บทที่ 242 เทพมาร คือส่วนหนึ่งของเทพมังกร!
หากเป็นเพราะเหตุผลเหล่านี้ เหตุใดสนามรบเซียนมารถึงห้ามผู้ใดเข้าไปตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่กลับยอมให้นางเข้ามาล่ะ
ต้องรู้ว่า ถ้าไม่ใช่เพราะสนามทดสอบเปิดเส้นทางขึ้นมา ต่อให้นางฆ่าสัตว์อสูรกลายพันธุ์ทั้งหมดในสนามทดสอบก็ไม่มีทางเข้าไปได้!
ขณะที่นางกำลังครุ่นคิด เทพมังกรหลงเจี้ยนก็เดินเข้ามา สายตาเย็นชาที่มองกวาดไปรอบๆทำให้เหล่าหัวหน้าตระกูลมังกรต่างพากันแสดงความเคารพ ท่าทางเคร่งขรึมและยืดหลังตรง พร้อมเอ่ยอย่างนอบน้อม
“ท่านเทพมังกร!”
เมื่อจินเป่าเอ๋อเห็นดังนั้น นางก็ลุกขึ้นตามพร้อมเอ่ยคำตามคนอื่นโดยไร้สีหน้าใดๆ ในแววตาไม่มีทั้งความเคารพหรือความตื่นเต้นแม้แต่น้อย
หลงเจี้ยนมองท่าทีของนางอย่างละเอียด สังเกตทุกอย่างโดยไม่แสดงอารมณ์ แต่ในใจกลับรู้สึกเหนื่อยใจอย่างมาก!
ทั้งเผ่ามังกรล้วนยกย่องเขาเป็นอย่างยิ่ง แต่แม่มังกรขาวตัวนี้กลับดูไม่รู้สึกอะไรกับเขาเลย
ตั้งแต่ตอนแรกที่พยายามแสร้งแสดงความเคารพ ไปจนถึงการทำหน้าไร้อารมณ์ และตอนนี้ยืนอยู่ตรงหน้าเขาโดยเหม่อลอยออกนอกเรื่อง…
สิ่งนี้ทำให้หลงเจี้ยนอดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามกับตัวเองว่า…หรือว่าเขาอายุมากเกินไปจนเสน่ห์ลดลง หรือว่าแม่มังกรตัวนี้มีมังกรตัวอื่นในดวงใจอยู่แล้ว
ก่อนที่บรรยากาศจะเริ่มน่าอึดอัด หัวหน้ามังกรขาวคนเก่าก็พูดขึ้นมา!
“ไม่ทราบว่าท่านเทพมังกรเรียกพวกเรามาที่นี่เพราะมีคำสั่งใดหรือไม่”
หลงเจี้ยนเรียกสติกลับมา ก่อนจะเริ่มเข้าสู่หัวข้อสำคัญด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด
“คาดว่าพวกท่านคงได้เห็นรูปร่างและตัวตนของเทพมารแล้ว ข้าก็เรียกพวกท่านมาที่นี่เพราะเรื่องนี้!”
เมื่อได้ยินชื่อ "เทพมาร" จินเป่าเอ๋อที่กำลังเหม่ออยู่ก็ได้สติทันที ดวงตาเป็นประกาย เงยหน้าขึ้นมองเทพมังกรด้วยความตั้งใจ ในใจคิดว่าคำพูดต่อไปของเขาน่าจะสำคัญมาก!
หลงเจี้ยน: ……ทำไมพอพูดถึงเทพมาร นางถึงได้แสดงท่าทีสนใจขนาดนี้ หรือว่า…นางชอบเจ้าปีศาจนั่น!
ขณะที่เหล่ามังกรกำลังเตรียมฟังอย่างตั้งใจ พวกเขาก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศอันเย็นยะเยือกที่แผ่ออกมาจากเทพมังกรโดยไม่ทันตั้งตัว
หัวหน้ามังกรทองถึงกับสะดุ้ง รีบทำหน้าจริงจังยิ่งกว่าเดิม!
ยังไม่ทันจะพูดอะไร บรรยากาศกลับตึงเครียดถึงเพียงนี้ ชัดเจนว่าสถานการณ์ต้องร้ายแรงมาก! จากนั้นเสียงอันเยือกเย็นของหลงเจี้ยนก็ดังขึ้น
“เทพมาร…คือส่วนหนึ่งของข้า!”
เพียงคำพูดประโยคนั้นหลุดออกมา เทพมังกรหลงเจี้ยนก็หันไปมองจินเป่าเอ๋อโดยไม่ตั้งใจ
เมื่อสังเกตเห็นความตกใจและความซับซ้อนที่แวบผ่านดวงตาของนาง ใบหน้าของเขาก็เริ่มมืดมนลงทันที...
ผิดหวังมากหรือ เจ้ามารนั่นไม่ใช่ตัวตนที่เป็นอิสระ แต่เป็นอีกครึ่งหนึ่งที่เขาได้แยกออกไปตั้งแต่เมื่อครั้งอดีตกาล!
เหล่าหัวหน้าตระกูลมังกรที่ได้ยินเรื่องนี้ต่างพากันตกใจ แต่พวกเขาก็เข้าใจถึงความร้ายแรงของสถานการณ์
ใบหน้าของแต่ละคนจึงแปรเปลี่ยนเป็นความเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด
ในขณะเดียวกัน จินเป่าเอ๋อกลับเหมือนปริศนาในหัวได้รับการไขกระจ่าง! นางรีบเรียบเรียงเรื่องราวทั้งหมดในหัวอย่างรวดเร็ว
ไม่น่าแปลกใจเลยที่นางรู้สึกว่าเทพมังกรหลงเจี้ยน มีบางสิ่งที่คล้ายคลึงกับ "หลงหลี่ซิง" แต่ก็ยังแตกต่างกันไป...
ก่อนหน้านี้นางสงสัยว่าพลังของหลงหลี่ซิงน่าจะอยู่ในตัวของหลงเจี้ยน แต่เมื่อเข้าใกล้กลับไม่พบพลังนั้น!
จากนั้นนางได้พบเทพมาร ผู้ที่มีบุคลิกคล้ายคลึงกับหลงหลี่ซิงอย่างมาก ความรู้สึกคุ้นเคยและแปลกใหม่ในเวลาเดียวกันทำให้นางเกือบเข้าใจผิดอยู่หลายครั้ง!
ตอนนี้ เมื่อคิดย้อนกลับไป หากนำพลังของเทพมังกรและเทพมารมารวมกันเข้า…มันก็คือ "หลงหลี่ซิง" ตัวจริงไม่ผิดแน่!
ยิ่งไปกว่านั้น พลังของหลงเจี้ยนเป็นสีทองอ่อน ในขณะที่พลังของเทพมารเป็นสีดำบริสุทธิ์ แต่พลังของหลงหลี่ซิงกลับเป็นสีดำทอง
ลักษณะพลังสีดำที่ถูกเคลือบด้วยแสงสีทองนั่น...
เมื่อคิดตามแนวทางนี้ พลังที่สัมผัสได้อย่างแผ่วเบาเมื่อเข้าใกล้หลงเจี้ยน คงเป็นเพราะพลังนั้นถูกแบ่งแยกออกไป!
นี่จึงเป็นเหตุผลที่นางไม่สามารถมองเห็นหรือจับต้องพลังทั้งหมดได้!
เมื่อคิดเรื่องทั้งหมดได้อย่างกระจ่างชัด ความซับซ้อนก็ปรากฏในแววตาของนางอีกครั้ง
หากเป็นเช่นนี้ แล้วนางจะทำอย่างไรเพื่อรวมพลังเหล่านั้นเข้าด้วยกัน เพราะเมื่อถูกแยกออก นางไม่สามารถมองเห็นหรือสัมผัสได้โดยตรง จึงย่อมไม่สามารถนำพลังนั้นออกไปได้เช่นกัน
แต่ทว่า ความซับซ้อนและความตกใจเหล่านั้น ในสายตาของเทพมังกรหลงเจี้ยนกลับถูกตีความว่า เป็นความกังวลและความใส่ใจที่จินเป่าเอ๋อมีต่อเทพมาร!
