ตอนที่แล้วบทที่ 29: แกต้องเป็นระดับ S อย่างแน่นอน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 31: เขาต้องเอาชนะพวกเราได้แน่ๆ

บทที่ 30: มาถึงเร็วเกินไปหน่อย


สุนัขเขี้ยวเพลิงที่ขดตัวอยู่ในอ้อมแขนของเจ้านายของมันจนแน่ใจว่ามันปลอดภัย จากนั้นจึงค่อยๆหันหน้าไปมอง

"ย่าห์!"

เพียงแค่่หางตา ขนทั่วร่างก็ลุกพรึบแบบไม่ได้นัดหมาย

มันหายไปไหนแล้ว!

เมื่อรับรู้ว่าสุนัขเขี้ยวเพลิงกำลังคิดอะไรอยู่ เฉียวซางก็หมดคำจะพูด

นี่มันกลัวร่างแยกเงาตัวเองจริงดิ?

แต่ก็ว่าไม่ได้ บางทีสุนัขเขี้ยวเพลิงอาจไม่รู้ว่านี่เป็นทักษะใหม่ของมัน

มีผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่าสัตว์อสูรหลายชนิดอาจเผลอเรียนทักษะใหม่ๆได้โดยไม่รู้ตัว

บางตัวเรียนรู้จากประสบการณ์ที่สั่งสมมา ส่วนบางตัวก็เรียนรู้เพราะได้รับอิทธิพลจากสภาพแวดล้อมภายนอกจนไปกระตุ้นพลังแฝงภายในให้ตื่นขึ้น

ไม่กี่วันก่อน พึ่งมีคดีฟ้องร้องทางแพ่งเกิดขึ้นในภูมิภาคเหลียนโปในระหว่างการแข่งขันสัตว์อสูร โดยต้นเหตุเกิดจากสัตว์อสูรตัวหนึ่ง

คุณหวังจากเย่เฉิงกำลังดูการแข่งขันในที่นั่ง 16 แถว 21 ของโซน B พร้อมกับเจ้าลูกบอลพฤกษาของเขา

อาจเพราะการแข่งขันน่าตื่นเต้นเกินไปหน่อย และลูกบอลพฤกษาก็เกิดสัมผัสได้ถึงพลังงานภายในของตัวเองและเรียนรู้ทักษะผงหลับใหลโดยไม่รู้ตัวและเผลอปล่อยมันออกมา ทำให้ผู้ชมหลายคนในแถวที่ 20, 21 และ 22 ของโซน B เผลอหลับไป พลาดการแข่งขันทุกนัด

หลังจากนั้น แม้นายหวังจะยินดีชดเชยค่าตั๋วให้พวกเขาทั้งหมด แต่ก็มีผู้ชมบางคนเดินทางมาจากพื้นที่อื่นเพื่อเข้าชมโดยเฉพาะ และเรียกร้องค่าเสียหายเพิ่มเติมทั้งค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และค่าที่พัก

แน่นอนว่านายหวังนั้นปฏิเสธ จนเกิดเป็นคดีฟ้องร้องขึ้น

สุนัขเขี้ยวเพลิงจัดอยู่ในหมวดสัตว์อสูรที่สามารถเรียนรู้ทักษะใหม่ได้โดยไม่รู้ตัวจากอิทธิพลภายนอก ก่อนหน้านี้มันก็็เรียนรู้ทักษะเพลิงปะทุในลักษณะเดียวกัน

ตอนที่มันตกใจกลัวทำให้พลังมันไม่เสถียร ร่างเงาของมันจึงหายไปในที่สุด

อย่างไรก็ตามสุนัขเขี้ยวเพลิงเข้าใจสถานการณ์ผิดไป มันคิดไปในแนวสยองขวัญ เนื่องจากหนังที่เฉียวซางเปิดให้มันดูยังคงตราตรึงใจจนถึงทุกวันนี้

“ย่าห์! ย่าห์ ย่าห์”

"ย่าห์ ย่าห์ ย่าห์!"

"ย่าห์!"

สุนัขเขี้ยวเพลิงชี้อุ้งเท้าของมันไปในทิศทางที่ร่างเงาเพิ่งหายไป และบอกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเฉียวซางอย่างบ้าคลั่ง

“นั่นมันคือร่างเงาของแกต่างหาก” เฉียวซางอธิบาย

“ย่าห์?”

การเคลื่อนไหวของสุนัขเขี้ยวเพลิงหยุดชะงัก ดวงตาสีเข้มของมันเต็มไปด้วยความสับสน

"ยินดีด้วย ตอนนี้แกได้เรียนรู้ทักษะใหม่แล้ว" เฉียวซางกล่าวด้วยรอยยิ้ม

สุนัขเขี้ยวเพลิงเข้าใจแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

มันตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เริ่มสัมผัสและปรับพลังงานภายในร่างกายของมัน

ทันใดนั้น สุนัขเขี้ยวเพลิงอีกตัวหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นที่เท้าของของเด็กสาวซึ่งเหมือนกับตัวมันทุกประการ

แม้แต่ขนที่หลุดรุ่ยตอนถูกลูกบอลพุ่งเข้าใส่เมื่อครู่ก็ยังเหมือนกัน

"ย่าห์!"

สุนัขเขี้ยวเพลิงรู้สึกตื่นเต้นมาก มันกระโดดออกจากอ้อมแขนของเฉียวซางและวนรอบๆร่างเงาของมันอย่างตื่นเต้น และสังเกตุดูอย่างใกล้ชิด

เมื่อได้เรียนรู้ทักษะใหม่ เจ้าหมาก็ลืมเรื่องฝึกหลบบอลไปโดยสิ้นเชิง และแน่นอนว่าเฉียวซางเองก็ไม่ได้เตือนมันแต่อย่างใด

ขณะที่พวกเธอเดินออกจากศูนย์ฝึกเทนนิส เฉียวซางรู้สึกเสียใจเล็กน้อยขณะเดินผ่านศูนย์ฟื้นฟูสัตว์อสูร

ถ้าไม่ใช่เพราะสูญเสียเหรียญพันธมิตร 5,000 เหรียญเมื่อคืนนี้ เธอคงจะพาสุนัขเขี้ยวเพลิงเข้าไปใช้บริการเพื่อผ่อนคลายแล้ว

เมื่อกลับบ้านเฉียวซางเปิดคอมพิวเตอร์และค้นหาคอนเทนต์เกี่ยวกับวิธีการนวดสัตว์อสูร

หลังจากคลิกสุ่มๆไป เธอก็ทดลองทำตามหนึ่งในคลิปที่มียอดวิวสูงที่สุดดู

ถ้าเราไม่มีเงินเข้าศูนย์ฟื้นฟูสัตว์อสูร เราก็ต้องทำเองให้ได้!

“เป็นไงรู้สึกดีมั้ย?” เฉียวซางถามเบา ๆ

"ย่าห์"

สุนัขเขี้ยวเพลิงตอบกลับอย่างไม่เต็มใจนัก

มันนอนตะแคง โดยหันหัวไปทางวิดีโอ บนหน้าจอ ชายร่างกำยำกำลังนวดหมูเขี้ยวแหลมที่มีหนังหนาอยู่ หมูเขี้ยวหนามปล่อยเสียงฮึดฮัดออกมาอย่างพึงพอใจเป็นระยะๆ

สุนัขเขี้ยวเพลิงมองที่หน้าจอ จากนั้นรู้สึกถึงแรงกดจากการนวดของเจ้านายของมันบนตัวเอง และรู้สึกได้ว่ากระบวนการนี้มันมีบางอย่างผิดปกติ

เช้าวันรุ่งขึ้น

06:10 น.

เฉียวซางซึ่งมีรอยคล้ำใต้ตาปรากฏตัวขึ้นในห้องนั่งเล่น เธอมองไปรอบๆและเห็นว่าแม่ของเธอยังคงนอนหลับอยู่ในห้องของตัวเอง

ยังเช้าอยู่เลย...

เมื่อคืนนี้เป็นวันของการแข่งขันศึกชิงถ้วยอวกาศในนัดที่เธอพนันเอาไว้

เมื่อนึกถึงว่าเธอนอนไม่หลับหลังจากแพ้นัดที่แล้ว เธอจึงตัดสินใจไม่ดูการถ่ายทอดสดเมื่อคืนนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการนอนไม่หลับอีก เพราะมันอาจส่งผลกระทบต่อการสอบของเซินซุ่ยในวันนี้ได้

แต่ยิ่งเธอพยายามจะนอนมากเท่าไหร่ เธอก็นอนไม่หลับมากขึ้นเท่านั้น...

ในหัวเอาแต่กังวลเกี่ยวกับการแข่งขัน แถมลามไปถึงการสอบเข้าในวันรุ่งขึ้น กว่าจะได้นอนอีกทีก็ปาเข้าไปตี 2 แล้ว

และเพราะจิตใจที่ว้าวุ่นนั่นเอง ทำให้เธอสะดุ้งตัวตื่นตั้งแต่นาฬิกาปลุกยังไม่ดัง

เฉียวซางพยายามไม่กระสับกระส่ายและเริ่มเตรียมอาหารเช้า ขณะเจ้าหมาน้อยกระดิิกหางรอกินอย่างระริกระลี้

ดูเหมือนเจ้าตัวน้อยนี่จะมีพลังเต็มเปี่ยม...

