บทที่ 26 อนาคตสดใสจริงๆ
บทที่ 26 อนาคตสดใสจริงๆ
"หนูฝู เธอไม่ได้หลอกพวกเราใช่ไหม"
"นี่มันแค่เวลานานเท่าไหร่เอง เป็นไปได้ยังไงที่จะขายหมด!"
"ขายหมดแล้วจริงๆ นะคะ" ฝูจือหยินพูดขัด "พวกคุณมาดูคำสั่งซื้อได้เลย สรุปก็คือ พอมีกล่อง และโฟมพร้อมแล้ว พวกเราก็จะเริ่มแพ็คของแล้วรีบส่งของให้ลูกค้ากันได้เลย!"
ผู้ชมในห้องไลฟ์สดมองดูคนแก่พวกนี้ที่ไม่เชื่อมั่นในกำลังซื้อของพวกเขา แต่ในชั่วขณะหนึ่งก็รู้สึกขำปนเศร้า
พวกเขาเคยเห็นแต่คนขี้อวดว่าขายของได้เร็ว หรือเคยเห็นแต่คนเรียกคะแนนสงสารว่าตัวเองขายไม่ออก แต่พวกเขาเพิ่งจะเคยเห็นคนที่ขายของได้แล้วกลับไม่เชื่อว่าตัวเองขายได้เสียอย่างนั้น
เสี้ยวหนึ่งมันทำให้พวกเขารู้สึกว่า ถ้าซื้อไปแล้วอาจจะขาดทุนก็ได้..
แต่ยังไงก็ไม่น่าจะขาดทุนนะ!
มันเป็นงานแกะสลัก แถมยังเป็นงานแฮนด์เมด แล้วบนนั้นก็ยังปลูกกล้วยไม้สกุลหวายอีก...ขายแค่หลักสิบ หรือแพงสุดก็แค่หลักร้อย ยังไงก็ไม่น่าจะขาดทุนแน่ๆ!
ขนาดซื้อของประดับตกแต่งที่ทำจากเครื่องจักรก็ต้องราคานี้แล้วไม่ใช่เหรอ
"คุณลุงชี พวกงานแกะสลักนั่นคุณลุงคิดเองจริงๆ เหรอ" เมื่อเห็นว่าฝูจือหยินพูดเท่าไหร่ก็ยังมีบางคนที่ไม่เชื่อ เฉินจิ่วซือก็เลยเปลี่ยนเรื่องคุย
ยังไงก็แค่ต้องรอให้ของส่งไปถึงมือลูกค้า แล้วรอให้ได้เงินจริงๆ พวกเขาก็จะเชื่อกันไปเอง
ตอนนี้จะอธิบายไปมากแค่ไหนก็คงยากที่จะยอมรับได้
และเป็นอย่างที่คิดไว้
พอพูดคำนี้ออกมา
สายตาของทุกคนก็หันกลับไปมองที่คุณลุงชีอีกครั้ง
เพราะงานของลุชีมันไม่เหมือนคนอื่นจริงๆ
เมื่อก่อนใครๆ ก็จะรู้สึกว่าของพวกนี้มันไร้สาระ เลยไม่ได้คิดถึงเรื่องที่จะเอาอะไรแบบนี้มาทำเป็นงานศิลปะเลย
"ก็ถ้าไม่ใช่ฉันคิด แล้วจะเป็นแกเหรอ"
คุณลุงชีเบิกตาโต "พวกนี้ฉันคิดเองทั้งหมดนั่นแหละ! ฉันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว พออิ่มแล้ว ก็จะชอบคิดอะไรแปลกๆ ไปเรื่อย ก็จะแกะสลักออกมาแบบนี้"
เฉินจิ่วซือไม่ได้พูดอะไร แค่จ้องมองเขาเงียบๆ
คนอื่นๆ ก็เหมือนกัน
สายตาจ้องเขม็ง
ทุกคนต่างก็แสดงสีหน้าที่ไม่เชื่อออกมา
ตอนแรก คุณลุงชีก็ยังสบตากับเฉินจิ่วซือและคนอื่นๆ
แต่ในไม่ช้าเขาก็รู้สึกกระวนกระวาย "พอแล้วๆ ฉันกลัวพวกแกจริงๆ แล้วนะเนี่ย ตอนที่แกมาหาฉันเมื่อหลายวันก่อน หัวข้อที่ให้มันกว้างเกินไป ฉันก็ไม่รู้จะแกะสลักอะไรดี ยิ่งเห็นพวกเขาแกะสลักบ้านเก่า แกะสลักเกาะนี้ทั้งเกาะ ฉันก็ยิ่งงงเข้าไปใหญ่ แล้วหลานชายของฉันก็โทรมาพอดี แล้วก็ให้ไอเดียพวกนี้กับฉัน"
"จริงๆ แล้วฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องพวกนี้หรอก แต่หลานชายของฉันก็ทำเรื่องพวกนี้ในอินเทอร์เน็ตอยู่แล้ว เขาก็คงจะเข้าใจเรื่องพวกนี้ดีกว่าฉัน"
"เฉินปิงจงเหรอ" ในหัวของเฉินจิ่วซือก็คิดถึงชื่อคนคนหนึ่งขึ้นมาในทันที
"ใช่แล้ว ตอนนี้เขาเปิดบริษัทเล็กๆ อยู่ที่เมืองเผิงเฉิง เหมือนจะทำพวกนี้ในอินเทอร์เน็ตอยู่แล้ว ไอ้เด็กคนนี้มันคงจะไม่หลอกฉันหรอก ฉันก็เลยทำตามที่มันบอก"
และแล้วคำพูดของคุณลุงชีก็ได้คลายความสงสัยของเฉินจิ่วซือและคนอื่นๆ รวมถึงความสงสัยของแฟนคลับในห้องไลฟ์สดด้วย
สุดยอดเลย!
ที่แท้คนแก่คนนี้ก็มีคนคอยช่วยเหลืออยู่เบื้องหลังนี่เอง!
เกือบจะคิดว่าเขาเป็นเทพแห่งมุกตลกไปซะแล้ว แก่ขนาดนี้แล้วยังเล่นมุกตลกของคนหนุ่มสาวได้คล่องแคล่วขนาดนี้
ที่แท้ก็มีคนคอยช่วยเหลือ แถมยังเป็นมืออาชีพอีกด้วย
"ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง" เฉินจิ่วซือคิดเล็กน้อย "เดี๋ยวพวกคุณลองติดต่อกับเขาดูได้นะ ผมรู้สึกว่าไอเดียของเขามันล้ำจินตนาการมาก แล้วทุกคนก็น่าจะชอบ"
"แต่ว่าจะให้เขาช่วยฟรีๆ มันก็คงไม่ดี เอาแบบนี้ก็แล้วกัน ไอเดียที่เขาคิดขึ้นมา ผมจะแบ่ง 10-20% ให้เขา จะเท่าไหร่ค่อยมาคิดกันอีกที"
"ไม่ต้องหรอก จะให้เขาทำไม แกแบ่งให้พวกเราก็เยอะแล้ว ถ้าไปแบ่งให้ไอ้เด็กนั่นอีก แกก็ต้องรับผิดชอบเรื่องต่างๆ อีกเยอะแยะ ระวังจะขาดทุนเอานะ" คุณลุงชีรีบพูด "ก็ถือว่าเขาช่วยพัฒนาบ้านเกิดก็แล้วกัน ยังไงก็ไม่ต้องให้เขาออกแรงอะไรมากมาย"
"การคิดไอเดียแบบนี้ก็ต้องใช้พลังงานเยอะนะครับ แต่คุณตาไม่ต้องห่วงนะ ผมมีช่องทางการติดต่อกับเขา เดี๋ยวผมจะติดต่อไปเอง"
เฉินจิ่วซือจัดการตัดสินใจเรื่องนี้โดยไม่ฟังใคร
นี่ก็เป็นความคิดของเขามาโดยตลอด
ถ้าอยากให้ม้าวิ่งเร็ว ก็ต้องให้ม้ากินหญ้าให้อิ่ม
ถ้าทุกคนมีผลประโยชน์ ก็จะสามารถไปได้ไกล
เมื่อเห็นว่าทุกคนดูเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็พูดไม่ออก เฉินจิ่วซือก็โบกมือไปมา "เอาล่ะ พวกเราไปกินข้าวกันก่อนเถอะ เดี๋ยวค่อยมาคุยกันเรื่องข้อบังคับของห้องทำงานนี้อีกที"
เรื่องแบ่งผลประโยชน์หรือจ่ายเงินเดือน จะไม่มีการแก้ไขแน่นอน
แต่เรื่องการขยาย การรับสมัครคนเพิ่ม ยังต้องพิจารณากันอีกที
แล้วก็ยังมีเรื่องของคนที่ต้องรับผิดชอบเรื่องถ่ายรูป กำหนดราคา ขายของ พวกนี้ก็ต้องตัดสินใจให้ได้
เรื่องพวกนี้ไม่ได้ใหญ่ แต่ก็มีความสำคัญต่อการพัฒนาของโครงการนี้มากๆ
จนกระทั่งปิดไลฟ์สด ฝูจือหยินก็ปล่อยความเป็นตัวเองออกมา เธอตะโกนด้วยความตื่นเต้น "เมื่อกี้พวกเราขายได้ทั้งหมดสองหมื่นกว่าหยวนเลยนะ เฉลี่ยแล้วก็ตกคนละหลายพันหยวน นี่มันเงินไม่น้อยเลยนะคะ!"
"ถ้ามันเป็นแบบนี้ตลอดไป เราจะทำเงินได้เท่าไหร่กัน......"
เมื่อพูดไปเรื่อยๆ ดวงตาของเธอก็เป็นประกายขึ้นมา
เมื่อก่อนเธอไม่เคยคิดว่ามันจะทำเงินได้เยอะขนาดนี้
แค่คิดเพียงว่ามันจะเป็นอาชีพเสริมอีกหนึ่งอย่างเท่านั้น
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า มันน่าจะเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ที่ทำเงินได้หลายล้านต่อปีแล้ว
แล้วก็อาจจะทำได้มากกว่านี้ด้วย
เพราะสิ่งที่หมู่บ้านของเขามีมากที่สุดก็คือหินภูเขาไฟพวกนี้นั่นเอง
ถ้าสามารถฝึกคนให้ทำงานได้มากขึ้น..... ไม่อยากจะคิดเลยจริงๆ มันไม่อยากจะคิดเลย
ไม่แน่ว่ากระถางต้นไม้ อาจจะขายได้ดีกว่ายาสำเร็จรูปก็ได้
ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกเกินจริง
มันให้ความรู้สึกเหมือนถูกรางวัล
เมื่อเทียบกับการปลูกที่ต้องใช้เวลาถึงสามปีกว่าจะเริ่มเก็บเกี่ยวได้ งานนี้มันสบายกว่าเยอะ!
"เพราะฉะนั้น ฉันคิดว่าอยากจะเพิ่มคนขึ้นอีกหน่อย เริ่มแรกก็แกะสลักแบบง่ายๆ ที่มีราคาหลักสี่สิบห้าสิบหยวนก่อนก็น่าจะได้รายได้ที่ดีนะ"
เฉินจิ่วซือยิ้ม "ก็ถ้าจัดการดีๆ มันก็อาจจะกลายเป็นอุตสาหกรรมหลักของหมู่บ้านของเราเลยก็ได้นะ"
หลังจากตื่นเต้นไปนาน ฝูจือหยินก็ค่อยๆ สงบลง "นายว่า ถ้ากระแสในอินเทอร์เน็ตมันหายไป เรื่องพวกนี้จะหายตามไปหรือเปล่า"
"พวกเรามีของจริงๆ นะ ไม่ได้สร้างกระแส แต่ถึงแม้กระแสจะลดลงเราก็เป็นที่รู้จักไปแล้ว ยังไงก็ต้องมีความต้องการอยู่แล้ว " เฉินจิ่วซือส่ายหัว "แถมพอธุรกิจการท่องเที่ยวของเราพัฒนาขึ้น ก็ต้องมีของที่ระลึกอะไรพวกนี้ ช่องทางการขายก็จะไม่ได้มีแค่ห้องไลฟ์สดนี้ที่เดียวแล้ว"
สวนอุตสาหกรรมกล้วยไม้สกุลหวายก็เป็นโครงการที่เฉินจิ่วซือชื่นชอบมาก
และต่อไปก็จะมีสวนภูเขาไฟ
ถ้าสร้างสถานที่ท่องเที่ยวพวกนี้ขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นกระแสในโลกออนไลน์ หรือนักท่องเที่ยวในชีวิตจริงก็จะต้องมีเยอะแยะแน่นอน
ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วกระแสของกระถางกล้วยไม้สกุลหวายหินภูเขาไฟจะหายไปได้ยังไง
ปัญหาที่ฝูจือหยินกังวล แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
และในอนาคต ความต้องการอาจจะน่ากลัวกว่านี้ด้วยซ้ำ
แค่พวกเขาต้องสามารถควบคุมมันให้ได้ก็พอ
หลังจากที่ตัดสินใจเรื่องข้อบังคับของห้องทำงานแล้ว เรื่องการจัดสรร การรับสมัคร การฝึกอบรม การจัดการ การไลฟ์สด การขาย การแพ็ค การบริการลูกค้า......ถ้าจะให้ทั่วถึงทั้งหมด ก็ต้องใช้กำลังไม่น้อย
จนกระทั่งถึงตอนเย็น ทุกอย่างก็ตัดสินใจได้
พอดีกับที่คนของหลี่ชุนเหลยมาถึงแล้ว เมื่อจัดแจงที่พักให้คนเหล่านั้นเสร็จ ก็เป็นเวลาค่ำพอดี
แม้จะยุ่งมาทั้งวัน แต่เฉินจิ่วซือก็ไม่ได้ดูเหน็ดเหนื่อยเลย
นั่นก็เพราะความหวังอยู่ตรงหน้าของเขาแล้ว!
เขารู้สึกเหมือนว่าสวนภูเขาไฟนั้นอยู่ใกล้แค่เอื้อมเท่านั้น!