บทที่ 32: โทษทีนะ
บนอัฒจันทร์ผู้เข้าแข่งขันที่เหลืออีกแปดคนนั่งเรียงใกล้กับสนาม
เด็กชายหน้าตาบอบบางถามว่า “พวกนายคิดว่าใครจะชนะ”
“บางทีอาจจะผูุ้หญิงมั้ง เธอทำสัญญากับสุนัขเขี้ยวเพลิง” เจิ้งอี้หนิงตอบ
ตอนที่เธอเข้าไปคุยด้วยก่อนหน้านี้ เธอสังเกตุเห็นอย่างชัดเจนว่าสุนัขเขี้ยวเพลิงนั้นเข้ากันได้ดีกับหญิงสาวขนาดไหน
นี่ไม่เหมือนกับเรื่องราวของมือใหม่ทั้งหลายที่มักจะเจอปัญหาจากการทำสัญญากับสัตว์อสูรประเภทไฟ
ถ้าเธอฝึกมันมาเป็นอย่างดี การใช้มันเข้าสู้คงไม่เป็นปัญหา
“นี่เธอไม่รู้เหรอว่าหลู่เหลียงเย่เป็นใคร” หลี่หยางซึ่งนั่งอยู่ใกล้ๆเข้าร่วมบทสนทนา
"พวกเสแสร้ง"
“ไอ้งี่เง่าที่พิมพ์บอกในกลุ่มว่าผู้เชี่ยวชาญจะมาทีหลังเสมอ”
หลี่หยาง: ...
“หมอนั่นปลุกพลังสำเร็จตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว เคยขึ้นหน้าหนึ่งของสำนักข่าวในเมืองด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่เพราะสอบมัธยมปลายของปีก่อนจบลงก่อน หมอนั่นคงเป็นนักเรียนปีแรกของโรงเรียนหลี่ตันตั้งแต่ปีก่อนแล้ว”
“แล้วหมอนั่นมาสอบที่โรงเรียนเซินซุ่ยได้ยังไง?” เด็กชายที่ดูบอบบางตกตะลึง
ไม่ใช่ว่าเขาดูถูกโรงเรียนเซินซุ่ย แต่หลี่ตันเป็นโรงเรียนอันดับหนึ่งไหนมณฑลเจ้อไห่ ในเมื่อเลือกอันดับหนึ่งได้จะสนใจอันดับสองไปทำไม
นอกจากนี้ ถ้าเขาเลือกเซิงซุ่ยจริงๆไม่ใช่ว่าเขาควรจะได้รับการแนะนำและผ่านเข้าการคัดเลือกโดยตรงหรอกเหรอ?
ทำไมต้องมาสอบเข้าเรียนพิเศษแบบนี้ด้วย? แบบนี้แสดงว่าหนึ่งในห้าของตำแหน่งผู้ที่จะได้รับเลือกถูกกำหนดไว้แล้วใช่ไหม?
"ไม่รู้สิ" หลี่หยางตอบ
ใครจะรู้ว่าหลู่เหลียงเย่ผู้เสแสร้งกำลังคิดอะไรอยู่?
เมื่อฟังการสนทนาเจิ้งอี้หนิงก็แอบเห็นใจหญิงสาวในสนามเล็กน้อย
แม้จะมีสุนัขเขี้ยวเพลิง แต่คู่ต่อสู้ของเธอก็เป็นคนที่มีแนวโน้มมากที่สุดที่จะชนะและเป็นอันดับหนึ่ง การต้องเผชิญหน้ากับเขาตั้งแต่รอบแรกนับว่าโชคร้ายจริงๆ
ในสนาม เฉียวซางหยิบแว่นกันแดดทรงสามเหลี่ยมสีเขียวเข้มจากกระเป๋าเป้สะพายหลังของเธอ และสวมมันให้กับสุนัขเขี้ยวเพลิง
มันเป็นสีและสไตล์ที่สุนัขเขี้ยวเพลิงชอบที่สุด
การฝึกฝนที่ผ่านมาทั้งหมดมีขึ้นเพื่อวันนี้ ดังนั้นเธอจะเอาจริงตั้งแต่เริ่ม
"ย่าห์!"
เมื่อสวมแว่นกันแดดทรงสามเหลี่ยมสีเขียวเข้ม สุนัขเขี้ยวเพลิงก็เงยหน้าขึ้นและทำท่าทางเท่ๆ พร้อมแผ่บรรยากาศที่ต่างจากเดิมในพริบตา
"กฎการต่อสู้คือ หนึ่งต่อหนึ่ง ปล่อยสัตว์อสูรออกมาและรอฟังสัญญาณเริ่มการต่อสู้จากฉัน หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งล้มลงหรือสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ จะถือว่าแพ้การแข่งขัน" ซุ่นปั๋วอวี้ประกาศ
การแข่งขันประเภทนี้ซึ่งไม่มีกฎตายตัวว่าใครจะได้เป็นฝ่ายโจมตีก่อน ค่อนข้างได้รับความนิยมในทุกวันนี้
โดยเน้นไปที่การวิเคราะห์ของผู้เข้าแข่งขันเองว่าควรจะสั่งให้คอยสังเกตการณ์หรือเป็นฝ่ายเปิดก่อน
“โทษทีนะที่ต้องเจอกับฉันตั้งแต่รอบแรก!” หลู่เหลียงเย่พูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มซึ่งขัดกับประโยคก่อนหน้าของเขาอย่างชัดเจน
เฉียวซาง: "..."
คนคนนี้...น่ารำคาญ
ในขณะพูดเขาก็เรียกสัตว์อสูรตัวสีฟ้าอ่อนออกมาจากตำรา
ปากมีสีเหลือง คอมีสีขาวล้อมรอบเสมือนปลอกคอ มันใช้ครีบสองข้างพยุงตัวแทนขา และใช้หางพยุงตัวให้ยืนตรง
มันเป็นสัตว์อสูรประเภทน้ำ ปลาคาร์ปวงแหวน
“ปลาคาร์ปวงแหวนเหรอ? ผู้หญิงคนนั้นซวยแล้ว ไม่ต้องพูดถึงความแข็งแกร่งของตัวสัตว์อสูรเองเลย ลำพังแค่ประเภทก็ลำบากแล้ว”
“พวกนายคิดว่าจะเอาชนะเจ้านั่นได้ไหมหากต้องสู้กับมันเข้า?”
"...อสูรของฉันเป็นประเภทดินที่เสียเปรียบน้ำเหมือนกัน ได้แต่ภาวนาว่าฉันจะไม่เจอเขาในรอบต่อไป!"
ผู้สมัครสอบบนอัฒจันทร์พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
เจิ้งอี้หนิงถอนหายใจ รู้สึกเสียใจแทนหญิงสาวในสนามยิ่งขึ้น
ซวยซ้ำซวยซ้อนซวยซ่อนเงื่อนอะไรขนาดนี้...
ทันใดนั้น ซุ่นปั๋วอวี้ก็ให้สัญญาณเพื่อเริ่มต้นการต่อสู้
“วิ่งเข้าไปใกล้ทำให้มันสับสนแล้วจัดการมันให้จบ” เฉียวซางออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด
ในชั่วพริบตา สุนัขเขี้ยวเพลิงก็พุ่งไปข้างหน้า
ความเร็วใช้ได้ ซุ่นปั๋วอวี้วิเคราะห์ในใจ
จะจบทั้งแบบนี้เลยรึเปล่า? หรือจะมีการพลิกล็อคกันเกิดขึ้น?
ลู่เหลียงเย่รู้สึกอยากหัวเราะออกมา และจริงๆแล้วเขาก็หัวเราะออกมา...
“ฮ่าๆ ใช้ปืนฉีดน้ำอย่าให้เข้ามาใกล้”
สำหรับปืนฉีดน้ำในความชำนาญขั้นต้น ระยะปกติจะอยู่ที่ประมาณ 2 เมตร อย่างไรก็ตาม ปืนฉีดน้ำของปลาคาร์ปวงแหวนยาวถึง 5 เมตร แสดงให้เห็นชัดเจนว่าอยู่ในระดับกลางแล้ว
สุนัขเขี้ยวเพลิงหลบการโจมตีได้อย่างง่ายดาย
ในชั่วพริบตา สุนัขเขี้ยวเพลิงก็ดูเหมือนจะแยกออกเป็นสองร่าง
ปลาคาร์ปวงแหวนสับสน ไม่แน่ใจว่าจะเล็งตัวไหน
สุนัขเขี้ยวเพลิงทั้งสองขนาบข้างปลาคาร์ปวงแหวนจากทั้งสองทิศอย่างรวดเร็ว เขี้ยวของพวกมันถูกห่อหุ้มไปด้วยเปลวเพลิง
“ใช้วงแหวนน้ำล้อมตัวแกไว้เลย!” หลู่เหลียงเย่ยังคงสั่งการอย่างใจเย็น
“ไฟนั่นไม่ได้ดูรุนแรงกว่าปกติใช่ไหม?”
หลี่หยางผู้ที่ดูเหมือนมีความรู้รอบตัวค่อนข้างมากถามขึ้น
“เหรอ? ไม่รู้ดิ พอดีฉันสายตาสั้น” เด็กชายที่ดูบอบบางหรี่ตามองไปที่สนามอย่างตั้งใจ
หลี่หยาง: ...
บนสนาม เขี้ยวเพลิงของสุนัขเขี้ยวเพลิงกัดเข้าไปในวงแหวนน้ำ แต่แทนที่จะถูกผลักออกอย่างที่หลายๆคนคิด วินาทีต่อมาวงแหวนน้ำก็แตกเป็นเสี่ยง และเขี้ยวก็จมลงในหัวของปลาคาร์ปวงแหวนอย่างโหดร้าย
"ริง!!ริง!!"
ปลาคาร์ปวงแหวนส่งเสียงร้องด้วยโอดครวญความเจ็บปวด
“เป็นไปไม่ได้! ปลาคาร์ปวงแหวน!” หลู่เหลียงเย่สูญเสียความสงบและตะโกนออกมาอย่างเร่งรีบ
ในขณะเดียวกัน…
“นั่นมันเขี้ยวเพลิงระดับกลางใช่ไหม?” ฉินเหวินตั้งข้อสังเกต
“สุนัขเขี้ยวเพลิงนั่นน่าประทับใจมาก ดูเเหมือนมันจะได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีตั้งแต่ก่อนทำสัญญาแน่ๆ” เจิ้งกั๋วผิงแสดงความคิดเห็น
“สุนัขเขี้ยวเพลิงตัวนี้อายุยังไม่ถึงสองเดือน” ชายที่เสยผมซึ่งเงียบมาจนถึงตอนนี้ตั้งข้อสังเกตุ
"นั่นเป็นไปไม่ได้" เจิ้งกั๋วผิงตอบอย่างไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน
“นี่นายสงสัยในคำพูดของรองผู้อำนวยการเหรอ?” ฉินเหวินเหลือบมองเขาจากด้านข้าง
เจิ้งกั๋วผิงได้แต่เงียบไม่รู้จะตอบกลับยังไง
รองผู้อำนวยการคือคนที่โรงเรียนมัธยมเซินซุ่ยขอร้องให้เขาเข้าดำรงตำแหน่่ง
เขาไม่เพียงแต่เป็นนักพัฒนาสัตว์อสูรระดับ A เท่านั้น แต่ยังเป็นนักวิจัยอาวุโสที่ได้รับรางวัลตงหยูอันทรงเกียรติอีกด้วย
เดิมทีเขาทำงานที่สถานวิจัยชั้นนำแต่เพราะผู้อำนวยการของโรงเรียนซึ่งเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ปิดล้อมบ้านเขาไว้เป็นเดือนๆและขอร้องอย่างหน้าด้านๆให้เขายอมเข้ารับตำแหน่ง สุดท้ายเขาก็ต้องตกลงอย่างช่วยไม่ได้
ถ้าเขาบอกว่าสุนัขเขี้ยวเพลิงอายุต่ำกว่าสองเดือน มันก็คงจะ... อายุต่ำกว่าสองเดือนจริงๆ
เจิ้งกั๋วผิงมองไปที่สุนัขเขี้ยวเพลิงบนสนาม ซึ่งเพิ่งปล่อยปลาคาร์ปวงแหวนออกจากปาก และเดินอวดเบ่งไปรอบๆด้วยความภาคภูมิใจ
แม้ว่าแว่นกันแดดสีเขียวเข้มจะบังตา แต่การที่มันเชิดหน้า ดันอกและแสยะยิ้ม—ก็ชัดเจนแล้วว่ามันอยากจะบอกทุกคนว่ามันชนะ...
สุนัขเขี้ยวเพลิงตัวนี้อายุน้อยกว่าสองเดือนจริงหรือ?
บนสนามปลาคาร์ปวงแหวนนอนหมดสติอยู่บนพื้น
หลังจากที่ซุ่นปั๋วอวี้ประกาศผล เฉียวซางก็เดินไปหาหลู่เหลียงเย่แล้วพูดว่า "โทษทีนะที่ต้องเจอกับฉันตั้งแต่รอบแรก"
หลู่เหลียงเย่: “....”
เฉียวซางอุ้มสุนัขเขี้ยวเพลิงขึ้นมาแล้วเดินไปที่อัฒจันทร์
ก่อนการฝึกฝน เธอยังกล้าพอที่จะนำสุนัขเขี้ยวเพลิงไปท้าประลองกับนักเรียนของโรงเรียนฝึกอสูรฮันกังที่ 37 และชนะรวดทั้งสามยก
ตอนนี้ด้วยความแข็งแกร่งของสุนัขเขี้ยวเพลิงที่พัฒนาขึ้นอย่างมาก แถมคู่ต่อสู้ของเธอยังเป็นแค่นักเรียนมัธยมต้นที่ยังไม่ได้สอบจงเกาด้วยซ้ำ เธอจะแพ้ได้ยังไง
การชนะถือเป็นเรื่องปกติ
ทันทีที่เฉียวซางนั่งลง เธอก็อดไม่ได้ที่จะหาวออกมาอีกครั้ง
ผู้สมัครเข้าสอบคนอื่นๆ มองเธอด้วยความหวาดระแวงปนชื่นชม
เป็นชัยชนะที่โหดเหี้ยมและเฉียบขาดมาก!
เป็นไปไม่ได้เลยที่คนธรรมดาจะสามารถทำอะไรแบบนี้ได้