บทที่ 251 ค่ายกลเทียนโม่
เมื่อมองลึกลงไป นางก็แค่ยังอ่อนแอเกินไป แม้นางจะก้าวเข้าสู่ระดับผู้บำเพ็ญเซียนขั้นเซียนสวรรค์แล้ว แต่ก็ยังไม่อาจหนีพ้นจากการถูกกดดันโดยความแตกต่างของระดับพลัง
หากนางสามารถใช้ทักษะของมารหลงหลี่ซิง ที่ปิดซ่อนพลังจนหายไปได้อย่างสมบูรณ์ นางก็คงไม่ต้องมาขอความช่วยเหลือจากเขาแบบนี้!
“ข้าเข้าใจแล้ว!”
พูดจบ นางก็หมุนตัวเดินจากไปอย่างไม่ลังเล ราวกับไม่คิดจะพึ่งพาเขาเลยแม้แต่น้อย!
มารหลงหลี่ซิงอึ้งไปชั่ววินาที ก่อนที่ร่างกายจะขยับตามไปโดยไม่ทันรู้ตัว
เมื่อมองไปยังทิศทางที่นางจากไป คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์นัก
“เดี๋ยวก่อน! เจ้ารู้หรือเปล่าว่าศัตรูแข็งแกร่งแค่ไหน เจ้าคิดจะไปตายหรือยังไง”
เมื่อถูกขวางทางไว้ จินเป่าเอ๋อเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสายตาประหลาดใจ
“ใครบอกว่าข้าจะไปตาย อีกอย่าง เจ้าไม่อยากยุ่งเรื่องนี้ไม่ใช่หรือ เช่นนั้นข้าก็จะใช้วิธีของตัวเองแก้ปัญหา! ข้าไม่บังคับเจ้า เจ้าก็อย่ามาบังคับข้า!”
เมื่อได้ยินดังนั้น มารหลงหลี่ซิงถึงกับหัวเราะออกมาด้วยความโมโห ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว และน้ำเสียงก็พลอยเย้ยหยันนางไปด้วย
“ข้าบังคับเจ้าหรือ ข้า ผู้แข็งแกร่งที่สุดบนเส้นทางนี้ จะต้องบังคับเด็กหญิงตัวเล็กๆอย่างเจ้าด้วยหรือ ในเมื่อเจ้ารู้ว่าเจ้าไม่อาจเอาชนะได้ แล้วยังจะพุ่งเข้าไปหาความตายอีกหรือ หรือว่าเผ่ามังกรตายหมดแล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่ความรับผิดชอบของหลงเจี้ยนหรือ มันเกี่ยวอะไรกับเจ้า”
ทุกคำพูดของเขาเต็มไปด้วยการเสียดสี ดูแคลนพลังของนางและตำหนิว่านางยุ่งไม่เข้าเรื่อง หากเป็นเผ่ามังกรคนอื่น คำพูดนี้คงทำให้พวกเขาโกรธจนแทบระเบิด!
แต่ จินเป่าเอ๋อกลับเพียงแค่เหลือบมองเขาอย่างเฉยชา สีหน้าสงบนิ่งราวกับภูเขาที่ไม่มีวันสั่นไหว
“โอ้… พูดจบแล้วหรือ ถ้างั้นช่วยหลีกทางด้วย!”
ท่าทีที่สงบเยือกเย็นนั้น ทำเอามารหลงหลี่ซิง ถึงกับกลืนคำพูดทั้งหมดลงคอ ความโกรธในใจเหมือนถูกน้ำเย็นสาดจนดับวูบ
แม้เขาอยากจะพูดอะไรอีก แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี…
ความรู้สึกหนึ่งที่เรียกว่า “ไร้เรี่ยวแรง” เอ่อล้นขึ้นในใจเขา นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขารู้สึกแบบนี้กับใครสักคน ทั้งใส่ใจ ทั้งห่วงใย แต่ก็เต็มไปด้วยความขัดใจและความรู้สึกติดขัดที่อธิบายไม่ได้!
จากนั้น… เขาก็หมุนตัวกลับทันที และพูดทิ้งท้ายไว้เพียงคำเดียวด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์
“ยังจะยืนเฉยอยู่ทำไม เจ้าไม่อยากไปดูสถานการณ์หรือไง”
จินเป่าเอ๋อกระพริบตา มองทิศทางที่หลงหลี่ซิงเดินนำไป ใบหน้าของนางเผยรอยยิ้มบางๆ
แม้ว่าตอนนี้หลงหลี่ซิงจะยังไม่สมบูรณ์ แต่บางจุดก็ช่างเหมือนเขาในอีกหมื่นปีข้างหน้าเหลือเกิน! เช่น ความที่ปากร้าย ชอบเสียดสี ไม่ปรานีใคร แต่ถ้านางตอบสนองด้วยความสงบนิ่งตามน้ำ เขาก็จะจนปัญญาในทันที!
นี่เป็นนิสัยที่เหมือนกันแทบทุกประการ…
เมื่อคิดได้ดังนั้น นางก็รีบตามเขาไปโดยไม่ได้บอกอะไรเกี่ยวกับแผนของนาง จริงๆแล้วนางไม่ได้คิดจะบุ่มบ่ามบุกเข้าไปในทันที แต่ตั้งใจจะสร้างค่าายกลป้องกันก่อน!
แผนของนางมีสองส่วน คือ ทดสอบพลังของอีกฝ่าย หากศัตรูแข็งแกร่งมาก ค่ายกลของนางจะถูกทำลายอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะช่วยยืนยันได้ว่าอีกฝ่ายอาจเป็นเทพมาร เพราะเผ่ามารส่วนใหญ่หวาดกลัวพลังพิเศษของนาง แต่ถ้าไม่มีปฏิกิริยา นางจะกลับไปหา เทพมังกรหลงเจี้ยน เพื่อเตรียมการรบ นอกจากจะเพิ่มโอกาสชนะแล้ว ยังช่วยกระตุ้นให้เผ่าอื่นๆ ตื่นตัวขึ้น ยังไงก็ดีกว่าการบุกเข้าไปโดยไม่รู้อะไรเลย!
แต่เธอไม่คิดจะบอกเรื่องนี้ให้มารหลงหลี่ซิงรู้ เพราะตอนนี้นางมีมารหลงหลี่ซิง ผู้ที่แข็งแกร่งเทียบเท่าเทพมังกรหลงเจี้ยนอยู่ข้างกาย นั่นคือข้อได้เปรียบที่สำคัญมาก!
ตระกูลหลินหลาง กว้างใหญ่จนไร้ขอบเขต โดยเฉพาะที่พำนักของหัวหน้าตระกูลที่ใหญ่โตจนน่าตกใจ ทั้งสองเดินทางด้วยความรวดเร็ว แต่เพื่อลดความเสี่ยงที่จะถูกรู้ตัวและทำให้ศัตรูไหวตัว พวกเขาจึงเลือกที่จะซ่อนตัวเมื่อเข้าใกล้ ป่าไผ่ และลอบเข้าไปอย่างเงียบเชียบ…
แม้ว่าหลงหลี่ซิง จะอยากบุกเข้าไปจัดการศัตรูให้ตายไปโดยไม่ทันตั้งตัวมากกว่า แต่จินเป่าเอ๋อต้องการจับเป็นเพื่อนำมาสอบสวนแผนการของเผ่ามาร!
เส้นทางเล็กๆที่มืดมิด นำพวกเขามาจนถึงปลายทาง รอบๆมีเพียงต้นไผ่สูงใหญ่ที่ล้อมรอบเอาไว้ ไม่มีสิ่งอื่นใดให้เห็น ลมเย็นพัดผ่านมาพร้อมกับกลิ่นอายพลังมารจางๆแต่ไม่สามารถระบุได้ว่ามาจากที่ใด
จินเป่าเอ๋อจ้องมองป่าไผ่อันหนาทึบตรงหน้า นางมีรู้สึกแปลกๆ แม้ทุกอย่างดูเหมือนจะปกติ แต่กลับมีบางจุดที่ดูผิดธรรมชาติ!
เช่น ทางเดินหินกรวดที่จู่ๆก็ขาดหายไป ไม่ปรากฏเส้นทางต่อเบื้องหน้า หรือไผ่รอบตัวที่สูงใหญ่ผิดปกติ สูงกว่าทุกต้นที่นางเคยเห็น และ…พื้นดินในป่าไผ่ ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นเลยนอกจากต้นไผ่! แม้แต่หญ้าก็ไม่มีขึ้น ราวกับเป็นพื้นที่ ไร้สิ่งมีชีวิต อย่างแท้จริง
นางครุ่นคิด ก่อนจะพึมพำออกมาเบาๆ
“ค่ายกลเทียนโม่หรือ”
ขณะที่จินเป่าเอ๋อกำลังสังเกตสิ่งรอบตัว มารหลงหลี่ซิงที่อยู่ข้างกายก็ส่งเสียงหัวเราะเยาะเบาๆออกมา ราวกับรู้จักค่ายกลนี้เป็นอย่างดี!
จินเป่าเอ๋อชะงัก ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่า มารหลงหลี่ซิงดูเหมือนจะรู้ทุกอย่างจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นการการปรุงยา ค่ายกล ยันต์ การฝึกบำเพ็ญ หรือแม้แต่การสร้างอาวุธเซียน… ดูเหมือนไม่มีสิ่งใดที่เขาไม่รู้เลย!
“เจ้ารู้จักหรือ”
พูดจบ นางลองปล่อยพลังจิตออกไปสำรวจรอบๆอีกสองรอบ แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ ยกเว้นเพียงความรู้สึกเย็นยะเยือก…
มารหลงหลี่ซิงยิ้มเล็กน้อย มองนางด้วยท่าทางที่ผ่อนคลาย
“แน่นอนสิ สิ่งที่ข้าเคยเห็น ย่อมมากกว่าเจ้ามังกรหลงเจี้ยนหลายเท่านัก!”
เมื่อพูดจบ เขาก็เหลือบมองนาง แต่กลับพบว่า จินเป่าเอ๋อไม่ได้มีท่าทีตอบสนองเหมือนเหล่ามังกรที่คลั่งไคล้และศรัทธาในตัวหลงเจี้ยนจนออกนอกหน้า นั่นทำให้เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย และพูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ค่ายกลเทียนโม่ จะเป็นค่ายกลที่ใช้สถานที่แห่งหนึ่งเป็นศูนย์กลางในการดูดซับความเคียดแค้นและอารมณ์ด้านลบในโลก หลังจากนั้นพลังเหล่านี้จะถูกเปลี่ยนเป็นพลังมารที่เจ้าของค่ายกลสามารถใช้ได้ มันคล้ายกับค่ายกลรวมพลังวิญญาณที่ใช้กันในหมู่ผู้บำเพ็ญเซียน เพียงแต่ค่ายกลของมารใช้พลังมารเป็นตัวสร้าง ส่วนผู้บำเพ็ญเซียนใช้พลังวิญญาณแทน”
หลังจากพูดจบ เขากวาดสายตามองไปรอบๆอีกครั้ง บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก แม้ว่าตอนนี้ยังเป็นช่วงบ่าย แสงแดดยังไม่ลับฟ้า แต่ในป่าไผ่แห่งนี้กลับเต็มไปด้วยความหนาวเย็นและอึมครึม เป็นสถานที่เหมาะสมสำหรับการสร้างค่ายกลเทียนมาร
“แต่สิ่งที่ข้าคิดไม่ถึงคือ พวกมารกล้าสร้างค่ายกลแบบนี้ในเขตแดนของตระกูลหลินหลาง พวกมันไม่กลัวว่าจะถูกจับได้หรือ”
“แม้ว่าพวกมันจะไม่ตาย แต่หากถูกจับได้ก็จะต้องทนทุกข์ทรมานแน่!”
จินเป่าเอ๋อคิดตรงกับมารหลงหลี่ซิง นางมองไปยังป่าไผ่ตรงหน้าอีกครั้ง ดวงตาส่องประกายด้วยความครุ่นคิด…
ในวินาทีถัดมา สายตาของนางจ้องตรงไปยังจุดศูนย์กลางของป่าไผ่ และราวกับคิดอะไรบางอย่างได้ ดวงตานางพลันสว่างวาบ!
“หลงหลี่ซิง โจมตีต้นไผ่ต้นนั้นด้วยพลังมาร!”
มารหลงหลี่ซิง เมื่อได้ยินคำสั่งนั้น ดวงตาเขาฉายแววแปลกใจปนขบขันเล็กน้อย ดูเหมือนไม่คาดคิดว่านางจะตอบสนองได้เร็วขนาดนี้ หากไม่ใช่คนที่เชี่ยวชาญเรื่องค่ายกลอย่างมาก คงไม่มีทางคิดได้เร็วขนาดนี้แน่!
เขาอดคิดไม่ได้ว่า มันน่าสนใจ…
โดยเฉพาะเผ่ามังกร ที่นอกจากเหล่ามังกรชราที่มีอายุนับหมื่นปีแล้ว มักไม่มีใครสนใจหรือเข้าใจเรื่องค่ายกลเป็นพิเศษ แต่นางที่เพิ่งเป็นผู้ใหญ่กลับรู้เรื่องนี้
แม้จะคิดในใจเช่นนั้น มือของเขาก็ขยับโดยอัตโนมัติ พลังมารสีดำสนิทพุ่งออกไปในพริบตา กรีดผ่านอากาศและฟาดใส่ต้นไผ่ต้นนั้นจนขาดสะบั้น…
ในขณะเดียวกัน เขาก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไมนางถึงรู้ว่ามีเพียงพลังมารเท่านั้นที่สามารถเปิดค่ายกลนี้ได้
คำสั่งของนางเมื่อครู่นั้นเฉียบขาดจนเขารู้ว่า นางไม่มีเจตนาจะลงมือเองตั้งแต่แรก!
ทันใดนั้นเอง…
ท้องฟ้าพลันมืดครึ้มลงทั้งแผ่นดิน พื้นที่ป่าไผ่อันกว้างใหญ่ที่เดิมเต็มไปด้วยต้นไผ่กลับเผยให้เห็น กระท่อมไม้ไผ่ ปรากฏขึ้นมาแทนที่!
เหนือตัวกระท่อม มีพลังมารสีดำเข้มข้นหมุนวนอยู่เป็นก้อนใหญ่ พลังเหล่านั้นค่อยๆไหลเข้าสู่กระท่อมและหายไปในพริบตา พร้อมกับพลังอื่นๆจากฟากฟ้าที่ถูกดูดเข้ามาและถูกเปลี่ยนเป็นพลังมารเช่นกัน…
และตรงหน้านางกับเขา ปรากฏเส้นทางหนึ่งทอดตรงไปยังตัวกระท่อมทันที!
ทันใดนั้น มือใหญ่ของมารหลงหลี่ซิง เอื้อมมาคว้าเอวนางไว้แน่น และดึงนางเข้าสู่อ้อมกอดโดยไม่พูดอะไร
จินเป่าเอ๋อไม่ได้ขัดขืน เพราะนางรู้ว่าเขาทำเพื่อซ่อนร่างและพลังของพวกเขาไม่ให้ถูกตรวจจับ…