

เฉียวซางสามารถสัมผัสได้ถึงความโกรธและความหงุดหงิดของเจ้าลูกหมาได้อย่างชัดเจน

สุนัขเขี้ยวเพลิงไม่พอใจอย่างยิ่ง!

เธอทำสัญญากับฉันไม่ใช่รึไง? ทำไมต้องให้คนอื่นมาสู้แทน?

เฉียวซางรู้สึกถึงอารมณ์ของเจ้าหมาได้ชัดเจน และลำคอของเธอก็กระชับขึ้นเล็กน้อยขณะที่เธอกำลังจะพูด

“สกปรกนัก! หล่อนจงใจลอบโจมตีสินะ แถมยังตั้งใจจะสู้สองต่อหนึ่งตั้งแต่แรกด้วย!” ซูหลิงหลานตะโกนด้วยความโกรธ

แม้ว่าจิ้งจอกหางทะเลทรายขาวของเธอจะวิวัฒนาการเป็นจิ้งจอกหางทะเลทรายแล้ว แต่โดเมนสมองของเธอพัฒนาขึ้นมาเป็น 7% เท่านั้น ซึ่งยังคงห่างไกลจากการเงื่อนไขที่จะทำสัญญากับสัตว์อสูรตัวที่สอง

จิ้งจอกหางทะเลทรายเป็นสัตว์อสูรระดับกลาง แต่พิราบอ้วนก็เช่นกัน และด้วยความที่มันเป็นประเภทบิน จึงมีข้อได้เปรียบเหนือจิ้งจอกหางทะเลทรายโดยปริยาย

แถมยังมีสุนัขเขี้ยวเพลิงอีกตัว แม้ว่ามันจะเป็นเพียงสัตว์อสูรระดับเริ่มต้น แต่มันก็จัดอยู่ในประเภทไฟซึ่งมีพลังโจมตีอันร้ายกาจ

หากเป็นสองต่อหนึ่ง เธอจะต้องเสียเปรียบอย่างแน่นอน!

ซูหลิงหลานกัดฟันและจ้องมองไปที่เด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าเธอ

ผู้หญิงคนนี้ไม่เพียงแต่จะโหดเหี้ยมเท่านั้น แต่เธอยังชอบเล่นสกปรกอีกด้วย!

เฉียวซางยืนนิ่งอยู่สองสามวินาที ทันใดนั้นก็รู้สึกราวกับว่าหลอดไฟในหัวพลันส่องสว่าง

สองต่อหนึ่ง?

ทำไมก่อนหน้านี้เธอคิดไม่ได้กัน?

นี่คือการต่อสู้ ไม่ใช่การแข่งขัน ไม่ต้องเลือกวิธีการเพราะชัยชนะสำคัญที่สุด

แถมสุนัขเขี้ยวเพลิงเองก็ต้องการต่อสู้ และนี่จะเป็นโอกาสที่ดีในการวัดความสามารถของมันและทดสอบทฤษฎีบางอย่างของเธอ

เฉียวซางมองไปที่สุนัขตัวน้อยที่บูดบึ้งตรงหน้าเธอแล้วยิ้มหวาน "สุนัขเขี้ยวเพลิงมานี่สิ"

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด