บทที่ 33: ครั้งต่อไปที่เราพบกัน
คนคนนี้คือผู้เชี่ยวชาญตัวจริง!
หลายคนต้องการเดินเข้าไปทักทายเธอ แต่เพราะว่าเธอเป็นผู้หญิงพวกเขาเลยแอบลังเล
“หลี่หยางนายแน่ใจใช่ไหมว่าหมอนั่นปลุุกพลังขึ้นเองตั้งแต่ครึ่งปีก่อนจริงๆ? บางทีนายอาจจะจำคนผิด” เด็กชายร่างบางถามด้วยความสงสัย
“บางทีอาจแค่คนชื่อคล้าย...” ตอนนี้หลี่หยางก็เริ่มไม่มั่นใจแล้วเหมือนกัน
เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับ หลู่เหลียงเย่เป็นครั้งแรกเพราะแม่เอาหนังสือพิมพ์มาให้ดูแล้วเอามาเทียบว่าอีกฝ่ายดีกว่าเขาอย่างงู้นอย่างงี้อย่างโง้น
ในตอนนั้นเธอมีวลีเด็ดติดปากว่า ถ้าหลู่เหลียงเย่เป็นลูกเธอก็คงดีพลางจ้องหน้าเขาและถอนหายใจ ยังดีที่มันกินเวลาต่อเนื่องแค่สิบวัน
ถ้าเป็นหลู่เหลียงเย่จริงๆ เขาจะสูญเสียอย่างอนาถขนาดนี้ได้อย่างไร?
พอมองดูดีๆแล้วหลู่เหลียงเย่คนนี้ดูสูงกว่า เข้มกว่า และก็... น่าเกลียดกว่าในหนังสือพิมพ์...
ในขณะนี้ผู้ที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในการเป็นหลู่เหลียงเย่ตัวปลอมกำลังมองดูปลาคาร์พแหวนด้วยสายตาเป็นห่วง พลางถามว่า “อาจารย์ปลาคาร์พแหวนของฉันจะเป็นอะไรไหม?”
“มันไม่เป็นไรหรอก อีกเดี๋ยวก็หายดีแล้ว” ฉินเหวินทำให้เขามั่นใจ
จากมุมมองของเฉียวซาง อาจารย์หญิงเพียงคนเดียวในสนามสอบเดินเข้าไปหาปลาคาร์ปวงแหวนเป็นคนแรกจากนั้นก็ทำสัญลักษณ์มือเรียกกลุ่มดาวสีเหลืองส้มออกมา
นั่นเป็นสัญลักษณ์ของผู้ฝึกสัตว์อสูรระดับ C
แน่นอนว่าอาจเป็นไปได้ด้วยว่าโดเมนสมองและตำราของเธอไปถึงระดับ C แล้ว แต่เธอยังไม่ได้รับเข้าการทดสอบเลื่อนขั้นจากพันธมิตร
สัตว์อสูรสีขาวสูงประมาณสามเมตรปรากฏตัวบนกลุ่มดาวสีเหลืองส้ม
หัวมีรูปทรงหยดน้ำ เรียวเล็กหากเทียบกับสัดส่วนของลำตัว ดวงตาและปากเล็กๆขนาดเท่าเมล็ดถั่วของมันเหยียดยาวไปถึงหู มีลิ้นยาวกว่าครึ่งหนึ่งของส่วนสูงของมันห้อยลงมา
สัตว์อสูรเดินไปที่ปลาคาร์ปวงแหวนและใช้ลิ้นยาวหนาของมันเลียปลาตั้งแต่หัวจรดหาง
นั่นยังไม่พอ หลังจากเลียเสร็จไปครั้งหนึ่ง มันก็ใช้ลิ้นตวัดพลิกตัวปลาคาร์ปวงแหวนแล้วเลียตั้งแต่หัวจรดหางอีกครั้ง
น่าแหยงสุดๆ…
เฉียวซางที่แอบมึนหัวหน่อยๆเพราะนอนน้อย ตัวสั่นและตื่นตัวอย่างเต็มที่ทันที
สัตว์อสูรสีขาวตัวนี้ถูกเรียกว่าหยดปลายลิ้น น้ำลายที่หลั่งออกมาจากลิ้นของมันสามารถรักษาอาการบาดเจ็บภายนอกได้อย่างรวดเร็ว
หากใครอยากเป็นหมอในอนาคต การทำสัญญากับหยดปลายลิ้นนับเป็นตัวเลือกที่ดีตัวเลือกหนึ่ง
หลังจากเลียด้วยลิ้นไปถึงสองรอบ ปลาคาร์ปวงแหวนก็กลับมายืนหยัดด้วยหางได้อีกครั้งและได้รับการฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว
ถ้าไม่ใช่เพราะสภาพที่เหมือนพึ่งถูกเอาออกจากมาจากน้ำของมัน คงไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เฉียวซางกอดสุนัขเขี้ยวเพลิงของเธอแน่นขึ้นเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว
“ย่าห์?”
สุนัขเขี้ยวเพลิงหันหัวมองมาทางเธอ
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่ดีใจที่แกไม่ได้รับบาดเจ็บ” เฉียวซางกล่าว
"ย่าห์~"
ดวงตาของสุนัขเขี้ยวเพลิงชุ่มชื้นเป็นประกายด้วยความยินดี
"แกต้องทำให้มั่นใจนะว่าแกจะไม่ได้รับบาดเจ็บ" เฉียวซางเตือนอย่างจริงจัง
"ย่าห์!" สุนัขเขี้ยวเพลิง พยักหน้าและมีแรงสู้
ดูเหมือนเจ้านายของมันจะกังวลมาก มันจะไม่ทำให้เธอผิดหวัง!
เมื่อเห็นว่าสุนัขเขี้ยวเพลิงกำลังรู้สึกซาบซึ้ง เฉียวซางก็กลืนคำพูดที่เหลือของตัวเองลงท้อง
เอาเป็นว่าถ้ามันบาดเจ็บ ฉันคงต้องหยุดกอดมันไปสักพัก...
สิบคนถูกจับคู่เป็นห้ากลุ่มเพื่อแข่งขัน ตอนนี้แข่่งไปแล้วหนึ่งเหลืออีกสี่รอบ
เฉียวซางมองไปทางสนาม ใครก็ตามที่ชนะอาจเป็นคู่ต่อสู้คนถัดไปของเธอ
แม้ว่าเธอจะมั่นใจ แต่การดูถูกคู่ต่อสู้ไม่ใช่เรื่องดี
นั่นเป็นเหตุผลที่เธอให้สุนัขเขี้ยวเพลิงสวมแว่นกันแดดและเอาจริงตั้งแต่ต้น
ในนัดที่สอง เด็กชายสองคนได้เรียกสัตว์อสูรของพวกเขาออกมาแล้ว
ตัวหนึ่งคืองูหางสั้น ส่วนอีกตัวเป็นหนูโพรงทราย ทั้งสองตัวเป็นตัวเลือกยอดนิยมของผู้ฝึกสัตว์อสูรมือใหม่
“เจ๊ใหญ่ เธอว่าใครจะชนะ?” เสียงผู้หญิงถามขึ้นจากทางด้านซ้ายของเธอ
เฉียวซางหันศีรษะของเธอและเห็นหญิงสาวผมบ๊อบที่ได้คุยกับเธอก่อนการแข่งขันเมื่อกี้ โดยมานั่งอยู่ตรงที่ว่างข้างๆเธอ
“ถ้าไม่มีอะไรผิดแปลกไป ฉันว่างูหางสั้น” เฉียวซางตอบ
"ถ้าไม่มีอะไรผิดแปลกหมายถึงถ้าเจ้าหนูโพรงนั่นไม่ได้เก่งเหนือมนุษย์มนาแบบสุนัขเขี้ยวเพลิงของเจ๊ใหญ่น่ะเหรอ?” เจิ้งอี้หนิงเอ่ยแซว
งูหางสั้นชนะทางหนูโพรงทรายตามธรรมชาติ เช่นเดียวกับที่ปลาคาร์ปวงแหวนชนะทางสุนัขเขี้ยวเพลิง ถึงอย่างงั้นเจ้าหมานั่นกลับเอาชนะได้อย่างไร้ปราณี—ถ้านั่นไม่เรียกว่าผิดแปลก จะให้เรียกว่าอะไร?
“ฉันเฉียวซาง” เฉียวซางแนะนำตัวเองโดยหวังว่าหญิงสาวจะหยุดเรียกเธอแบบนั้น
“โอเคร เจ๊ใหญ่เฉียว” เจิ้งอี้หนิงพยักหน้า
เฉียวซาง: ...
“เจ๊ใหญ่เฉียว ฉันชื่อเจิ้งอี้หนิง” เจิ้งอี้หนิงกล่าวต่อ
เฉียวซาง: …เอาล่ะเจ๊ใหญ่ก็เจ๊ใหญ่
การแข่งขันดำเนินไปตามปกติ ไม่มีอะไรผิดแปลก
ทันทีที่หนูโพรงทรายโผล่ออกมาจากโพรง เขี้ยวของงูหางสั้นก็จมเข้าร่างของมันอย่างแม่นยำ ทำให้มันสลบไปในทันที
นัดที่สาม เจิ้งอี้หนิง ปะทะ เด็กผู้ชายคนหนึ่ง
สัตว์อสูรของเจิ้งอี้หนิงคือแมวหูยาว
หลังและหางมีสีชมพูอ่อน ส่วนท้องเป็นสีครีม
หูของมันยาวกว่ากระต่ายทั่วไปและตั้งตรงชี้ฟ้า และดวงตาสีเขียวมรกตของมันปิดลงครึ่งหนึ่งอย่างเกียจคร้าน ละลายหัวใจสาวน้อยอันโหลงเหลงของเฉียวซางจนอ่อนยวบ
อย่างไรก็ตาม สัตว์อสูรของเด็กชายคนนั้นเป็นหมูทะลวงฟ้า เป็นสัตว์ที่มีลำตัวสีเทาขาวและมีปีกที่มีสีเดียวกัน มันเป็นสัตว์อสูรที่มีทั้งคุณสมบัติประเภทดินและบิน
“สุนัขเขี้ยวเพลิง แกคิดว่าใครจะชนะ?” เฉียวซางถาม
สุนัขเขี้ยวเพลิงเฝ้าดูการแข่งขันแบบผ่านๆ เมื่อได้ยินคำถาม ดวงตามันก็หรี่ลงและเริ่มวิเคราะห์อย่างจริงจัง
หลังจากเปรียบเทียบแล้ว มันก็เลือกหมูทะลวงฟ้า ซึ่งดูแข็งแกร่งกว่าและบินได้
สิบหกนาทีต่อมา หมูทะลวงฟ้าก็นอนนิ่งอยู่กับพื้น
"ย่าห์" สุนัขเขี้ยวเพลิงคำรามด้วยความหงุดหงิด
มันคิดผิด
“จริงอยู่หมูทะลวงฟ้าดูจะแข็งแกร่งกว่า แต่มันก็มีจุดอ่อนอย่างชัดเจน นั่นคือร่างกายที่บอบบาง แถมยังช้าอีก ขอแค่สามารถยื้อเวลาได้สุดท้ายมันก็จะหมดแรงไปเอง กลับกันเจ้าแมวหูยาวนั่นเอาแต่หลบ พออีกฝ่ายเริ่มหมดแรงมันค่อยโจมตีเพื่อปิดเกม” เฉียวซางอธิบายให้สุนัขเขี้ยวเพลิงฟัง
"ย่าห์" ดวงตาของสุนัขเขี้ยวเพลิงเบิกกว้างด้วยความเข้าใจ
แบบนี้นี่เอง!
การแข่งขันนัดที่สี่และห้าผู้ชนะเป็นชายหนุ่มสองคนที่มีสัตว์อสูรเป็นนกอวบและผึ้งหางเหล็กตามลำดับ
เฉียวซางลองนึกภาพการแข่งขันในทุกนัดและจินตนาการในหัวว่าจะเอาชนะคนพวกนั้นยังไง
ตามที่คาดไว้... ดูเหมือนเธอชนะได้สบายๆ...
เมื่อคิดได้แบบนี้ เธอก็รีบส่ายหัวออกมา
เธอบอกว่าจะไม่ดูถูกคู่แข่ง...
ในบรรดาห้าคนที่แพ้ พวกเขาจะแข่งเพื่อเลือกผู้ชนะหนึ่งคนเพื่อเข้าแข่งขันต่อกับคนที่เหลือ
การแข่งขันนี้ไม่ได้กินเวลามากอย่างที่เธอคิด มันเหมือนกับเป็นการรังแกอยู่ฝ่ายเดียวด้วยซ้ำ
ผู้ชนะคือหลู่เหลียงเย่
ตอนนี้หลี่หยางไม่สงสัยเลยว่าคนที่แม่เอาเขาไปเทียบด้วยคือคนคนนี้จริงๆ
ทั้งการประสานงาน เทคนิค ทุกอย่างล้วนเหนือกว่าอีกสี่คนที่เหลือโดยสิ้นเชิง แทบจะลบภาพที่แพ้ในรอบแรกอย่างอนาถไปจนหมด
ดูเหมือนปัญหาที่แท้จริงจะเป็นผู้หญิงคนนั้นสินะ...
หลี่หยางเหลือบมองหญิงสาวกำลังเดินไปที่สนามและสวดภาวนาอย่างเงียบๆ
จะเจอใครก็ได้ แต่ไม่เอาคนนี้!
เขายังอยากติดสามอันดับแรกอยู่!
ทันทีที่เฉียวซางก้าวเข้าสู่สนาม หลู่เหลียงเย่ก็เดินเข้ามาหาเธอและพูดด้วยท่าทีมุ่งมั่นว่า "ครั้งต่อไปที่เราพบกัน ฉันจะไม่แพ้เธอแน่!"
เฉียวซางตอบกลับเพื่อให้กำลังใจอีกฝ่าย "ขอให้ฝันเป็นจริงนะ"
หลู่เหลียงเย่: ...
เขารู้สึกเหมือนเธอกำลังถากถางเขา แต่เขาไม่มีหลักฐาน
เช่นเดียวกับรอบก่อน พวกเขาต้องจับฉลากและคนที่ได้หมายเลขเดียวกันต้องแข่งกันเอง
เฉียวซางจับฉลากและตรวจสอบมัน—มันคือหมายเลข 1
เบอร์สวย
ดูเหมือนวันนี้จะมีโชค
“ใครได้หมายเลข 1 บ้าง” ฉินเหวินถาม
"ผม" หลู่เหลียงเย่ตอบ
"ฉันด้วยค่ะ" เฉียวซางกล่าวต่อ
ทุกคนหันไปมอง
หลู่เหลียงเย่: .......
เขาพูดว่าครั้งต่อไป แต่ไม่ได้หมายถึงให้เร็วขนาดนี้!