ตอนที่แล้วบทที่ 35: ต้องทุ่มสุดตัว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 37: อุบัติเหตุทางการแพทย์

บทที่ 36: ใครจะไม่ผ่าน?


นักพัฒนาสัตว์อสูร

อาชีพลึกลักที่กล่าวขานกันว่า ขอเพียงแค่กลุ่มนี้ได้ยินเสียงร้องสักแอะของสัตว์อสูรก็จะสามารถตอบได้ทันทีว่ามันไม่ได้ถ่ายท้องมากี่วันแล้ว

ตราบใดที่สามารถเป็นนักพัฒนาสัตว์อสูรที่ได้รับการรับรองจากทางการ แม้จะอยู่ในระดับ F ก็สามารถลงทะเบียนกับสมาคมผู้พัฒนาสัตว์อสูรในเขต และรับเงินจำนวนมหาศาลเพื่อใช้ในการฝึกฝนได้ในทุกๆปี

เรียกได้ว่านอนเฉยๆก็รวยได้

ในบรรดาผู้ฝึกสัตว์อสูรร้อยคน จะมีผู้พัฒนาสัตว์อสูรโผล่มาแค่คนสองคน และจากผู้ฝึกสัตว์อสูรนับร้อยอาจไม่มีผู้พัฒนาสัตว์อสูรระดับ A โผล่มาให้เห็นแม้แต่คนเดียว

ดวงตาของเฉียวซางเป็นประกาย นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เจอนักพัฒนาสัตว์อสูรระดับ A ตัวเป็นๆ

“สวัสดีค่ะท่านรอง” หลังจากทักทายเขาแล้ว เฉียวซางก็หันหัวของสุนัขเขี้ยวเพลิงไปทางหลิวเหยา

“สุนัขเขี้ยวเพลิง ทักทายท่านรองหน่อยสิ”

"ย่าห์"

สุนัขเขี้ยวเพลิงเห่าอย่างสุภาพ

ดวงตาของหลิวเหยาฉายแววยินดี แต่ก่อนเขาจะได้พูดอะไร เฉียวซางก็ถามอย่างสงสัยว่า “ท่านรองค่ะ ท่านรองตอบได้รึเปล่าว่าสุนัขเขี้ยวเพลิงของฉันไม่ได้ถ่ายท้องนานแค่ไหนแล้ว”

หลิวเหยา: ...

"ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ..."

เจิ้งกั๋วผิงที่ยืนอยู่ข้างๆ กลั้นเสียงหัวเราะไม่อยู่ แต่เมื่อได้รับสายตาพิฆาตจากหลิวเหยาเขาก็หุบปากลงทันที

ความเชื่อที่ว่านักพัฒนาสัตว์อสูรสามารถบอกได้ว่าสัตว์อสูรไม่ได้ถ่ายท้องมานานแค่ไหนจากคลื่นความถี่ของเสียงร้องนั้น เป็นมุกตลกของชาวเน็ตที่เป็นกระแสเมื่อไม่นานมานี้

ในรายการออกเดทรายการหนึ่ง ผู้เข้าร่วมรายการฝั่งชายหมายเลข 3 ประกอบอาชีพนักพัฒนาสัตว์อสูร

เพราะบุคลิกที่ดูมืดหม่นและรูปลักษณ์ที่แหวกไปจากค่านิยมของสังคม รวมถึงการที่เขาทำสัญญากับสัตว์อสูรประเภทผีซึ่งไม่ค่อยได้รับความนิยมนัก ทำให้เขาถูกมองข้ามไปกว่าแปดวันและไม่มีผู้เข้าร่วมรายการฝั่งหญิงสักคนที่เลือกเขา

อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 9 ของการดำเนินรายการ กวางสปีดของผู้เข้าร่วมรายการฝั่งหญิงหมายเลข 2 ก็ร้องด้วยความทรมาณหลังจากกินอาหารพลังงานที่ผู้เข้าร่วมรายการฝั่งชายหมายเลข 1 เอามาให้

ขณะที่ทุกคนเอาแต่ตำหนิชายหมายเลข 1 ชายหมายเลข 3 ก็พูดขึ้นว่า

“มันไม่ได้ถ่ายท้องนานกว่า 20 วันแล้ว ให้มันกินผลตงตงเดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง”

หญิงสาวหมายเลข 2 ตกตะลึงไปทันที เพราะเรื่องที่กวางสปีดของเธอไม่ยอมถ่ายนานกว่า 23 วันเป็นเรื่องจริง

แน่นอนว่า หลังจากที่กวางสปีดกินผลตงตง มันก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

เมื่อหญิงสาวถามว่าเขารู้ได้ยังไง เขาก็บอกเพียงแค่ว่าฟังเอาจากความถี่ของเสียงร้องของมัน

คำตอบนี้ทำให้ทุกคนตาค้าง—สามารถรู้อาการได้จากเรื่องแค่นี้จริงๆงั้นเหรอ?

