บทที่ 7: จิ้งจอกหางทะเลทราย
“มีอะไรกับฉันรึเปล่า?” เฉียวซางหยุดมองและถาม
“ถ้าไม่ใช่เพราะหล่อนเอาแต่โอ้เอ้ ฉันคงไม่ต้องเสียเวลาเปล่าแบบนี้” หญิงสาวบ่น
เฉียวซางขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดว่า "แล้วทำไมตอนที่พวกเขาเรียกคิว ทำไมไม่เดินออกไปล่ะ?"
หญิงสาวมีทีท่ากระวนกระวายทันที
“แล้วทำไมหล่อนถึงได้รีบลุกไปใช้บริการเร็วนักล่ะ รออีกแค่แปปเดียวฉันก็จะเดินไปถึงอยู่แล้ว”
เฉียวซางพูดไม่ออก
สมองยัยนี่มันทำงานยังไงกันเนี่ย?
เฉียวซางเดินหนีออกไปอีกทาง ถึงตอนนี้เธอแต่อายุ 15 ปี แต่รวมอายุจิตใจเธอนับว่าเป็นผู้ใหญ่มากแล้ว
คู่กรณียังเป็นเด็กน้อยอยู่เลย เห็นได้ชัดจากชุดนักเรียนมัธยมปลาย
จะมีประโยชน์อะไรที่จะได้รับจากการทะเลาะกับพวกเด็กไร้การอบรม?
แต่ก่อนที่เธอจะทันได้หนีไปไหน อีกฝ่ายก็เดินมาขวางหน้าเธออีกครั้ง
"จะรีบไปไหนกันยะ?"
เฉียวซางกลอกตามองเธอและถามอย่างใจเย็นว่า "ที่พยายามทำอยู่นี่คือการท้าสู้เหรอ?"
ถ้าอยากจะท้าสู้กันขนาดนี้ จะมามัวพูดให้เปลืองน้ำลายเพื่อ?
การเถียงกับพวกไร้การอบรมก็เหมือนกรอกข้อมูลซ้ายทะเลาะขวา กับพวกแบบนี้ต้องตบให้มันจบๆไป!
"อะไร?" ครานี้ถึงทีที่หญิงสาวคู่กรณีต้องนิ่งค้าง
“ถ้าอยากสู้ก็ไปข้างนอก ถ้าไม่ก็หลีกทางซะ” เฉียวซางที่มีดวงตาเรียวสง่าเชิด โดยทั่วไปยามเธอยิ้มมันจะขับให้ใบหน้าเธอดูงดงามหยาดเยิ้ม
แต่เมื่อเธอจ้องมองใครโดยใบหน้าเรียบเฉย มันจะให้ความรู้สึกน่าหวั่นเกรง
หญิงสาวลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เหลือบมองชุดนักเรียนของเฉียวซางและมองไปยังพิราบอ้วนที่อยู่ข้างๆ “มาสิ! สู้ก็สู้!”
พวกเธอทั้งสองไปยังด้านหลังศูนย์ซึ่งมีลานเล็กๆตั้งอยู่
พื้นที่ไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไป มีคนไม่กี่มากกระจัดกระจายอยู่รอบๆ เพื่อฝึกสัตว์อสูรของพวกเขา
เฉียวซางมองไปรอบๆ ประหลาดใจกับสถานที่นั้นแล้วถามว่า "นี่มันไม่เป็นสาธารณะไปหน่อยเหรอ? ไปหาที่เงียบๆกว่านี้ดีกว่าไหม?"
หญิงสาวยิ้มเชิด
“อะไร? กลัวรึไง?”
เฉียวซางเลิกคิ้ว
“แค่พยายามช่วยไม่ให้เธอหน้าแตกเท่านั้นแหละ แต่ถ้ายืนกรานเอาตรงนี้ก็ได้”
"งั้นมาเริ่มกันเถอะ!" หญิงสาวก้าวไปด้านข้างเพื่อเตรียมพร้อม
เมื่อเห็นหญิงสาวเริ่มเตรียมตัว เฉียวซางก็วางสุนัขเขี้ยวเพลิงลงมาเบื้องหน้า
เมื่อเห็นสิ่งนี้ หญิงสาวก็ยกมือขึ้นเตรียมทำสัญญาลักษณ์มือ ทันใดนั้นขาข้างหนึ่งก็ตวัดกวาดมาทางใบหน้าของเธออย่างรวดเร็ว
สัญชาตญาณของหญิงสาวร้องเตือน เธอก้มหัวลงและหมอบลงไปกับพื้นในชั่วพริบตา
ลมกระโชกแรงพัดบริเวณที่ศีรษะของเธอเคคยอยู่
"นี่หล่อนทำอะไรกันยะ?!" ซูหลิงหลานลอบหลั่งเหงื่อเย็นเต็มแผ่นหลัง
เธอรีบลุกขึ้นและถอยหลังไปหลายก้าว สายตามองเด็กสาวเหมือนตัวประหลาด
เฉียวซางเพิ่งเตะไปที่หน้าของเธอ แถมยังแรงมาก ถ้าหลบไม่ทันมีหวังได้นอนหยอดข้าวต้มแน่
ยัยเด็กนี่ยังเป็นมนุษย์อยู่รึเปล่า!
เฉียวซางแสดงสีหน้าไร้เดียงสา “เธอเป็นคนเรียกร้องอยากจะสู้เองไม่ใช่รึไง?”
ใคร? ใครไปบอกหล่อนกันยะว่าพวกเราจะสู้กันเอง!
ซูหลิงหลานเถียงไม่ออก เธอคิดว่าเฉียวซางตั้งใจ แต่เธอไม่มีหลักฐาน
“ผู้ฝึกสัตว์อสูรก็ต้องใช้อสูรสู้กันสิ ใครจะบ้ามาสู้กันเอง!” ซูหลิงหลานตะโกนใส่เฉียวซาง
เฉียวซางหยุดชั่วคราวแล้วพูดว่า "ฉันยังไม่ใช่ผู้ฝึกสัตว์อสูรอย่างเป็นทางการ"
ซูหลิงหลาน: “......”
จะว่าไปก็ใช่ แถมเธอก็พึ่งได้ยินเรื่องนี้ เมื่อกี้เอง
“นั่นมันก็แค่การรับรองจากทางการ ถึงยังไงหล่อนก็ปลุกพลังขึ้นมาแล้ว นั่นก็ถือว่าหล่อนเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรแล้ว”
โดยไม่ต่อล้อต่อเถียง ซูหลิงหลานทำสัญลักษณ์มืออัญเชิญกลุ่มดาวออกมา ปรากฏเป็นแสงสีขาวนวลส่องสว่าง ไม่นักร่างสีขาวก็ปรากฎให้เห็น
เมื่อเห็นสัตว์อสูรของเธอ ความมั่นใจของซูหลิงหลานก็เริ่มกลับมา
“นี่แหละคือวิธีต่อสู้ของผู้ฝึกสัตว์อสูร หล่อนกล้าสู้รึเปล่าล่ะ?”
เด็กสาวชั่วร้ายตรงหน้าเธอเห็นได้ชัดว่าเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรมือใหม่
ไม่มีทางที่พิราบอ้วนซึ่งเป็นสัตว์อสูรระดับกลางจะเป็นของเธอได้ มันต้องเป็นสุนัขเขี้ยวเพลิงที่ยังไม่โตเต็มที่ที่เธอเพิ่งจะทำสัญญาด้วย
จิ้งจอกหางทะเลทรายขาวของเธอเพิ่งพัฒนาเป็นจิ้งจอกหางทะเลทรายเมื่อวานนี้
ผู้หญิงคนนี้จะเอาอะไรมาชนะเธอกัน?
จิ้งจอกหางทะเลทรายเป็นรูปแบบวิวัฒนาการของจิ้งจอกหางทะเลทรายขาว เป็นสัตว์ที่มีบุคลิกอ่อนโยน
แตกต่างจากจิ้งจอกหางทะเลทรายขาวซึ่งเป็นที่นิยมเพียงเพราะหางที่สวยงามของมัน หางของจิ้งจอกหางทะเลทรายมีความยาวมากกว่าสองเมตรหรือห้าเท่าของความยาวลำตัว และเป็นแหล่งพลังหลักของร่างกาย
ขณะที่เฉียวซางจ้องไปที่สิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติที่มีดวงตาสีเหลืองอำพันสีขาวตรงหน้าเธอ ข้อมูลเกี่ยวกับมันก็แวบขึ้นมาในใจของเธอโดยอัตโนมัติ เพราะเธอพึ่งศึกษาเรื่องราวของมันมาเมื่อวานนี้
จิ้งจอกหางทะเลทรายเป็นสัตว์อสูรระดับกลาง ในขณะที่สุนัขเขี้ยวเพลิงมีอายุน้อยกว่าหนึ่งเดือนและยังไม่ได้รับการฝึกฝนใดๆ
เธอไม่สามารถเอาชนะได้
ต่อให้ยังไม่สู้ แต่ผลลัพธ์ก็เป็นประจักษ์
เมื่อพิจารณาถึงความแข็งแกร่งที่แตกต่างกัน เธอจะไม่มีทางส่งสุนัขเขี้ยวเพลิงเข้าไปสู้กับอีกฝ่ายตัวเดียวแน่ๆ
“พิราบอ้วน รบกวนด้วยนะ” เฉียวซางหันไปหาพิราบอ้วนที่ยืนเงียบๆ อยู่ข้างๆ
"คุกคู~ " พิราบอ้วนส่ายปีกและเดินไปยืนเผชิญหน้ากับจิ้งจอกหางทะเลทรายโดยไม่ทักท้วง
ซูหลิงหลานเยาะเย้ย “นั่นมันไม่ใช่สัตว์อสูรของหล่อนใช่ไหม?”
เฉียวซางพยักหน้าโดยไม่ปฏิเสธอีกฝ่าย
"ฮ่า ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูรของหล่อนหรือไม่ ยังไงคนชนะก็คือฉัน" ซูหลิงหลานไม่ได้ห้ามเด็กสาว
ไม่มีทางที่สัตว์อสูรของคนอื่นจะเชื่อฟังคำสั่งของเธอเป็นอย่างดี
แม้ว่าพวกมันจะเป็นสัตว์อสูรระดับกลางทั้งคู่ แต่ซูหลิงหลานก็ไม่คิดว่าเธอจะแพ้
“จิ้งจอกหางทะเลทราย ทรายดูด!” ซูหลิงหลาน ตัดสินใจโจมตีก่อนและออกคำสั่ง
"เมอร์โรว์~ "
สุนัขจิ้งจอกหางทะเลทรายส่งเสียงร้อง หางยาวสองเมตรกะพริบและค่อยๆ เรืองแสงเป็นสีเดียวกับผืนทราย
“พิราบอ้วนบินขึ้นฟ้า” เฉียวซางยังคงมีท่าทีสงบนิ่ง
พิราบอ้วนสยายปีกและกำลังจะบินขึ้น จู่ๆ จู่ๆ เจ้าก้อนขนสีแดงที่ยืนอยู่ข้างสนาม ก็พุ่งเข้าชนเจ้าจิ้งจอกหางทะเลทรายอย่างแรงจนทักษะของมันถูกขัด
พิราบอ้วนเกิดอาการมึนงงขึ้น
ไม่ใช่ว่ามันควรจะเป็นฝ่ายสู้เหรอ?
เจ้าก้อนขนที่ว่านั่นก็คือสุนัขเขี้ยวเพลิง เฉียวซางมองมันด้วยความประหลาดใจ
"ย่าห์!"
"ย่าห์ ย่าห์!"
สุนัขเขี้ยวเพลิงเห่าใส่เฉียวซางด้วยความหงุดหงิด
เฉียวซางสามารถสัมผัสได้ถึงความโกรธและความหงุดหงิดของเจ้าลูกหมาได้อย่างชัดเจน
สุนัขเขี้ยวเพลิงไม่พอใจอย่างยิ่ง!
เธอทำสัญญากับฉันไม่ใช่รึไง? ทำไมต้องให้คนอื่นมาสู้แทน?
เฉียวซางรู้สึกถึงอารมณ์ของเจ้าหมาได้ชัดเจน และลำคอของเธอก็กระชับขึ้นเล็กน้อยขณะที่เธอกำลังจะพูด
“สกปรกนัก! หล่อนจงใจลอบโจมตีสินะ แถมยังตั้งใจจะสู้สองต่อหนึ่งตั้งแต่แรกด้วย!” ซูหลิงหลานตะโกนด้วยความโกรธ
แม้ว่าจิ้งจอกหางทะเลทรายขาวของเธอจะวิวัฒนาการเป็นจิ้งจอกหางทะเลทรายแล้ว แต่โดเมนสมองของเธอพัฒนาขึ้นมาเป็น 7% เท่านั้น ซึ่งยังคงห่างไกลจากการเงื่อนไขที่จะทำสัญญากับสัตว์อสูรตัวที่สอง
จิ้งจอกหางทะเลทรายเป็นสัตว์อสูรระดับกลาง แต่พิราบอ้วนก็เช่นกัน และด้วยความที่มันเป็นประเภทบิน จึงมีข้อได้เปรียบเหนือจิ้งจอกหางทะเลทรายโดยปริยาย
แถมยังมีสุนัขเขี้ยวเพลิงอีกตัว แม้ว่ามันจะเป็นเพียงสัตว์อสูรระดับเริ่มต้น แต่มันก็จัดอยู่ในประเภทไฟซึ่งมีพลังโจมตีอันร้ายกาจ
หากเป็นสองต่อหนึ่ง เธอจะต้องเสียเปรียบอย่างแน่นอน!
ซูหลิงหลานกัดฟันและจ้องมองไปที่เด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าเธอ
ผู้หญิงคนนี้ไม่เพียงแต่จะโหดเหี้ยมเท่านั้น แต่เธอยังชอบเล่นสกปรกอีกด้วย!
เฉียวซางยืนนิ่งอยู่สองสามวินาที ทันใดนั้นก็รู้สึกราวกับว่าหลอดไฟในหัวพลันส่องสว่าง
สองต่อหนึ่ง?
ทำไมก่อนหน้านี้เธอคิดไม่ได้กัน?
นี่คือการต่อสู้ ไม่ใช่การแข่งขัน ไม่ต้องเลือกวิธีการเพราะชัยชนะสำคัญที่สุด
แถมสุนัขเขี้ยวเพลิงเองก็ต้องการต่อสู้ และนี่จะเป็นโอกาสที่ดีในการวัดความสามารถของมันและทดสอบทฤษฎีบางอย่างของเธอ
เฉียวซางมองไปที่สุนัขตัวน้อยที่บูดบึ้งตรงหน้าเธอแล้วยิ้มหวาน "สุนัขเขี้ยวเพลิงมานี่สิ"