บทที่ 39: วันสุดท้าย
แสงสีส้มนวลของดวงอาทิตย์ที่กำลังตกทอดผ่านทางหน้าต่าง ทำให้เกิดแสงอันอบอุ่นบนพื้นและบนตัวของหญิงสาวและสุนัขเขี้ยวเพลิง
ทุกอย่างดูสงบและเงียบสงัดมาก...
“แกประมาทไปหน่อยแล้ว เห็นไหมเพราะแกแท้ๆเราถึงต้องโดนลงโทษแบบนี้” เฉียวซางยืนพิงกำแพงโดยยกมือขึ้นในท่ายอมแพ้พูด
สุนัขเขี้ยวเพลิงยืนเคียงข้างเธอในท่าเดียวกัน
"ย่าห์ ย่าห์" มันเห่า
จิตใจของเจ้านายโลเลขนาดนี้ได้ยังไง ไหนเมื่อกี้บอกว่าแค่มันโอเคแค่แจกันอันเดียวไม่ใช่เรื่องใหญ่ไง
“พวกเธอเงียบเดี๋ยวนี้!” เย่เซียงถิงตะคอก ก่อนจะก้มลงเก็บเศษเซรามิกบนพื้นด้วยดวงใจที่แตกสลาย
"แม่ให้หนูช่วยนะ" เฉียวซางพยายามเสนอตัวเพื่อกู้คะแนน
"อย่าขยับ" เย่เซียงถิงยังคงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เฉียวซางถอนหายใจในใจเงียบๆ สถานการณ์แบบนี้แล้วเธอจะกล้าพูดเรื่องที่แอบหยุดเรียนได้ยังไง?
หวังว่าอาจารย์เธอจะไม่โทรเข้ามาในจังหวะนรกแบบนี้...
แม่เธอประคับประคองเศษแจกันขึ้นมาทีละชิ้นอย่างทะนุถนอม และเมื่อเห็นบริเวณลายเซ็นต์แตกออกเป็นสามส่วนตาเธอก็แดงก่ำ
เฉียงซางทนไม่ได้ที่จะเห็นแม่เธอร้อง “แม่มันก็แค่ลายเซ็นต์ไม่ใช่เหรอ? เดี๋ยวถ้าหนูเจอหวังเถียนเอ้อ หนูจะขอร้องเขาให้เซ็นให้แม่อีกใบ”
เธอจำได้ว่าผู้ฝึกสัตว์อสูรคนโปรดของแม่ชื่อหวังเถียนเอ้อเมื่อ ไม่นานมานี้เธอเคยเห็นเขาออกมาเปิดความสัมพันธ์กับผู้ฝึกสัตว์อสูรหญิงที่ชื่่อหลัวถัง
แต่ถึงจะมีข่าวแบบนั้นแต่เธอก็เห็นแม่ยังอยู่ดีมีสุขกินอาหารได้ครบสามมื้อ แถมยังตามข่าวของหวังเถียนเอ้อได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อันที่จริงเธอยังดูทีวีอย่างตื่นเต้นตอนที่เขาเรียกหมีหุ้มเกราะสัตว์อสูรคู่กายของเขาออกมาด้วยซ้ำ
เฉียวซางเดาว่าแม่ของเธอน่าจะชื่นชอบเขาที่ผลงานไม่ใช่รูปลักษณ์ภายนอก
แม่มองเธอด้วยตาแดงก่ำและตะโกนว่า “หวังเถียนเอ้ออะไร? นี่มันเขียนโดยหมีกรงเล็บต่างหากและมันไม่สามารถหาได้จากไหนในโลกนี้แล้ว! เพราะมันวิวัฒนาการเป็นหมีหุ้มเกราะเรียบร้อยแล้ว!”
เฉียวซาง: "..."
เธอตัดสินใจหันหลังกลับและจ้องกำแพงอย่างเงียบๆ
แต่ด้วยความเป็นผู้หญิงพันธุ์แกร่ง แม้ว่าจะสูญเสียลายเซ็นรุ่นลิมิเต็มของหมีกรงเล็บไป แต่เธอก็ยังคงเรียกเฉียวซางและสุนัขเขี้ยวเพลิงให้ไปกินข้าว
ถึงสีหน้าแม่จะดูน่ากลัวสุดๆไปเลยก็เถอะ...
เย็นวันนั้นเอง ขณะเฉียวซางทำการบ้านอยู่ภายในห้อง สุนัขเขี้ยวเพลิงก็ออกไปฝึกซ้อมกับพิราบอ้วน
นี่เป็นคำขอของสุนัขเขี้ยวเพลิงเอง
หลังจากการต่อสู้ครั้งล่าสุด มันได้รับรู้ถึงความก้าวหน้าของตัวมันเอง และยังไม่ต้องการที่จะหยุดพัก
เฉียวซางมีความสุขที่ได้เห็นสุนัขเขี้ยวเพลิงมีแรงผลักดันและต้องการแข็งแกร่งขึ้น แต่ตอนช่วงเย็นเธอไม่ว่างเพราะต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบ ดังนั้นเธอจึงฝากให้พิราบอ้วนช่วยดูแล
เมื่อได้พิราบอ้วนที่เปรียบเสมือนหัวหน้าสัตว์อสูรของครอบครัวเป็นคนดูแล เฉียวซางก็วางใจได้
ก่อนที่พวกเขาจะจากไป เฉียวซางยังให้สุนัขเขี้ยวเพลิงสวมกำไลแรงโน้มถ่วงหนัก 15 กก. อีกด้วย กำไลหนัก 10 กก. ไม่ส่งผลใดๆกับสุนัขเขี้ยวเพลิงอีกแล้วดังนั้นเพื่อความท้าทายเธอจึงเพิ่มน้ำหนักมัน
วันเวลาผ่านไปเฉกเช่นนี้ รู้ตัวอีกทีก็ถึงวันจบการศึกษามัธยมต้นเสียแล้ว เหลือเวลาอีกแค่สองวันสำหรับการสอบจงเกา
ชั้นเรียนที่ 3-7
นักเรียนทุกคนใช้เวลาช่วงสุดท้ายเพื่อบอกลาซึ่งกันและกัน
หลังจากวันนี้กว่าจะเจอกันอีกทีก็คงวันประกาศผล
เมื่อพวกเขาแยกย้ายกันแล้ว เว้นแต่จะอยู่โรงเรียนมัธยมปลายเดียวกัน ต่อให้เป็นเพื่อนสนิทก็คงไม่มีโอกาสได้เจอหน้ากันบ่อยนัก
“เฉียวซาง เธอตัดสินใจได้หรือยังว่าอยากจะเข้าโรงเรียนไหน?” ฟางซือซือถาม
“เซินซุ่ย” เฉียวซางตอบอย่างตรงไปตรงมา
"ฮ่าฮ่าฮ่า เธอจะเล่นมุกทำไมเนี่ย" ฟางซือซือระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
เฉียวซาง: ...
“ทำไมพวกเราทุกคนไม่เข้าโรงเรียนห่าวมู่ด้วยกันล่ะ ด้วยวิธีนี้พวกเราจะได้ดูแลกันและกันได้” หญิงสาวที่นั่งหน้าฟางซือซือแนะนำ
โรงเรียนห่าวมู่เป็นโรงเรียนเอกชน ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องคะแนนสอบ ขอแค่เงินถึงก็เข้าได้ไม่ยาก
“ค่าเทอมเท่าไหร่เหรอ?” ฟางซือซือถามด้วยความสนใจ ถ้าทุกคนได้เรียนโรงเรียนเดียวกันได้ก็คงจะดี
เธอรับรู้แค่ว่าโรงเรียนห่าวมู่แพง แต่ไม่ได้รับรู้ถึงตัวเลขที่แน่นอน
"500,000 เหรียญพันธมิตร" หญิงสาวพูดพร้อมชูนิ้วห้านิ้ว
ฟางซือซือมองไปที่มือของเธอแล้วรีบหันกลับมาหาเฉียวซาง “เมื่อกี้เราคุยเรื่องอะไรอยู่นะ?”
“เธอบอกว่าฉันเล่นมุก” เฉียวซางตอบ
หญิงสาวที่นั่งข้างหน้า: ...
ขณะที่ฟางซือซือกำลังจะสนทนาต่อ จู่ๆ เด็กชายคนหนึ่งที่อยู่อีกด้านหนึ่งของห้องเรียนก็ตะโกนว่า "อะไรนะ พ่อนายส่งลาโอซีมาให้นายทำสัญญาจริงๆดิ!"
ทุกคนในชั้นเรียนหันมามองด้วยความอิจฉา รวมทั้งเฉียวซางด้วย
ลาโอซีเป็นสัตว์ประเภทพลังจิต แค่นั้นก็นับว่าน่าประทับใจมากแล้ว ทว่ามันไม่จบลงแค่นั้น
ลาโอซีไม่ได้มีฐิ่นกำเนิดที่ประเทศมังกร
ในทุกๆภูมิภาค ทุกๆเมืองจะมีสัตว์อสูรประจำถิ่นเป็นของตัวเอง เช่น สุนัขเขี้ยวเพลิง พิราบอ้วน จิ้งจอกหางทะเลทราย ล้วนเป็นสัตว์ที่มีอยู่แค่ในภูมิภาคเย่หัวของเฉียวซาง
แม้ว่าจะมีสัตว์ประเภทอื่นๆที่ไม่ได้มีต้นกำเนิดจากเย่หัวกระจัดกระจายอยู่ที่เย่หัวบ้างประปราย แต่มันก็มีไม่มากนัก ดังนั้นผู้ฝึกสัตว์อสูรหลายคนจึงนิยมเดินทางไปยังภูมิภาคต่างๆเพื่อทำสัญญากับสัตว์อสูรในระหว่างที่หน้าสัญญาของตนยังว่างอยู่ แต่นั่นมันก็ยังอยู่ภายในประเทศมังกร
ได้สัตว์อสูรประเภทพลังจิตจากประเทศอื่นมางั้นเหรอ? เดาได้เลยว่าหมอนี่ต้องเป็นเพียงหนึ่งเดียวในปีนี้ของฮันกังอย่างแน่นอน
“พ่อยืนกรานว่าจะส่งมาให้ได้น่ะ ขนาดพูดแล้วว่าไม่เอาไม่เอา แต่ก็โดนยัดมาอยู่ดี” ผู้พูดคือฉินโชวอันดับสองของระดับ
อวดดีจริงๆ กล้าพูดอะไรน่าไม่อายแบบนั้นออกมาได้ยังไง?
เฉียวซางกำหมัดแน่น แต่เธอก็ต้องยอมรับว่าการมีเงินนั้นย่อมมีสิทธิ์เหนือกว่าคนอื่น
ด้วยเงิน ไม่ว่าใครก็สามารถทำสัญญากับสัตว์อสูรหายากและหล่อเลี้ยงมันอย่างมั่นคงได้
หากไม่มีเงินก็ได้แต่เลือกสัตว์อสูรในภูมิภาค ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่หมดเพราะต้องมีเงินสำหรับดูแลมันด้วย
ในโลกปัจจุบัน ผู้ฝึกสัตว์อสูรชั้นนำมักมาจากตระกูลยิ่่งใหญ่ ส่วนรากหญ้าก็ได้แต่ดิ้นรนตะเกียกตะกาย
แต่อย่างน้อยเธอก็ยังมีนิ้วทอง!
“เรายังไม่ได้เริ่มกระตุ้นสมองเลย จะทำยังไงถ้าเกิดปลุกพลังไม่สำเร็จ? กั๋วหลินเจ๋อซึ่งนั่งอยู่ด้านหลังพึมพำด้วยความอิจฉา
“คิดว่าเป็นไปได้เหรอ?” ฟางซือซือโต้กลับ
เป็นไปไม่ได้
ถ้านักเรียนที่เก่งที่สุดเป็นอันดับสองของโรงเรียนปลุกพลังไม่ได้ ก็คงไม่มีใครปลุกพลังได้สำเร็จ
กั๋วหลินเจ๋อเลือกที่จะไม่ตอบ
ชั้นเรียนสุดท้ายของวันอยู่กับอาจารย์ประจำชั้น
เฉียวซางมองไปที่อาจารย์ของเธอ ด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วน
เขาใจดีมาก แม้เธอจะแอบโดดเรียนไปนาน แต่เขาก็ยังไม่โทรฟ้องแม่เธอ อาจารย์ดีๆแบบนี้จะหาได้จากไหนอีก?
อาจารย์เริ่มกล่าวอำลาอย่างฮึกเหิมว่า “อีกสองวันในวันที่ 17 มิถุนายน เราจะมีการสอบจงเกา และในวันที่ 20 มิถุนายน เราจะมีการกระตุ้นสมอง”
“พวกเธอทุกคนจะพบกับจุดเปลี่ยนชีวิตครั้งสำคัญครั้งแรก พวกเธอจะเริ่มก้าวเข้าไปสู่ชั้นเรียนที่สูงมากยิ่งขึ้น”
“สามปีแห่งการทำงานอย่างหนัก สามปีแห่งการเรียนอย่างขยันขันแข็ง สามปีแห่งความมานะบากบั่นได้พาพวกเธอทุกคนมาถึงจุดนี้ อาจารย์เชื่อว่าตอนนี้พวกเธอแต่ละคน....”
“...จะก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง” เฉียวซางกล่าวเงียบๆ
ฟางซือซือหันมองเธอด้วยความประหลาดใจ “เธอรู้ได้ยังไงว่าเขากำลังจะพูดอะไร”
เฉียวซางลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบว่า "ฉันเดาเอา"
การกล่าวอำลาที่จริงใจถือเป็นมาตรฐานที่ดีสำหรับอาจารย์ ดังนั้นเฉียงซางจะทำเป็นเธอไม่เคยเห็นวลีเด็ดนี้ทางอินเตอร์เน็ตมาก่อน ปล่อยให้อาจารย์ยังคงเหลือศักดิ์ศรีที่ดีต่อหน้านักเรียนคนอื่นๆ
"ฉันเชื่อว่าในอีกไม่กี่วัน พวกเธอจะใช้ทุกอย่างที่มีแสดงผลงานออกมาให้ดีที่สุดและยุติชีวิตนักเรียนมัธยมต้นอย่างสมบูรณ์แบบ"
"สุดท้ายนี้ ฉันขอให้พวกเธอทุกคนผ่านพ้นไปด้วยดี! ขอให้พวกเธอได้เข้าโรงเรียนมัธยมปลายในฝันของเธอ! ขอให้ความฝันของพวกเธอได้รับการเติมเต็มในเดือนมิถุนายนนี้!"
ห้องเรียนปะทุด้วยเสียงปรบมือดังสนั่น โดยเฉพาะเฉียวซางปรบมืออย่างหนักแน่นและรุนแรง
ในขณะนั้น เฉียวซางไม่ได้มีความคิดอื่นใดแทรกเข้ามา
เธอปรบมืออย่างจริงใจให้กับบรรยากาศอันน่าครื้นเครงนี้