ชายหมายเลข 3 จู่ๆก็กลายเป็นจุดสนใจ ผู้เข้าร่วมรายการหญิงรายล้อมรอบตัวเขาทุกวัน เอาแต่ขอให้เขาฟังเสียงร้องของอสูรพวกเธอให้หน่อย

ในฐานะนักวิจัยหลิวเหยาไม่ว่างพอจะนั่งดูรายการทีวีแบบนั้น

เขามองไปที่สุนัขเขี้ยวเพลิงแล้วพูดอย่างงุนงงว่า "ฉันไม่รู้"

ในขณะที่หลิวเหยาซึ่งเป็นนักวิชาการหัวโบราณที่ไม่เข้าใจมุกตลก เจิ้งกั๋วผิงที่เคยนั่งดูรายการออกเดทนั่นกับภรรยาของเขาก็เข้าใจได้ในทันที

ในความเป็นจริงแล้วมันไม่เกี่ยวกับการฟังความถี่อะไรนั่นหรอก ชายหมายเลข 3 ก็แค่ใช้อสูรผีของตัวเองแอบเข้าไปในห้องหญิงสาวเพื่อแอบฟังบทสนทนาของพวกเธอก็แค่นั้น

เฉียวซางน่าจะเคยเห็นแต่มุกตลกในเน็ตและไม่ได้ดูรายการด้วยตัวเอง ไม่งั้นเธอคงรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้ว ดูเหมือนว่าเธอจะคิดว่านั่่นเป็นเรื่องจริงอย่างเอาจริงเอาจังซะด้วย ถ้าเกิดรู้ขึ้นมาคงผิดหวังมาก

เห็นแบบนั้นเธอก็เลือกถามคำถามอื่นแทน “ถ้าสุนัขเขี้ยวเพลิงแช่นน้ำสมุนไพรตามสูตรที่ท่านรองให้ ผลจะออกมาเป็นยังไงเหรอคะ”

หลิวเหยาอธิบาย “ถ้าเดาไม่ผิด สุนัขเขี้ยวเพลิงน่าจะใกล้ถึงคอขวดแล้ว ร่างกายมันน่าจะผลิตสารตั้งต้นในการเรียนรู้ทักษะขึ้นมาแต่ยังไม่สามารถทะลวงผ่านได้ สมุนไพรอย่างหญ้าพลังชีวิต และผงไออุ่นล้วนเป็นวัตถุดิบที่เสริมพลังงานธาตุไฟได้ ขอแค่แช่สักครึ่งเดือนมันก็น่าจะผ่านพ้นคอขวดไปได้อย่างสบายๆ”

สุนัขเขี้ยวเพลิงเพิ่งเรียนรู้ทักษะเพลิงปะทุกับแยกเงาเมื่อไม่นานมากนี้เอง

แล้วตอนนี้กำลังจะมีทักษะใหม่อีก?

เจ้าหมาของเธอเป็นอัจฉริยะรึเปล่าเนี่ย?

เฉียวซางมองดูสุนัขเขี้ยวเพลิงด้วยความตื่นเต้นและพูดว่า "มาเถอะ สุนัขเขี้ยวเพลิง รีบขอบคุณท่านรองเร็วเข้า"

การได้รับคำแนะนำจากนักพัฒนาสัตว์อสูรระดับ A ไม่ใช่เรื่องที่จะพบได้บ่อยๆ

"ย่าห์!"

สุนัขเขี้ยวเพลิงเห่าอย่างหนักแน่น

แม้ว่ามันจะไม่เข้าใจอะไรสักนิด แต่ถ้าผู้ฝึกสัตว์อสูรบอกให้มันขอบคุณ มันก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี

"แมะ!!!"

ขณะหลิวเหยากำลังจะพูดต่่อ ทันใดนั้นเสียงคร่ำครวญที่บีบคั้นหัวใจก็ดังออกมาจากปากของแมวหูยาวที่อยู่ใกล้

เฉียวซางสะดุ้งตัวโหยง

เธอหันกลับไปและเห็นแมวหูยาวนั่งขดตัว อุ้งเท้าหน้าถูกยกขึ้นมาปิดใบหน้า แววตาเปียกชื้นด้วยหยาดน้ำตาที่ไหลริน ดูน่าสังเวชใจเป็นอย่างยิ่ง

สุนัขเขี้ยวเพลิงก็สังเกตเห็นอาการของแมวหูยาวเช่นกัน

นี่มันทำแมวร้องไห้เหรอ?!

ในขณะนี้ความคิดในหัวของเฉียวซางและสุนัขเขี้ยวเพลิงตรงกันเหมือนได้สื่อจิต

ด้วยความรู้สึกผิดเล็กน้อย เฉียวซางจึงเข้าไปหาเจิ้งอี้หนิง และถามด้วยความละอายว่า "เจ้าแมวหูยาวเป็นยังไงบ้าง"

เจิ้งอี้หนิงหันไปหาเธอแล้วยิ้มขื่น “มันตกใจนิดหน่อย เพราะพอตื่นขึ้นมาแล้วมันดันโชกไปทั้งตัวด้วยน้ำลายของเจ้าหยดปลายลิ้น”

เฉียวซาง: “.....” เธอเข้าใจความรู้สึกนั้น!

สุนัขเขี้ยวเพลิง ถอนหายใจด้วยความโล่งอก อย่างน้อยนี่ก็ไม่ใช่ความผิดของมัน

“อาจารย์แมวหูยาวของฉันคงสู้ไม่ไหวแล้ว” เจิ้งอี้หนิงหันไปพูดกับซุ่นปั๋วอวี้

“เธอจะขอยอมแพ้เหรอ?” ซุ่นปั๋วอวี้ถาม

“ค่ะ ฉันขอยอมแพ้” เจิ้งอี้หนิงตอบ

ยังไงเธอก็ผ่านการทดสอบแล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะต้องแข่งต่อ ที่สำคัญยังไงที่หนึ่งก็ถูกล็อคไว้ให้เฉียวซางเป็นที่เรียบร้อย

"เอาตามนั้นก็ได้" ซุ่นปั๋วอวี้พยักหน้าเห็นด้วย “ต่อไปจะเป็นนัดชิงชนะเลิศระหว่างเฉียวซางและหลี่หยาง”

เดิมทีหลังจากการแข่งขันระหว่างเฉียวซางและเจิ้งอี้หนิง ควรเป็นการแข่งขันระหว่างผู้แพ้อย่างเจิ้งอี้หนิงและหลี่หยาง

แต่เมื่อเจิ้งอี้หนิงยอมแพ้ หลี่หยางจึงต้องเข้าปะทะกับเฉียวซางทันทีเลย

หลี่หยาง: “.....”

เขาเองก็อยากจะยกมือขอยอมแพ้เหมือนกัน เพราะถึงยังไงเขาก็ผ่านการสอบนี่แล้ว

แถมผู้หญิงคนนั้นและสุนัขเขี้ยวเพลิงยังแกร่งจนหลู่เหลียงเย่หยุดไม่อยู่อีก

แต่ถึงจะคิดว่าตัวเองไม่น่าชนะไหว แต่เขาก็จะลองพยายามให้ตัวเองไม่แพ้จนน่าเกลียดเกินไป....

สัตว์อสูรของหลี่หยางคืองูหางสั้น มีเขี้ยวเป็นพิษ หางเป็นพิษ แม้แต่เลือดเองก็เป็นพิษ

เฉียวซางประเมินสถานการณ์และคิดกลยุทธ์ขึ้นมา

เมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้น...

สุนัขเขี้ยวเพลิงแยกออกเป็นสองร่าง วนรอบตัวงูหางสั้นและเว้นระยะห่างประมาณห้าเมตร ก่อให้เกิดภาพลวงตาอย่างรวดเร็ว

ขณะที่เกิดภาพลวงตา ประกายไฟก็ถูกยิงอย่างต่อเนื่อง

งูหางสั้นซึ่งพยายามมองตามสุนัขเขี้ยวเพลิงทั้งสองตัวเริ่มรู้สึกเวียนหัว

ในชั่วพริบตานั่นเองลูกไฟหลายลูกก็เข้าปะทะกับตัวมันจนหมดสติโดยยังไม่ทันได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ

หลี่หยางทำหน้าบึ้ง ถ้ารู้ว่าผลลัพธ์จะออกมาเลวร้ายขนาดนี้ สู้ยกมือยอมแพ้แต่แรกน่าจะดีกว่า

นี่มันไม่ใช่แค่ระดับมือใหม่แล้ว ฝีมือเธอไม่ต่างจากพวกนักเรียนมัธยมปลายชั้นนำเลยสักนิด

หลู่เหลียงเย่ที่มองจากด้านข้างด้วยความพอใจ หากเทียบกับหลี่หยางแล้ว เห็นชัดว่าเขาก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น

“เฉียวซางชนะ”

หลังจากประกาศผลแล้ว ซุ่นปั๋วอวี้ก็เรียกรวมตัวผู้ที่ผ่านการคัดเลือกทั้งห้าคน

"ผลการสอบนี้จะถูกโพสต์บนเว็บไซต์ของเซินซุ่ย และเมื่อคะแนนสอบเข้าโรงเรียนมัธยมปลายหรือจงเกาของพวกเธอออก ให้นำใบรับรองผลคะแนนที่ได้มาที่โรงเรียนของเราเพื่อลงทะเบียน ถ้าคะแนนสอบของพวกเธอไม่ตรงตามข้อกำหนด พวกเธอจะถูกตัดสิทธิ์และตำแหน่งจะตกเป็นของคนอื่นแทน"

ผู้ที่ถูกตกรอบในรอบแรกและยังไม่จากไปต่างพากันตื่นเต้น—นี่หมายความว่าพวกเขายังมีหวังอยู่ใช่ไหม?

ทว่าวิมานฝันของพวกเขาก็พังทลายลงในพริบตา ขอแค่ผ่านการสอบเข้าแบบพิเศษ ไม่ต้องพูดถึงที่หนึ่งหรอกลำพังแค่ที่สองถึงห้าก็ต้องการคะแนนสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำแค่ 50 คะแนน

ในเมื่อต้องใช้คะแนนแค่นั้นมันจะยังมีใครหน้าไหนสอบไม่ผ่านอีก?

เฮ้อ...

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด