บทที่ 3: ย้ายบ้าน
“แม่ แม่ตบหัวหนูทำไมเนี่ย”
เย่เซียงถิงกัดฟันแน่น
“ในเมื่อปลุกพลังสำเร็จจะถอนหายใจทำพระแสงอะไร!”
“ผู้ตรวจสอบบอกว่าความผันผวนภายในโดเมนสมองของหนูยังต้องระมัดระวังต้องให้ความสำคัญกับการพักผ่อนมากๆ แต่ตอนนี้เหลือเวลาอีกแค่ 20 วันก่อนสอบเข้า หนูก็ต้องกังวลว่ามันจะกระทบกับผลการเรียนของหนูเป็นธรรมดา” เฉียวซางตอบด้วยความไร้เดียงสา
เย่เซียงถิง: “…”
“ทำอะไรน่ะแม่!”
"แม๊!"
หญิงยุคใหม่คนนั้นหายไปไหนกัน!?
พฤกษานำโชคที่ออกมาพร้อมกับฉางซางถูกทิ้งให้โดดเดี่ยวอย่างสมบูรณ์แบบ มันมองไปทางสองแม่ลูกด้วยความไม่พอใจ
“ลิกัว!”
ไม่อนุญาตให้วิ่งหรือสร้างความปั่นป่วนในศูนย์รับรองผู้ฝึกสัตรอสูรนะ!
…..
เมื่อกลับมาถึงบ้าน เฉียวซางขังตัวเองอยู่ในห้องและเปิดคอมพิวเตอร์
ตอนแรกแม่ของเธอวางแผนจะพาเฉียวซางไปรับอสูรในช่วงบ่าย แต่เฉียวซางปฏิเสธ
เนื่องจากผู้ฝึกสัตว์อสูรเป็นอาชีพยอดนิยมในโลกนี้ การเลือกเลี้ยงอสูรที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากมีความเป็นไปได้สูงที่คนๆ หนึ่งจะสัญญากับอสูรร้ายได้เพียงแค่ตัวเดียวในช่วงชีวิตของพวกเขา
ระดับของผู้ฝึกสัตว์อสูรมีตั้งแต่ F ถึง SSS
ผู้ฝึกสัตว์อสูรระดับ F เป็นระดับที่เข้าถึงง่ายที่สุด ตราบใดที่พวกเขาปลุกตำราอสูรเมื่ออายุครบ 15 ปี และทำสัญญากับสัตว์อสูรพวกเขาก็สามารถขอใบรับรองได้ทันที
หากต้องการเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรระดับ E อย่างแรกจะต้องพัฒนาโดเมนสมองของตนให้ถึง 10% ก่อนจึงจะสามารถฝึกอสูรตัวที่สองได้
จากนั้น พวกเขาต้องมีอสูรอย่างน้อยสองตัวที่พัฒนาร่างหนึ่งครั้งและเข้าสู่ขอบเขตของอสูรระดับกลาง
ถัดไป พวกเขาจะต้องชนะการต่อสู้ 1 ต่อ 1 กับผู้ทดสอบของพันธมิตรฝึกอสูร
เมื่อนั้นข้อมูลของพวกเขาจึงสามารถอัปเดตเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรระดับ E ได้
บางคนเลือกแมลงที่มีวงจรวิวัฒนาการสั้นกว่าอสูรชนิดอื่นเพื่อฝึกฝนเป็นอสูรระดับกลางอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นอสูรระดับกลางแต่แมลงก็ยังอ่อนแอเกินไป มีเฉพาะผู้ที่สามารถต่อสู้ได้อย่างยอดเยี่ยมเท่านั้นที่จะสามารถฝ่าบททดของของผู้ทดสอบไปได้
เฉียวซางดั้งเดิมเป็นนักเรียนระดับบ๊วย ขอบเขตความรู้มีกระจึ๋งเดียว ในหัวของเธอเลยจำได้แต่พวกอสูรเท่ห์ๆเท่านั้น
รูปร่างจะมีประโยชน์อะไรถ้ามันขาดความแข็งแกร่ง?
หากไม่สามารถผ่านการทดสอบได้ แล้วเธอจะเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรระดับสูงได้ยังไง
การเลือกสัตว์อสูรควรเน้นไปที่ศักยภาพและความสามารถในการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง
หากเธอไปที่ฐานเพาะเลี้ยงสัตว์อสูรฮันกังในตอนบ่าย พร้อมหัวที่มีแต่ขี้เลื่อย เธอจะรู้จักวิวัฒนาการขั้นที่หนึ่งและสองของพวกมัน และเลือกด้วยความพิถีพิถันได้ยังไงกัน?
เฉียวซางรู้สึกว่านี่ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ก่อนอื่นเธอต้องทำการบ้านก่อน
เธอเปิดฟอรั่มและลงชื่อเข้าใช้บัญชีของเธอ “อัจฉริยะอีกครั้งอีกครั้งอีกครั้ง-
ชื่อบัญชีนี้คือความฝันของนักเรียนระดับบ๊วยทุกคนที่หวังว่าวันนึงจะตื่นขึ้นมาแล้วชะตาชีวิตจะพลิกผัน
แทนที่จะตั้งโพสต์ใหม่ เฉียวซางเปิดดูฟอรั่ม ในโลกนี้แนวคิดเกี่ยวกับสัตว์อสูรได้รับการปลูกฝังมาอย่างดี มีผู้ฝึกสัตว์อสูรหน้าใหม่โพสต์สิ่งต่างๆมากกว่าพันโพสต์ในทุกปี
เมื่อเลื่อนดู เธอเห็นโพสต์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสัตว์อสูร:
[ฉันถูกเจ้าลูกแมงป่องพ่นพิษใส่!]
[มีใครคิดว่าร่างวิวัฒนาการของหนอนฝ้ายน่าเกลียดบ้างไหม?]
[ผู้ฝึกสัตว์อสูรระดับ B สอนวิธีสอบเข้ามหาวิทยาลัยฝึกสัตว์อสูรหนานเฉิง]
[ผู้ฝึกสัตว์อสูรมือใหม่อยากรู้ว่าการทำสัญญากับอสูรมังกรน้อยนั้นโอเคไหม?]
สายตาของเธอยังคงค้างอยู่ที่โพสต์ล่าสุด
เหลือจะเชื่อ
คิดจะทำสัญญากับอสูรประเภทมังกร ยังต้องถามชาวบ้านอีกเหรอว่ามันดีไหม
พลังของสัตว์อสูรประเภทมังกรนั้นเป็นที่รู้จักกันดี
นอกเหนือจากอสูรหายากไม่กี่ตัว ราคาของมังกรนั้นนับว่าอยู่บนยอดปิรามิดมีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถซื้อมันไหว
และถึงแม้ว่าจะมีเงิน แต่ก็ใช่ว่าจะดูแลมันไหว
สัตว์ประเภทมังกรมีวงจรวิวัฒนาการที่ยาวนาน อาจต้องใช้เวลาหลายปีในการให้อาหารและการดูแลเพื่อพัฒนาเป็นสัตว์อสูรระดับกลาง
หากให้เฉียวซางตอบ ก็คงจะเป็นไม่
ไม่เด็ดขาด!
แต่ถ้าสัตว์อสูรประเภทมังกรถูกนำมาเสนอให้เฉียวซางทำสัญญาแบบฟรีๆ
คำตอบยังคงเป็นไม่ ไม่ปฎิเสธแน่นอน…
เฉียวซางยังคงเลื่อนต่อไปโดยละความสนใจจากเจ้าโพสต์น่าหงุดหงิดนั่น
[(ใหม่) ผู้ฝึกสัตว์อสูรขอแนะนำให้ทำสัญญากับหนูโพรงทราย]
ด้านล่างโพสต์ตามมาด้วยความเห็นต่างๆมากมาย
[“คำเตือนที่หนึ่งจากผู้หวังดี: อย่าให้ไอหนูเวรนี่นอนตอนกลางคืน คำเตือนสองจากผู้หวังดี: มันนอนกัดฟัน!”]
[“ทำไมไม่บอกไปด้วยล่ะว่าพวกมันนอนกัดฟัน”]
[“จิ้งจอกหางทะเลทรายขาวของฉันดีกว่าเจ้านั่นเยอะ”]
[“เต่ามอส เต่ามอส เต่ามอส”]
อารยธรรมผู้ฝึกสัตว์อสูรได้พัฒนาไปจนถึงจุดที่สัตว์อสูรที่เหมาะสมสำหรับผู้ฝึกสัตว์อสูรมือใหม่ได้ถูกสรุปไว้แล้ว
พิราบอวบ, จิ้งจอกหางทะเลทรายขาว, งูหางสั้น, หนูโพรงทราย, เต่ามอส
สัตว์อสูรทั้งห้าชนิดนี้มีราคาที่สมเหตุสมผล ราคาไม่แพงสำหรับครอบครัวส่วนใหญ่ และมีนิสัยน่ารักอ่อนโยน
ด้วยการฝึกอบรมที่เหมาะสม การพัฒนาพวกเขาไปสู่ระดับกลางและสูงสามารถทำได้อย่างแน่นอน
โพสต์ของผู้ฝึกสัตว์อสูรมือใหม่ส่วนใหญ่ในฟอรัมจะเกี่ยวกับสัตว์อสูรทั้งห้าตัวนี้
สัตว์อสูรตัวแรกของแม่ของเฉียวซางคือพิราบอวบ โดยที่แฟ็ตโดปเป็นรูปแบบการพัฒนาขั้นกลางของมัน
เพราะร่างกายที่อวบอ้วนของมันทำให้มันบินช้ากว่าสัตว์ประเภทบินชนิดอื่นๆค่อนข้างมาก
สาเหตุที่มันค่อนข้างนิยมเพราะร่างที่สามของมันคือ พิราบทะยาน สัตว์อสูรประเภทบินอันแสนทรงพลัง
จิ้งจอกหางทะเลทรายขาวมีพลังโจมตีที่แข็งแกร่งแต่การป้องกันอ่อนแอ มันไม่ค่อยอึดสักเท่าไหร่
หนูโพรงทรายมีทักษะในการขุดและชอบที่จะหลีกเลี่ยงการต่อสู้เผชิญหน้า
เต่ามอสแม้จะไม่ใช่สัตว์ประเภทน้ำเหมือนเต่าทั่วไป แต่ก็มีความสามารถในการป้องกันที่แข็งแกร่ง
จิ้งจอกหางทะเลทรายขาว หนูโพรงทราย และเต่ามอสล้วนเป็นสัตว์ประเภทดิน ดังนั้นจึงมักจะถูกยกนำมาถกเถียงกันเป็นประจำ
อย่างไรก็ตามรูปร่างหน้าตาของจิ้งจอกหางทะเลทรายขาวนั้นโดดเด่นกว่าอีกสองตัว ทำให้เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆสำหรับผู้ฝึกสัตว์อสูรมือใหม่
งูหางสั้นเป็นสัตว์มีพิษ มีเขี้ยวพิษและหางหนามที่อันตราย ทำให้มีพลังการต่อสู้ที่น่าประทับใจตั้งแต่เริ่มต้น
อย่างไรก็ตาม การทำสัญญาอาจมีความเสี่ยงที่ต้องแบกรับ อาจได้เที่ยวไปพักร้อนที่โรงพยาบาล
มีเพียงผู้ที่มีร่างกายแข็งแรงเท่านั้นที่กล้าทำสัญญากับมัน
เฉียวซางมองดูตัวเลือกต่างๆ เป็นเวลานานและไม่สามารถตัดสินใจได้
สัตว์อสูรทั้งห้าตัวนี้ล้วนมีข้อเสียของมันเอง แต่เพราะราคาที่เอื้อมถึงและแผนการวิวัฒนาการที่ปลอดภัย มันจึงเป็นข้อได้เปรียบที่ไม่อาจปฏิเสธได้
ท้ายที่สุดแล้วปัญหาก็กลับมาวกที่จุดเดิม นั่นคือเงิน!
เฉียวซางพลุดลุกขึ้นและเดินนออกจากห้อง
แม่ของเธอกำลังนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟา
เฉียวซางพูดว่า “แม่ค่ะ เรามีเงินสัก 1 ล้านมั้ย? หนูอยากได้บับเบิ้ลเบลล์”
“ไปไหนก็ไป!”
“ค่าาา!”
เฉียวซางถอยเข้าห้องอย่างไวพร้อมดูฟอรั่มต่อไป
[ป่าฉีปังปลอยภัยไหมสำหรับผู้ฝึกสัตว์อสูรระดับ D?]
[การพนันครั้งที่สอง ได้รับแมวหยกทุกคนรีบเข้ามาลองเร็ว!]
นอกเหนือจากการซื้อสัตว์อสูรที่ฐานแล้ว พวกมันยังสามารถหาได้จากตลาดมืด การพนัน หรือล่าอสูรป่าอีกด้วย
สัตว์อสูรจากตลาดมืดไม่ทราบที่มา ตราบใดที่คุณมีเงิน พวกเขาสามารถหาอสูรร้ายให้คุณได้
การพนันนั้นอาศัยโชค ถ้าซวยแม้แต่ชั้นในก็ไม่มีให้ใส่
การล่าอสูรในป่านั้นมีเพียงแค่ผู้ฝึกสัตว์อสูรระดับ D ขึ้นไปที่สามารถทำได้
ท้ายที่สุดแล้ว โอกาสที่จะเผชิญกับอันตรายในป่านั้นมีสูงลิ่ว และสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาตินั้นก็ยากที่จะฝึกให้เชื่อง แม้ว่ามันจะพ่ายแพ้แต่การฝึกก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
ไม่มีวิธีใดในสามวิธีนี้ที่เหมาะสมสำหรับเธอในตอนนี้
เฉียวซางถอนหายใจ แม้ว่าเธอจะมีความคิดมากมาย แต่ทางเลือกของเธอล้วนเต็มไปด้วยทางตัน
20:26 น.
เฉียวซางปิดคอมพิวเตอร์ของเธอและมองดูเวลาด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
ทำไมแม่ถึงไม่เรียกเธอไปกินข้าวเย็น อย่าบอกนะว่าเมื่อกี้้แม่โกรธขึ้นมาจริงๆ?
เธอเตรียมที่จะไปที่ห้องนั่งเล่นเพื่อตรวจสอบแต่เกิดรู้สึกไม่สบายใจจึงคว้าหนังสือ "ประวัติศาสตร์การฝึกฝนสัตว์อสูร II"จากชั้นหนังสือออกมา
เมื่อเปิดประตูเธอก็พบว่าห้องนั่งเล่นมืดและไฟไม่ได้ถูกเปิดทิ้งเอาไว้
ไม่เห็นร่างของแม่อยู่ที่ไหนในห้องเลย
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และยืนยันว่าแม่ของเธอไม่ได้อยู่ในห้องนอนเช่นกัน เฉียวซางก็เปิดไฟในห้องนั่งเล่น โยน "ประวัติศาสตร์การฝึกฝนสัตว์อสูร II " ลงบนโซฟา จากนั้นหยิบกล่องไอศกรีมมัทฉะจากตู้เย็นมากิน .
ขณะที่เธอนั่งลงพร้อมกับไอศกรีมและเปิดทีวี ประตูก็เปิดออกดังเอี๊ยด
เฉียวซางหันศีรษะและสบตากับผู้ที่เข้ามาในบ้าน
ความเงียบสั้นๆ ดังก้องไปทั่วอากาศ
“มากินข้าวกันเถอะ” แม่ของเธอพูดพร้อมเลิกคิ้วขณะที่วางอาหารที่ซื้อมาไว้บนโต๊ะกับข้าว
แม่ออกไปซื้อข้าวมานี่เอง...
“กำลังไปค่า” เฉียวซางมองดูไอศกรีมมัทฉะที่เธอเพิ่งเริ่มกิน เพื่อป้องกับฟู๊ดเวสเธอจึงกัดมันไปอีกคำโตๆ
“แม่ทำไมวันนี้ถึงออกไปซื้อข้าวข้างนอกล่ะ” เฉียวซางถามขณะที่เธอเดินเข้ามาใกล้โต๊ะกินข้าว
“พอดีแม่มีธุระ เลยไม่มีเวลามานั่งทำกับข้าว” แม่ของเธอตอบ
เฉียวซางถามว่า “ธุระอะไรเหรอคะ?”
แม่ของเธอหยุดเงียบครู่หนึ่งก่อนพูดว่า “ซังซัง ย้ายไปอยู่บ้านใหม่กันเถอะ”
เฉียวซางนิ่งค้าง ตะเกียบในมือนิ่งค้างกลางอากาศ เธอถามด้วยความสับสนว่า “ทำไมต้องย้ายล่ะแม่”
เมืองฮันกังซึ่งเป็นเมืองหลวงของมณฑลเจ้อไห่ เป็นไปไม่ได้ที่ราคาบ้านจะถูก
บ้านหลังนี้แต่เดิมซื้อตอนที่ราคายังไม่สูงมาก เพื่อเป็นของขวัญแต่งงานจากครอบครัวฝั่งพ่อของเธอ
แม้ว่าที่อยู่อาศัยปัจจุบันของเฉียวซาง ชิงเฉิงเจียหยวนจะไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่มีราคาแพงที่สุดในเมืองฮันกังแต่ก็อยู่ในทำเลที่ดี ใกล้โรงเรียนและรถไฟใต้ดิน มูลค่าของมันสูงกว่า 50,000 ต่อตารางเมตร
แม่ของเธอเคี้ยวอาหารแล้วกลืน เหลือบมองเฉียวซาง แล้วพูดต่อว่า “แม่พึ่งถามตัวแทนอสังหาริมทรัพย์มาเมื่อกี้ บ้านเราขนาด 133 ตารางเมตร ราคาตลาดปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 53,000 ต่อตารางเมตร ราคาขายน่าจะได้ประมาณ 7 ล้านเหรียญพันธมิตร”
“แม่คิดดูแล้วว่าต่อให้เราซื้อบ้านหลังเล็กๆพร้อมวางเงินดาวน์ และใช้เงินที่เหลือเพื่อซื้อบับเบิ้ลเบลล์ให้ลูก เงินเราก็น่าจะยังเหลืออยู่อีก”
“แถมตอนนี้แม่ก็ยังมีแรงหาเงินไหว แค่ที่อยู่เปลี่ยนนิดหน่อยจะเป็นอะไรไป”
เฉียวซางพูดไม่ออก
ในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง แม่ของเธอได้ทำการตัดสินใจครั้งใหญ่โดยไม่บอกเธอเลยสักนิด
“แม่…” เธอพึมพำพยายามพูดอะไรบางอย่าง
แต่แม่เธอก็ขัดจังหวะขึ้นอีกครั้ง “ถึงแม้ผลการเรียนของลูกจะไม่ดีนัก แต่ลูกก็ปลุกพลังขึ้นมาได้ เห็นชัดว่าลูกมีพรสวรรค์”
“แม้ว่าครอบครัวของเราจะไม่ร่ำรวยมากนัก แต่ไม่ว่าลูกจะอยากได้สัตว์อสูรชนิดไหนก็ตาม แม่ก็จะพยายามหามาให้ลูก”
“ตราบใดที่ลูกสัญญาว่าจะเลี้ยงดูมันอย่างดี ไม่หย่อนยานเหมือนกับที่ลูกทำกับการเรียนหนังสือ”
แม้ว่าเย่เซียงถิงจะไม่เคยพิจารณาขายบ้านนี้มาก่อน ทว่าเนื่องจากลูกสาวของเธอแสดงความปรารถนาที่จะทำสัญญากับสัตว์อสูรประเภทพลังจิต ต่อให้ผลการเรียนของลูกสาวเธอจะไม่ดีนัก แต่เธอก็สามารถปลุกพลังขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง มันแสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์ที่แท้จริงในการฝึกสัตว์อสูรของเธอ
นี่เป็นลูกสาวคนแรกและคนเดียวของเธอ
ต่อให้อสูรที่ลูกเธออยากได้มันจะแพง แต่ถ้ามันสมเหตุสมผลเธอก็รับได้
เพราะท้ายที่สุดแล้ว นี่มันคือหน้าที่ของคนเป็นแม่ที่จะต้องหาสิ่งที่ดีที่สุดมาให้ลูกสาวของตัวเอง
อารมณ์ของเฉียวซางเต็มไปด้วยความหลากหลาย ตอนนี้เธอต้องการเพียงกัดไอศครีมมัจฉะที่เพื่ออยู่เพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเอง
เธอมองเข้าไปในดวงตาของแม่พร้อมยิ้มแล้วพูดว่า “แม่คะ แม่บอกว่าหนูปลุกพลังขึ้นได้ด้วยตัวเองและมีพรสวรรค์ ดังนั้นหนูสามารถฝึกสัตว์อสูรตัวไหนก็ได้ให้เก่งกาจได้”
“ก่อนหน้านี้หนูแค่ลองพูดดูเฉยๆ หนูไม่ได้ต้องการบัลเบิ้ลเบลล์จริงๆ ดังนั้นอย่าขายบ้านเลยนะคะแม่”
แม่ของเธอยืนขึ้นรินน้ำใส่แก้ว และหลังจากนั้นไม่นานก็พูดว่า "ไม่ต้องโกหกแม่ แม่รู้ว่าเราอยากได้บับเบิ้ลเบลล์ และเราก็ปลุกพลังขึ้นได้เอง ดังนั้น-"
เฉียวซางขัดจังหวะแม่ของเธอและพูดอย่างจริงจังว่า "หนูได้ศึกษามาตลอดช่วงบ่ายแล้วและคิดว่าสุนัขเขี้ยวเพลิงเหมาะกับหนูมากที่สุด"
แม้ว่าบับเบิ้ลเบลล์จะเป็นอสูรประเภทพลังจิตอันแสนทรงพลัง และสัตว์อสูรประเภทมังกร แฟรี่ และผีก็ล้วนยอดเยี่ยมเช่นเดียวกัน พวกมันทั้งหายากและแข็งแกร่ง แต่เฉียวซางก็รู้ดีว่าตัวเองไม่เหมาะสม
มันเหมือนกับการที่คนธรรมดาต้องการฝึกสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่เริ่มต้น
สิ่งที่เธอต้องการอย่างแท้จริงคือสัตว์อสูรที่เธอสามารถฝึกให้มันเชื่อฟังคำสั่งได้