บทที่ 5: ตำราอสูร
นาทีต่อมา
เสียงของแม่เธอดังกว่าปกติเล็กน้อย แต่สีหน้าของเธอยังคงรักษาความสงบเอาไว้ “แม่จะไปห้องน้ำหน่อยนะ”
พนักงานพูดขึ้น “เลี้ยวซ้ายข้างหน้าแล้วเลี้ยวขวาตรงสุดทางเลยค่ะ”
แม่พยักหน้ารับเป็นเชิงเข้าใจ และยกขาเดินไปทางขวาในทันที
“คุณผู้หญิง ห้องน้ำอยู่ทางซ้ายมือค่ะ” พนักงานเตือน
แผ่นหลังของแม่ของเธอแข็งทื่ออยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็เลี้ยวซ้ายราวกับว่าเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เฉียวซางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขบขัน มุมปากของเธอโค้งมนขึ้น
ภาพลักษณ์หญิงแกร่งยุคใหม่ของแม่เริ่มพังทลายไปเรื่อยๆแล้ว
จากนั้นเธอก็หันความสนใจกลับมาที่สุนัขเขี้ยวเพลิง
เฉียวซาง สังเกตเห็นว่าเหล่าสุนัขเขี้ยวเพลิงเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นและพลังงานอันล้รี่ไม่มีสักตัวเดียวนั่งนิ่งเงียบๆ
ไม่แปลกเลยที่พวกมือใหม่จะนิยมเลือกพิราบอวบ...
เฉียวซางไม่สามารถค้นหาทั้งหมดด้วยตัวเองได้ จึงถามว่า “มีสุนัขเขี้ยวเพลิงที่มีนิสัยเงียบๆ บ้างไหมคะ?”
พนักงานตอบอย่างมีชั้นเชิงว่า “จริงๆแล้ว เรายังมีสัตว์อสูรอื่นๆ อีกมากมายในฐานเพาะเลี้ยงของเรา”
เฉียวซางเข้าใจความนัยนั่นทันที
แม้เธอจะไร้ประสบการณ์ในฐานะผู้ฝึกสัตว์อสูร แต่ชาติที่แล้วเธอก็เป็นผู้ใหญ่และมีความยับยั้งชั่งใจที่ดี เธอไม่ถูกความอยากได้ครอบงำโดยไร้สติ
เมื่อเป็นเช่นนั้น เธอจึงตัดสินใจมุ่งเน้นไปที่การเลือกสุนัขเขี้ยวเพลิงที่สะดุดตาเธอมากที่สุด
“ขอดูเจ้าตัวนั้นได้ไหมคะ”
เฉียวซางสังเกตเห็นสุนัขเขี้ยวเพลิงตัวหนึ่งพุ่งชนต้นไม้อย่างไม่ลดละ—ไม่ใช่พฤติกรรมที่ทำขึ้นมาส่งๆหรือประมาทเลินเล่อ ท่าทางมันเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นทะเยอทะยาน
เธอแอบคิดว่าเป้าหมายที่มันอยากจัดการไม่ใช่ต้นไม้แต่เป็นตัวมันเอง
ไม่งั้นมันจะมีหมาตัวไหนชนต้นไม้ไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย?
“แน่นอนค่ะ” พนักงานกล่าว
เธอเป่านกหวีดที่ห้อยคอเอาไว้ ส่งเสียงแหลมสูงออกมา
สุนัขเขี้ยวเพลิงทุกตัวหยุดกิจกรรมของพวกมัน รวมถึงการต่อสู้ และหันความสนใจไปที่เธอ
บางตัวเริ่มเอียงศรีษะ
"ย่าห์?"
ถึงเวลาข้าวเที่ยงแล้วเหยอ?
เมื่อไฟที่ลุกโหมกระหน่ำบดบังเส้นทางจางหายไป พนักงานก็ตรงปรี่เข้าไปหาสุนัขเขี้ยวเพลิงพร้อมหิ้วคอมันมา
"ย่าห์?"
สุนัขเขี้ยวเพลิงกระพริบตาด้วยความสับสน หูสั่นกระดิกรัวคล้ายเจ้าเข้า
สุนัขเขี้ยวเพลิงถูกวางไว้ข้างหน้าเฉียวซาง
มันเป็นสัตว์อสูรสุนัขขนาดเล็กที่มีขนสีแดงเปลวไฟตัดด้วยแถบสีดำและมีขนสีส้มกระจุกตัวกันบริเวณศีรษะ
สุนัขเขี้ยวเพลิงที่อยู่ตรงหน้าเธอสูงประมาณ 60 ซม. ตัวเล็กกว่าเพื่อนร่วมเผ่าอย่างชัดเจน
มีรอยช้ำจางๆจากการชนต้นไม้เมื่อครู่ ม่านตาสีดำของมันส่องประกายชวนหวานซึ้งเชิญชวนให้เข้าไปลูบไล้
ต่างจากสุนัขเขี้ยวเพลิงตัวอื่นๆ เจ้าตัวน้อยนี้ดูน่าสงสารและน่าเอ็นดูมาก
จิตใจของเฉียวซางมโนขึ้นเองเออเองว่าเจ้านี่ต้องเป็นตัวที่อ่อนแอและถูกรังแกโดยฝูงของมัน ไม่มีอาหารให้กินมากพอจนทำให้เกิดภาวะขาดสารอาหาร และที่ต้องทนทรมาณซ้อมกับตัวเองก็เพื่อให้ได้รับการยอมรับ
การชนต้นไม้น่าจะเป็นความพยายามที่จะฝึกฝนทักษะพิเศษบางอย่าง
บางทีอาจคล้ายกับทักษะจำพวกเพลิงทะยานละมั้ง
พนักงานอธิบายว่า “เจ้าสุนัขเขี้ยวเพลิงตัวนี้อายุน้อยที่สุดของฐานเพาะเลี้ยงเราแล้ว มันพึ่่งจะอายุครบ 1 เดือนไม่นานมานี้”
ดังนั้นมันไม่ใช่ว่ามันอ่อนด๋อย แต่มันแค่ยังเด็กสินะ...
นี่นับเป็นข้อดี อันที่จริงผู้ฝึกสัตว์อสูรหลายคนมักชอบเลี้ยงสัตว์อสูรของตนตั้งแต่ระยะฟักไข่เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและความเข้าใจกับพวกมัน
เฉียวซางเคยพิจารณาซื้อไข่สัตว์อสูรเฉกเช่นเดียวกัน แต่ก็ล้มเลิกความคิดนี้ไปอย่างรวดเร็ว
ท้ายที่สุดเธอยังต้องไปโรงเรียนอยู่ และการเอาไข่ไปโรงเรียนด้วยมันน่าจะไม่ค่อยปลอดภัย
จะทิ้งมันไว้ที่บ้านในขณะที่แม่ของเธอออกไปทำงานก็ทำให้เธอไม่สบายใจเช่นกัน
เฉียวซางหมอบลงและลูบหัวสุนัขเขี้ยวเพลิงเบา ๆ สุนัขเขี้ยวเพลิงพริ้มตาลงอย่างพอใจ หางสีแดงของมันกระดิกตามสัญชาตญาณ
น่ารักแถมนิสัยยังดีอีกต่างหาก
สัมผัสขนนุ่มๆในมือ ยิ่งทำให้กราฟความพึงพอใจของเธอพุ่งทะยาน
เธอมองเข้าไปในดวงตาของสุนัขเขี้ยวเพลิงและยิ้ม “เด็กน้อยอยากไปกับฉันไหม”
ขณะเดียวกันสีหน้าของพนักงานก็เริ่มแข็งแปลกๆ อันที่จริงเจ้าสุนัขเขี้ยวเพลิงตัวนี้มันไม่ได้เป็นหมาที่ดีแบบที่เด็กสาวคิด
มันนำความเยาว์วัยของมันของมันมาใช้ประโยชน์ คอยกลั่นแกล้งและหาเรื่องเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ตัวอื่นอยู่บ่อยครั้ง
สุนัขเขี้ยวเพลิงตัวนี้เห็นชัดว่ามันเพิ่งเกิด ยังไม่ปลุกทักษะใดๆขึ้นมา กรงเล็บมันยังไม่พัฒนาเต็มที่เลยด้วยซ้ำ
ดังนั้นหมาตัวอื่นๆเลยปล่อยมันไป บางครั้งก็ตามน้ำ แสร้งร้องโอดครวญพ่ายแพ้ ตามใจเจ้าตัวน้อยจนเคยตัว จนเจ้านี่มีนิสัยหยิ่งทะนงเพราะคิดว่่าหมาตัวอื่นในฐานไม่สามารถเทียบกับมันได้เลยแม้แต่น้อย
ในฐานะพนักงานมืออาชีพ เธอรับรู้ได้เป็นอย่างดีว่าลูกค้าที่มาใช้บริการนั้นต้องการสัตว์อสูรแบบไหน
เห็นชัดว่าเด็กสาวคนนี้ต้องการสุนัขเขี้ยวเพลิงที่นิสัยสงบเสงี่ยมเรียบร้อย
เธอควรจะพูดดีไหม?
ที่ฐานนี้ไม่มีสุนัขเขี้ยวเพลิงแบบที่ว่า ที่นี่ไม่มีหมานิสัยดี!
ขณะเธอกำลังจะพูด ภาพของค่าคอมมิชชั่นที่จะได้ บ้านหลังใหม่ และลูกชายที่อยู่ชั้นประถม 4 ก็แวบเข้ามาในหัว สุดท้ายเธอก็เลยไม่ได้พูดอะไร
สุนัขเขี้ยวเพลิงเข้าใจความหมายของคำว่า "ไปด้วย-”
แน่นอน! มันอยากจะออกไป ที่นี่ไม่มีคู่แข่ง แถมสัมผัสของมนุษย์นี้ก็รู้สึกสบายมาก… ถึงเวลาต้องหาคู่ต่อสู้ใหม่แล้ว!
"ย่าห์!"
สุนัขเขี้ยวเพลิงพยักหน้าอย่างจริงจัง ยื่นเท้าอวบอ้วนออกมาด้านหน้า
เฉียวซางรู้สึกประหลาดใจชั่วขณะหนึ่ง แต่จากนั้นก็จับมือกับอุ้งเท้าของมัน
กระบวนการดำเนินไปอย่างราบรื่นมากกว่าที่เธอคาดไว้...
ข้อตกลงระหว่างหนึ่งเด็กสาวและหนึ่งหมาก็บรรลุผลในที่สุด
......
สัญญาระหว่างมนุษย์กับสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติถูกสร้างขึ้นผ่านตำราอสูร
ตำราอสูรทำหน้าที่เป็นสื่อกลางที่เชื่อมโยงทั้งสองฝ่ายอย่างใกล้ชิด โดยทั่วไปเพื่อให้สัญญาประสบความสำเร็จทั้งสองฝ่ายจะต้องยินยอม
อย่างไรก็ตาม มันเป็นไปได้ที่จะสร้างสัญญาหลังจากเอาชนะสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติและทำสัญญากับมันยามที่หมดสติหรือไร้การป้องกัน
วิธีหลังมีความเสี่ยงหลายประการ หากความสัมพันธ์ไม่เพียงพอ สัตว์อสูรอาจไม่เชื่อฟังจนทำให้โดเมนสมองเสียหาย
เว้นแต่จะเป็นนักฝึกอสูรระดับสูงที่ฝึกปรือโดเมนสมองของตนมาเป็นอย่างดีถึงจะพอบรรเทาความเสี่ยงลงได้ เพราะในกรณีนี้ต่อให้สัตว์อสูรดื้อรั้นยกเลิกสัญญาเอง นักฝึกอสูรที่ระดับสูงพอก็จะไม่ได้รับความเสียหายมากนัก
ในขณะนี้ เฉียวซางกำลังเชื่อมต่อกับโดเมนสมองของเธอ
ตำราอสูรในสมองของเธอยังคงนิ่งเงียบ แม้ว่าจะเรียกว่าตำราแต่มันก็บางพอๆกับจดหมายจ่าหน้าซอง
เท่าที่อ่านมาในหนังสือ ตำราในขั้นแรกจะเป็นสีขาวและมีหน้าสัญญาเพียงหน้าเดียวเท่านั้น
เมื่อโดเมนสมองพัฒนาถึง 10% ตำราจะกลายเป็นสีเทา และพื้นที่สัญญาจะขยายเป็นสองหน้า
ด้วยท่าทางมือที่เธอจำมาจากคู่มือ ในไม่ช้าตำราปฎิญาณอสูรก็ถูกเปิดใช้งานในโดเมนสมองของเธอ และค่อยๆ เปิดไปยังหน้าแรกและหน้าเดียวที่มี
แสงสีขาวค่อยๆ รวมตัวกันจากทุกด้านเหนือหัวของเจ้าสุนัขเขี้ยวเพลิงตัวน้อยก่อตัวเป็นดวงดาวทรงกลมขนาดเล็ก
อันที่จริงวิธีที่ง่ายที่สุดที่จะดูว่าผู้ฝึกสัตว์อสูรอยู่ระดับไหน คือดูจากสียามทำสัญญาหรืออัญเชิญอสูรออกมา แสงที่สาดส่องไปทั่วตัวอสูรนั่นแหละคือสีที่บ่งบอกระดับของผู้ฝึก
เช่นเดียวกัน สีของดวงดาวที่ปรากฎสะท้อนถึงระดับของตำราในขณะนั้น
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงข้อมูลอ้างอิง เพราะต่อให้โดเมนสมองและตำราพัฒนาไปไกลขนาดไหน หากสัตว์อสูรที่ทำสัญญาไม่แกร่งพอและไม่สามารถผ่านการทดสอบวัดระดับได้ ระดับของพวกเขาก็จะไม่เพิ่มขึ้น
แสงจากดวงดาวปกคลุมอาบหัวน้อยๆของสุนัขเขี้ยวเพลิง มันเงยหน้าขึ้นมองดูกลุ่มดาวบนหัวด้วยความสงสัย