ดังนั้น…บรรยากาศรอบตัวหลงเจี้ยนยิ่งเย็นยะเยือกลงไปอีก
เหล่าหัวหน้าตระกูลมังกรพากันรู้สึกถึงไอเย็นที่แทรกซึมเข้าไปถึงกระดูกและต่างพากันกระชับเสื้อคลุมแน่นขึ้น พร้อมอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเบาๆ
'เขตของเผ่ามังกรขาวอากาศผิดปกติหรือเปล่า ทำไมมันถึงหนาวขนาดนี้ล่ะ'
ทันใดนั้น เสียงทุ้มต่ำที่เย็นเยียบราวกับน้ำแข็งพันปีดังก้องเข้ามาในหูของเหล่ามังกร ทุกคนรู้สึกว่าความหนาวยิ่งทวีคูณ!
“ข้ากับเขาถูกแบ่งแยกออกตั้งแต่กำเนิด พวกเจ้าสามารถมองได้ว่าเราเป็น ‘แฝดผู้กำเนิดร่วมกัน’ ระดับพลังและพรสวรรค์ไม่แตกต่างกันแม้แต่น้อย ร่างกายภายนอกและกลิ่นอายของโลหิตยังเหมือนกันอย่างสมบูรณ์แบบ…”
จินเป่าเอ๋อพยักหน้าเบาๆหลังจากได้ยินคำพูดของหลงเจี้ยน นางพอจะเข้าใจความหมายของเขา สายตาเต็มไปด้วยความสงบนิ่ง
หลงเจียนชะงักไปเล็กน้อย ทำไมนางถึงได้สงบนิ่งขนาดนี้อีกแล้ว
หัวหน้าตระกูลมังกรแดงครุ่นคิดสักพักก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ท่านหมายความว่า จะรวมตัวเขาเข้าด้วยกันหรือกำจัดเขาทิ้ง แบบนั้นจะส่งผลกระทบต่อท่านหรือไม่ขอรับ”
คำถามนี้เป็นสิ่งที่ทุกคนอยากรู้เช่นกัน จินเป่าเอ๋อเงยหน้าขึ้น และสบสายตากับหลงเจี้ยนพอดี!
ในดวงตาสีม่วงเข้มของเขา มีแววเย็นชาและความตั้งใจที่ยากจะอธิบายปรากฏอยู่
แต่เพียงแวบเดียวเท่านั้นที่นางก็เหมือนจะมองเห็นแววอิจฉาริษยาที่ซ่อนอยู่ลึกๆในดวงตาคู่นั้น…
อืม เดี๋ยวนะ! อิจฉาหรือ!
นางกระพริบตาอย่างสงสัย แต่เมื่อมองอีกครั้ง หลงเจี้ยนกลับเบือนสายตาออกไปแล้ว จนนางเริ่มคิดว่าภาพเมื่อครู่เป็นเพียงจินตนาการของนางเอง
หลงเจี้ยนเหลือบมองหัวหน้าตระกูลมังกรแดงด้วยสีหน้าสงบนิ่ง กลบเกลื่อนความกังวลเล็กน้อยในใจ
“ข้าจะไม่รวมตัวกับเขา และข้าเองก็ไม่มีทางทำได้ ส่วนการกำจัดเขา…ข้าทำไม่ได้ และไม่มีใครในแดนสวรรค์นี้ที่สามารถทำได้เช่นกัน!”
หมายความว่า…สิ่งที่ทำได้คือการกักขัง การผนึก หรือไม่ก็…ทำให้เขายอมสวามิภักดิ์หรือ
เหล่าหัวหน้าตระกูลมังกรต่างสบตากัน ทุกคนล้วนเข้าใจถึงความหมายนี้ แต่ก็รู้ว่านั่นแทบเป็นไปไม่ได้!
ครั้งที่แล้วที่สามารถจับตัวเขาไว้ได้ ก็เป็นเพราะเขาได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้กับหลงเจี้ยน ท้ายที่สุดเขาก็หนีรอดไปได้อยู่ดี แสดงให้เห็นว่า "กักขัง" ไม่ใช่ทางเลือกที่ยั่งยืน
สำหรับการ "ผนึก" แม้จะไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ด้วยความเจ้าเล่ห์และมากเล่ห์เหลี่ยมของเผ่ามาร การผนึกเทพมารนั้น…ด้วยสติปัญญาของเผ่ามังกร บอกได้เลยว่าเป็นเรื่องที่เกินความสามารถอย่างแน่นอน!
ส่วนการ "ทำให้เขายอมสวามิภักดิ์" …หึ! นั่นมันเรื่องเพ้อฝัน! เทพมารผู้หยิ่งทะนง เย่อหยิ่งดื้อรั้น และเต็มไปด้วยความอำมหิต ใครกันที่จะสามารถทำให้เขายอมสวามิภักดิ์ได้ นั่นมันแทบไม่ต่างอะไรกับการฝันลมๆแล้งๆ!
จินเป่าเอ๋อเองก็เข้าใจเรื่องนี้ดี จากที่เห็นตอนนี้ หากต้องการให้ทั้งสองรวมกันเป็นหนึ่ง เกรงว่าคงต้องใช้แผนการที่แยบยล เพราะนางเองก็ไม่มีทางสู้เขาได้ ติดแค่ว่า…นางทำได้เพียงพอที่จะฉุดรั้งเขาไว้ชั่วคราวเท่านั้น…
“แล้วความหมายของท่านเทพมังกรคือ…” หัวหน้าตระกูลมังกรทองเอ่ยถามอย่างสงบนิ่ง ดวงตาจับจ้องไปที่หลงเจี้ยนด้วยความคาดหวัง
อีกฝ่ายไม่ได้มีท่าทีตอบสนองอะไรมากนัก เอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ข้าตั้งใจจะใช้ค่ายกลกักขังเทพมาร จากนั้นจึงผนึกเขาไว้!”
ส่วนเรื่องที่ว่าค่ายกลจะมาจากไหน หรือจะวางแผนอย่างไรให้เทพมารตกเข้าไปในกับดักนั้น ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องคิด!
เมื่อมองเห็นความหมายที่ชัดเจนในสายตาของหลงเจี้ยน หัวหน้าตระกูลมังกรทองอดไม่ได้ที่จะกระตุกมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองเพื่อนหัวหน้ามังกรอีกสามคนที่ดูเหมือนจะซื่อพอกัน ในใจก็อดรู้สึกพูดไม่ออกไม่ได้
ชัดเจนว่าเรื่องทั้งหมดนี้ถูกโยนมาให้เขาจัดการอีกแล้ว!
เพราะตั้งแต่ไหนแต่ไร ตระกูลมังกรทองก็มักเป็นตัวแทนของความมั่นคงและความชาญฉลาดที่สุดในหมู่มังกร
เมื่อคิดได้ดังนั้น ใบหน้าของเขาก็เริ่มจริงจังขึ้นโดยไม่รู้ตัว ทันใดนั้นเขาก็สบตากับจินเป่าเอ๋อที่มีสีหน้าเคร่งเครียดไม่ต่างกัน…
แล้วจู่ๆความคิดหนึ่งก็แวบขึ้นมาในหัวของเขา!
แผนการลับสุดยอดเริ่มก่อตัวขึ้นในความคิดของเขา!
เมื่อมองดูแม่มังกรสาวน้อยที่ยืนอยู่ตรงหน้า เขารู้สึกว่าจินเป่าเอ๋อนับวันก็ยิ่งสวยขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะใบหน้าที่งดงามจนเหมือนเทพเซียน ประกอบกับสายตาของเทพมังกรหลงเจี้ยนที่มักจะเหลือบมองนางอยู่ตลอดเวลา… หัวหน้าตระกูลมังกรทองมั่นใจเต็มร้อยว่า แผนนี้ไม่มีทางพลาด!
ขณะเดียวกัน จินเป่าเอ๋อยังคงนิ่งเงียบมาตลอด ทั้งหมดนี้นางใช้เวลาคิดหาวิธีแก้ปัญหาเกี่ยวกับค่ายกล
ในฐานะที่นางมีความรู้ด้านนี้อยู่ไม่น้อย แต่นางยังไม่มั่นใจว่าจะใช้ค่ายกลใดเพื่อกักขังเทพมาร อีกทั้งยังไม่แน่ใจว่าจะล่อลวงเขาให้เข้ามาติดกับได้อย่างไร!
ในขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น นางรู้สึกได้ถึงสายตาที่ร้อนแรงจ้องมาทางนางอย่างจัง ทำให้นางสะดุ้งตื่นจากความคิดและหันไปมองตามสัญชาตญาณ…