ไม่เสียแรงเลยที่เมื่อวานอุตส่าห์นวดจนปวดมือ

หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ เฉียวซางก็เก็บส่วนของแม่เอาไว้ในหม้อและเดินทางไปยังรถไฟฟ้าใต้ดิน

โรงเรียนมัธยมเซินซุ่ย ตั้งอยู่ในเขตเป่ยเตี๋ยน ในเมืองฮันกัง ซึ่งไกลจากบ้านของเฉียวซางพอสมควร

ถ้าเธอขึ้นรถประจำทาง เธอจะต้องเปลี่ยนรถสี่หรือห้าสาย แต่ถ้านั่งรถไฟฟ้าใช้แค่ 2 สายก็ไปถึงแล้ว

โรงเรียนมัธยมเซินซุ่ย

ข้างๆสนามกลางแจ้ง มีคนสองสามคนนั่งอยู่บนอัฒจันทร์

“นี่ฉินเหวิน หลัวเฉียนยังไม่มาถึงอีกเหรอ?” ถามโดยชายวัยกลางคนผมเรียบและพุงโต

ว่ากันว่าชายวัยกลางคนพุงใหญ่ส่วนมากจะให้ความรู้สึกที่ไม่น่าเข้าใกล้ แต่ชายคนนี้มีผมเรียบสลวย แถมใบหน้ายังมีเค้าโครงที่ดี ทำให้คนที่เห็นต้องเดาได้ในทันทีว่าคนๆนี้ตอนหนุ่มต้องหล่อมากแน่ๆ

“ยัง ฉันโทรตามแล้ว แต่เขาอ้างว่ารถติด” หญิงสาวในชุดสูทกระโปรงทรงเอตอบ

“แถไม่เนียนจริงๆไอ้เวรนี่ เมื่อวานมันพึ่งลงโซเชียลมีเดียว่าไปกินเหล้าที่บาร์จนดึก ตอนนี้คงลุกไม่ไหวละสิท่า ทำตัวไม่เหมาะสมกับการเป็นอาจารย์เลยจริงๆ” ชายวัยกลางคนหรือเจิ้งกั๋วผิงเบะปากเยาะเย้ย

“นายเป็นคนจ้างเขาเข้ามาเองแท้ๆ” ชายอีกคนที่กำลังพลิกหน้าเอกสารพูดขึ้น

“ซุ่นปั๋วอวี้ นายจะมาว่าฉันคนเดียวก็ไม่ถูก ตอนนั้นนายเองก็เห็นชอบเหมือนกันไม่ใช่รึไง?” เจิ้งกั๋วผิงโต้กลับ

“นั่นเป็นเพราะนายติดสินบนฉันด้วยไข่มุกมวลน้ำต่างหาก” ซุ่นปั๋วอวี้ตอกกลับ

"นี่แก-!" เจิ้งกั๋วผิงโกรธจนควันออกหู

“เอาล่ะ เอาล่ะ หยุดทะเลาะกันได้แล้ว เรามีเรื่องสำคัญที่ต้องจัดการ คราวนี้มีนักเรียนน่าสนใจบ้างไหม?” ชายวัยกลางคนอีกคนที่จัดผมเสยไปด้านหลังเข้าแทรกและเปลี่ยนเรื่อง

"นักเรียนที่น่าสนใจส่วนมากอยู่ในพวกที่ได้รับคำแนะนำซะมากกว่า" เจิ้งกั๋วผิงกล่าวว่ายังคงหงุดหงิดอยู่

"อันที่จริงมีอยู่คนนึง" สายตาของซุ่นปั๋วอวี้ค้างไว้ที่กระดาษแผ่นหนึ่ง

“เคยได้ยินเกี่ยวกับหลู่เหลียงเย่จากโรงเรียนมัธยมไท่ตันไหม? เมื่อประมาณครึ่งปีก่อนเขาเคยออกข่าวอยู่”

“เด็กที่ปลุกพลังขึ้นเองตั้งแต่ช่วงเปิดเทอมมัธยมต้นปีที่ 3 ใช่ไหม?” ฉินเหวินถาม

“ใช่ คนนั้นแหละ” ซุ่นปั๋วอวี้ตอบ

เด็กส่วนใหญ่ที่ปลุกพลังขึ้นเองจะปลุกพลังได้ตอนช่วงอายุประมาณ 15 ปี แต่หลู่เหลียงเย่ปลุกพลังได้ตั้งแต่ 14

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าตอนนั้นการสอบจงเกาสิ้นสุดลงแล้ว และโควตาโรงเรียนทั้งหมดได้รับการจัดสรรเป็นที่เรียบร้อยหลู่เหลียงเย่คงได้รับอนุญาตให้ข้ามชั้นและเข้าเรียนมัธยมปลายโดยตรง

“แล้วทำไมเขาไม่ได้รับคำแนะนำล่ะ” ฉินเหวินถาม

“หลังจากปลุกพลังขึ้นแล้วเขาก็ไม่ค่อยไปเรียน ทำให้คะแนนในชั้นลดลง” ซุ่นปั๋วอวี้อธิบาย

ฉินเหวินพยักหน้ารับ

เขาคงพบว่าการเรียนน่าเบื่อหลังจากทำสัญญากับสัตว์อสูรแล้ว

หากเป็นเช่นนั้น หลู่เหลียงเย่ที่ทำสัญญากับสัตว์อสูรมานานกว่าครึ่งปี ต้องแกร่งกว่านักเรียนคนอื่นมากแน่ๆ

ภายนอกโรงเรียนมัธยมเซินซุ่ย

เฉียวซางนั่งลงข้างแปลงดอกไม้ กำลังฝันหวาน

เธอมาถึงเร็วเกินไปหน่อย

ประตูรั้วยังไม่เปิดเลย...

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด