บทที่ 28: ห้องฝึกซ้อมเทนนิส
ต้องเข้าใจว่าศักยภาพสมองมนุษย์นั้นไร้ขีดจำกัด มันมีเซลล์ประสาทนับพันล้านเซลล์ เป็นอาณาจักรที่ทั้งลึกลับและเปราะบาง
ก่อนการตื่นขึ้นของตำราอสูร สมองจะอยู่ในสภาวะที่เรียกว่าสภาวะสงบนิ่ง
เมื่อปลุกพลังแล้วก็จะเข้าสู่ภาวะที่เรียกว่าสภาวะปลุกพลัง
ความฉลาดไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการพัฒนาของโดเมนสมอง เปอร์เซ็นต์ของการพัฒนาโดเมนสมองจะคำนวณตั้งแต่วินาทีแรกที่ปลุกตำราอสูร
สำหรับผู้ฝึกสัตว์อสูรธรรมดา โดเมนสมองหลังจากถูกกระตุ้นด้วยแม่เหล็กเพื่อปลุกตำราอสูรจะอยู่ที่ประมาณ 2%
ในขณะเดียวกัน การพัฒนาสมองของผู้ฝึกสัตว์อสูรที่ปลุกพลังด้วยตัวเองนั้นอยู่ที่ประมาณ 5%
ยิ่งสมองพัฒนามากเท่าไรก็ยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้น แต่ความเสถียรก็เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญ
ตลอดประวัติศาสตร์ นักวิจัยจำนวนมากได้ทำการทดลองและการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาสมอง และสรุปโดยไม่มีข้อยกเว้นว่าความเสถียรเป็นสิ่งสำคัญมากในการพัฒนาโดเมนสมอง
หากโดเมนสมองไม่เสถียรมันก็อาจพังทลายลงได้
แม้ว่าเฉียวซางเคยส่งรูปถ่ายหลักฐานการปลุกพลังของตัวเองมาที่สำนักงานรับสมัครแล้ว แต่ทุกคนในเวลานั้นก็ตื่นเต้นเกินไปที่จะมีคนที่ปลุกด้วยตัวเองมาสมัครทำให้พวกเขาลืมเรื่องนี้ไปสนิท
อย่างไรก็ตาม...
เฉินเชิงถังเหลือบมองสุนัขเขี้ยวเพลิง เนื่องจากเด็กสาวสามารถทำสัญญากับสัตว์อสูรได้สำเร็จ ดังนั้นความไม่เสถียรของโดเมนสมองอาจมีแค่เล็กๆน้อยๆ
แต่เขาก็ยังคงกังวลเรื่องนี้อยู่ดี เขาจึงถามว่า "คนที่ทดสอบสมองของเธอได้พูดอะไรรึเปล่า?"
แม้ว่าเธอจะมีคุณสมบัติเพียบพร้อม แต่หากโดเมนสมองของเธอผันผวนเกินไป พวกเขาก็ต้องมาพิจารณากันใหม่อีกรอบ
เฉียวซางพยักหน้า “เธอบอกว่าคลื่นสมองของฉันผันผวนมาก และแนะนำว่าพักผ่อนให้มากและกินผลไม้แห้งเพิ่มขึ้น”
เฉินเชิงถังถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาไม่อยากให้มีปัญหาใดๆ กับนักเรียนที่มาสมัครรับการสอบแบบพิเศษคนแรกของประวัติศาสตร์โรงเรียน
ในขณะนี้ อาจารย์ผู้ชายที่นั่งตรงข้ามกับเฉินเชิงถังถามอย่างเป็นกันเองว่า "ใต้ตาเธอคล้ำมากเลย เมื่อวานไม่ค่อยได้นอนเหรอ?"
เฉียวซางตอบอย่างเขินๆ “พอดีเมื่อคืนฉันโต้รุ่งน่ะค่ะ”
เฉินเชิงถัง: "..."
“ถึงการสอบจะใกล้เข้ามาแล้ว แต่เชื่อเถอะว่าการอ่านหนังสือโต้รุ่งไม่คุ้มกับสุขภาพในระยะยาวหรอก” เฉินเชิงถังแนะนำอย่างจริงจัง
อันที่จริงที่เธอโต้รุ่งเพราะไว้ทุกข์ให้กับเงิน 5,000 เหรียญที่เสียไป แต่มันน่าอายเกินกว่าที่จะพูด เธอจึงพยักหน้ารับเงียบๆ
เมื่อเห็นเฉียวซางยอมรับฟัง ความคิดของเฉินเชิงถังก็กลับมาที่สมองของเธอ
หากว่าไม่มีปัญหาเกี่ยวกับโดเมนสมองแล้ว บางทีโดเมนสมองของเธออาจสูงถึง 9% และใกล้เปิดหน้าสัญญาที่สองแล้วก็เป็นไปได้
แม้มันจะดูเพ้อฝันไปหน่อยก็เถอะ...
โดยปกติแล้ว ความผันผวนจะทำให้ค่าสมองสูงหรือต่ำกว่าค่ามาตรฐานเพียงเล็กน้อย
เฉินเชิงถังหยุดเรื่องมโนในหัว ยื่นเอกสารคืนให้เฉียวซาง และเริ่มแนะนำชายหัวโล้นเพียงคนเดียวในห้อง
"นี่คืออาจารย์จ้าว ผู้ที่จะรับผิดชอบในการทดสอบโดเมนสมองของเธอ"
"สวัสดีค่ะอาจารย์จ้าว" เฉียวซางทักทาย
อาจารย์จ้าวพยักหน้าเชิงทักทาย
"อย่าหลงไปกับหน้าตาของอาจารย์จ้าว เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์สมองอย่างแท้จริง" เฉินเชิงถังกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เธอเชื่อ เพราะไม่ว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านไหนก็ตามมักจะมีผมบางเหมือนกันเสมอ...
ภายในห้องทดสอบ
เมื่อเคยลองมาครั้งหนึ่งแล้ว ครั้งนี้เธอเลยผ่อนคลายกับมันมาก
ด้วยการให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีของเฉียวซาง การทดสอบจึงเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว
ประตูเปิดออก
"ย่าห์!"
ดวงตาของสุนัขเขี้ยวเพลิงสว่างไสวขึ้นเมื่อเห็นเฉียวซาง มันกระโจนเข้าหาเธออย่างตื่นเต้นจนเธอเกืือบจะล้ม
เนื่องจากตอนนี้มันสวมกำไลแรงโน้มถ่วงอยู่ เฉียวซางจึงไม่ได้อุ้มมันบ่อยเท่าแต่ก่อน
และตัวมันเองก็เหมือนจะรู้ตัวดี หลังจากอยู่ในอ้อมแขนของเฉียวซางประมาณ 10 วินาที มันก็กระโดดลงด้วยตัวเอง
“พวกเธอสองคนดูสนิทกับมากเลยทีเดียว” เฉินเชิงถังอดไม่ได้ที่จะพูด
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นสัตว์อสูรประเภทไฟที่ทั้งเชื่อฟังและชอบออดอ้อนต่อเจ้านายของมัน
"ค่ะ" เฉียวซางตอบด้วยรอยยิ้ม
อาจารย์ทุกคนในสำนักงานลุกขึ้นยืนและรอผลลัพธ์ของเฉียวซาง
แม้ว่าเฉียวซางจะไม่ได้กังวลกับผลลัพธ์ แต่การตกเป็นจุดสนใจของทุกคนก็แอบทำให้เธอรู้สึกหวั่นๆเล็กน้อย
อาจารย์จ้าวส่งผลการทดสอบให้รองผู้อำนวยการเฉินเชิงถังและพูดอย่างจริงจังว่า "ไม่มีปัญหา แต่ยังไม่เสถียร"
เฉินเชิงถังรับผลการทดสอบและยืนอ่านเพื่อพิจารณา
ผู้รับการสมัครสอบพิเศษที่ปลุกพลังด้วยตนเองจะได้รับการลดคะแนนในการสอบเข้าตามการพัฒนาโดเมนสมองของพวกเขา แต่ละโรงเรียนมีมาตรฐานที่แตกต่างกันสำหรับการรับสมัครพิเศษ
ที่โรงเรียนนี้ การพัฒนาสมอง 5% จะส่งผลให้เกณฑ์คะแนนขั้นต่ำลดลง 100 คะแนน และ 6% จะส่งผลให้เกณฑ์คะแนนขั้นต่ำลดลง 200 คะแนน
อย่างไรก็ตาม การพัฒนาสมองของเฉียวซางยังคงผันผวนโดยไม่มีเปอร์เซ็นต์คงที่
เรื่องนี้ทำให้แอบยุ่งยากเล็กน้อย
แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่
เฉินเชิงถิงตัดสินใจและยิ้มให้เฉียวซาง "เนื่องจากการพัฒนาโดเมนสมองของเธอยังไม่เสถียร ทางเราจะใช้ค่ากลางในการลดเกณฑ์คะแนนขั้นต่ำของเธอ"
โดยปกติหากพัฒนาของโดเมนสมองมีความผันผวนระหว่าง 5% ถึง 9% ค่าคงที่ก็ควรจะอยู่ที่ 5% หรือ 6%
แต่เฉินเชิงถิงตัดสินใจกำหนดค่าพัฒนาของโดเมนสมองของเธอไว้ที่ 7%
ไม่มีอาจารย์คนไหนในห้องแปลกใจและคัดค้าน
นี่คือผู้ที่ปลุกพลังด้วยตัวเองคนแรกที่มาสมัครโรงเรียนของพวกเขา ลดคะแนนสัก 100 นึงมันไม่ได้นับว่าอะไรเลย สิ่งที่สำคัญคือการแสดงทัศนคติของทางโรงเรียนที่มีต่อเธอให้เห็น
ตราบใดที่เธอเลือกที่จะเข้าเรียนที่โรงเรียนฝึกอสูรฮันกังที่ 6 ประตูก็พร้อมเปิดกว้างสำหรับเธอ!
เฉียวซางเข้าใจความนัยนี้โดยทันที
โรงเรียนมัธยมฝึกอสูรโดยส่วนใหญ่ระบุเฉพาะเกณฑ์การลดคะแนนของโดเมนสมองในระดับ 5-6% เพียงเท่านั้น
นั่นเพราะผู้ที่มีโดเมนสมองสูงถึง 7% เป็นต้นไปนั้นพบเห็นได้ยากมาก เรียกว่าในมณฑลเจ้อไห่ของเธอห้าปีจะมีสักคน
และต่อให้มี พวกเขาเหล่านั้นต่างพากันเลือกโรงเรียนที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้อย่างแน่นอน
ถ้าบอกว่าไม่ประทับใจก็คงโกหก เพราะสำหรับโรงเรียนนี้ต่อให้เธอทำคะแนนสอบต่ำกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำเป็น 100 คะแนน เธอก็ยังคงสามารถเข้าที่นี่ได้
"ขอบคุณค่ะ" เฉียวซางกล่าว
หลังจากกล่าวคำอำลากับโรงเรียนฝึกอสูรฮันกังที่ 6 ตอนนี้เวลาเพิ่งถึง 10:32 น.
เฉียวซางไม่ได้พาสุนัขเขี้ยวเพลิงไปฝึกที่สวนชากุ่ยเหมือนวันก่อนๆ
เธอมุ่งหน้าไปยังชั้นสามของจัตุรัสวิลเลต
ห้องฝึกซ้อมเทนนิส
หลังจากจ่ายเงินเพื่อจองห้องสองชั่วโมง เฉียวซางก็พาสุนัขเขี้ยวเพลิงไปที่ห้องฝึกตีลูก
ห้องฝึกซ้อมเทนนิสนี้ออกแบบมาเพื่อให้มนุษย์ได้ใช้ฝึกตีลูก แต่เฉียวซางกลับคิดว่ามันเหมาะสำหรับการฝึกปฏิกิริยาการตอบสนองของสุนัขเขี้ยวเพลิงมาก
ห้องฝึกตีลูกเป็นพื้นที่โล่งกว้างขนาด 12 ตารางเมตร เบื้องหน้ามันมีเครื่องขว้างบอลอัตโนมัติอยู่สองเครื่อง
“สุนัขเขี้ยวเพลิง พยายามหลบลูกบอลที่พุ่งเข้ามาหาแก ฉันจะอยู่ที่นี่กับแกและถ้าแกเหนื่อยก็บอกฉันทันที” เฉียวซางสั่ง
แม้ว่าสุนัขเขี้ยวเพลิงจะไม่รู้ว่าลูกบอลจะโผล่มาจากตรงไหน แต่มันก็พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
เครื่องขว้างบอลอัตโนมัติมีการตั้งค่าทั้งหมดหกแบบ โดยความเร็วการขว้างจะมีตั้งแต่หนึ่งถึงหก โดยหนึ่งช้าที่สุดและหกเร็วที่สุด
กำไลแรงโน้มถ่วงยังคงอยู่ที่ขาหน้าข้างขวาของสุนัขเขี้ยวเพลิง ขณะที่เฉียวซางเดินไปที่เครื่องขว้างบอลและตั้งค่ามันไว้ที่ความเร็วระดับหนึ่ง
เครื่องขว้างบอลทั้งสองเริ่มทำงาน ด้วยความเร็วที่ไม่ได้สูงมากนัก เฉียวซางจึงเดินหลบบอลอย่างสบายๆและนั่งลงที่มุมปลอดภัยของห้อง